การค้าหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน (insider trading)

โดย : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวในประเทศไทยที่สำคัญข่าวหนึ่งคือการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกรายงานประจำปี

เกี่ยวกับการค้ามนุษย์และได้ลดอันดับไทยลงจากอันดับ 2 มาเป็นอันดับ 3 ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นของฝ่ายบริหารของสหรัฐที่กระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างมากในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนแต่ผมไม่คิดว่าการถูกลดอันดับดังกล่าวจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญกับการส่งออกของไทย

ในสหรัฐนั้นฝ่ายบริหารมีอำนาจหน้าที่มากและกว้างขวาง และสหรัฐเองก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งส่วนที่กระทบไทยนั้นบางคนอาจเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ผมเชื่อว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นการทำงานกันตามปกติของฝ่ายบริหารที่ยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าฝ่ายที่เขียนและผ่านกฎหมายคือรัฐสภาซึ่งมีความเป็นอิสระแยกออกมาจากฝ่ายบริหาร ชัดเจนกว่าระบบการปกครองแบบอังกฤษ (ที่ไทยเคยมีแต่ยกเลิกไปชั่วคราว) ซึ่งประชาชนเลือกผู้แทนราษฎร แต่ผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองเป็นผู้จัดตั้งฝ่ายบริหาร

ซึ่งในช่วงหลังนี้ปรากฏความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อ กลต. ของสหรัฐเป็นโจทย์ฟ้องร้องต่อศาลของรัฐบาลกลางให้บังคับรัฐสภาสหรัฐให้ปฏิบัติตามหมายเรียกของศาลมลรัฐนิวยอร์กที่ต้องการให้คณะกรรมการ Ways and Means ของสภาผู้แทนสหรัฐ และนาย Brain Sutter ผู้ช่วยคณะกรรมการสาธารณสุขให้เปิดเผยข้อมูลที่ กลต. เชื่อว่าเป็นการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการค้าหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน (insider trading) ซึ่งการฟ้องร้องดังกล่าวสืบเนื่องจากการสืบสวนของ กลต. ในเดือนเมษายน 2013 ที่ปรากฏว่ามีข่าวรั่วออกมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายสาธารณสุขที่มีนัยสำคัญ โดยนักค้าหุ้นที่ Wall Street รับทราบข่าวดังกล่าวก่อนการแถลงอย่างเป็นทางการของฝ่ายบริหาร

กล่าวโดยสรุปคือ กลต. จะสอบสวนรัฐสภาโดยเชื่อว่าข่าวรั่วมาจากคณะกรรมการ Ways and Means และนาย Sutter สำหรับคณะกรรมการ Ways and Means นั้นเป็นคณะกรรมการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการค้า (และออกมาตรการกีดกันทางการค้า) และมีความสำคัญมากกว่าคณะกรรมการเศรษฐกิจเสียอีก อย่างไรก็ดี ทั้งคณะกรรมการ Ways and Means และนาย Sutter ยังไม่ยอมรับอำนาจศาลให้ตอบหมายเรียกและมารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 1 กรกฎาคม (จากรายงานข่าววันที่ 24 มิถุนายน) ทั้งนี้ ทนายของรัฐสภาสหรัฐอ้างว่ารัฐสภาได้รับการคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้ง (ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการสืบสวนของ กลต. อย่างไร) โดยรัฐสภากล่าวว่าจะตอบโต้คำสั่งศาลในรายละเอียดอย่างชัดเจนต่อไป ซึ่งเป็นไปได้ว่ารัฐสภาจะอ้างรัฐธรรมนูญสหรัฐที่ปกป้องฝ่ายนิติบัญญัติมิให้ถูกหน่วยงานของฝ่ายบริหารกลั่นแกล้งโดยการสั่งการสืบสวนสอบสวนอย่างไม่เป็นธรรม

แต่การสอบสวนการค้าหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในของ กลต. สหรัฐนั้นได้ส่งผลที่มีนัยสำคัญกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นได้จากการที่บริษัทลอบบี้ยีสต์หลายบริษัทในกรุงวอชิงตันที่มีความชำนาญด้านการแสวงหาข้อมูลให้นักลงทุนเริ่มปิดตัวลงหรือปรับการให้บริการจากที่เดิมเน้นการหาข้อมูลด้านนโยบายที่น่าจะส่งผลต่อตลาดทุน (political intelligence) เพราะเกรงกลัวการสอบสวนของ กลต. สหรัฐ ตัวอย่างเช่น นาย Alex Vogel ซึ่งสร้างบริษัทสืบหาข้อมูลเชิงนโยบายดังกล่าวมาร่วม 10 ปี ก็เปลี่ยนมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Vogel Hood Research ที่ทำการคาดคะเนแนวโน้มตลาดโดยอาศัยแบบจำลองจาก computer algorithm ซึ่งใช้ข้อมูลที่เป็นข้อมูลสาธารณะทั้งหมด

นอกจากนั้นกองทุนประกันความเสี่ยง (hedge funds) บางรายเช่น SAC Capital Advisors ซึ่งเคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อข้อมูล political intelligence จากบริษัทลอบบี้ยีสต์กว่า 10 แห่งก็เปลี่ยนชื่อเป็น Point 72 Asset Management และยุติการซื้อข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของนโยบายของรัฐทั้งหมด ทั้งนี้ หลังจากที่ SAC ยอมรับผิดว่าได้อาศัยข้อมูลภายในเพื่อการค้าหุ้นจริง ทั้งนี้ บริษัทลงทุนต่างๆ ยังยืนยันว่าพวกเขาย่อมมีสิทธิที่จะแสวงหาข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนจากรัฐบาล แต่จะไม่นำเอาข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลสาธารณะมาเป็นพื้นฐานหลักในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่อาจจะเกิดจากข้อมูลดังกล่าว ตรงนี้ผมเห็นว่าพูดง่ายแต่ทำยากเพราะหากแสวงหาข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลสาธารณะและคิดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น แต่จะไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวโดยตรงในการเก็งกำไรนั้นน่าจะทำได้ยาลำบากมาก แต่ประเด็นคือทั้งบริษัทที่เป็นผู้หาข้อมูลดังกล่าวและบริษัทที่ใช้ข้อมูลดังกล่าวกำลังระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าขณะนี้ กลต. สหรัฐกำลัง “เชือดไก่ให้ลิงดู” (make attest case) เกี่ยวกับการได้มาและใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อการเก็งกำไรในตลาดทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่มีใครอยากเป็น “ไก่” ให้ กลต. เชือดนั่นเอง และในหลายกรณีทั้งบริษัทที่เป็นผู้หาข้อมูลและบริษัทที่ใช้ข้อมูลประเภทนี้ก็กำลังทยอยกันปิดตัวลงหรือปรับตัวมิให้ถูกกล่าวหาโดย กลต. ได้ว่าได้ข้อมูลภายในจากวอชิงตัน

ทั้งนี้ ผมเขียนว่า “ค้าหุ้น” นั้นกล่าวในเชิงความหมายกว้างเพื่อรวมถึงการซื้อหรือขายหุ้น การซื้อหรือขายหุ้นล่วงหน้า การใช้อนุพันธ์ต่างๆ และการเก็งกำไรผ่านตลาดทองคำ ตลาดตราสารหนี้ ตลาดโภคภัณฑ์และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน นะครับ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน