เรียนไม่ตรงใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์ (2)
โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ถึงเวลาที่บ้านเราจะได้ปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความเป็นไปของโลก หลังจากพูดถึงการ “ปฏิรูปการศึกษา”
มานานแต่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมกลับไม่เพียงพอและเท่าทันกับสถานการณ์โลก สาเหตุหนึ่งที่เปิดประเด็นไว้ในไอทีไร้พรมแดนฉบับที่แล้วก็คือการเลือกเรียนของเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับความสนใจที่แท้จริง
การปรับเปลี่ยน ย้ายคณะ โอนหน่วยกิตไปยังสาขาอื่นก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากในระบบการศึกษาปัจจุบัน ทางออกกรณีนี้จึงต้องเปิดกว้างมากขึ้นทั้งสถาบันการศึกษาและพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องเปิดใจกว้างให้บุตรหลานได้ศึกษาต่อในสาขาที่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงของเขา
มาต่อกันที่แนวทางแก้ไข ข้อที่ 2 ที่ผมรู้สึกมาตลอดว่าระบบการศึกษาของบ้านเราเหมือนกับการทำฟัวกราส์ (foie gras) ที่อัดข้าวโพดให้เป็ดที่เลี้ยงไว้เป็นพิเศษตลอดอายุของมันเพื่อให้ตับมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ไม่ต่างอะไรกับเด็กนักเรียนที่ต้องยัดเนื้อหาวิชาการที่ต้องเรียนรู้มากเกินความจำเป็น เพื่อให้เข้าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ผู้ปกครองคาดหวัง หรือเพียงเพื่อให้ได้ใบปริญญาในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ประเด็นนี้น่ากังวลเป็นทวีคูณในยุคที่เวลาของเด็กๆ ในวันนี้เดินเร็วกว่าอดีตหลายเท่า แม้ว่าทุกวินาทีจะมีค่าเท่ากัน แต่ผลจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละวินาทีนั้นมีผลมากกว่าในยุคพ่อหรือยุคปู่ของเขามากมายหลายเท่า
การเรียนรู้ที่เกินจำเป็นจะส่งผลให้เด็กยุคนี้ใช้เวลาแต่ในห้องเรียนเพื่อเนื้อหาวิชาการเป็นหลัก แต่ขาดการเรียนรู้เรื่องความเป็นไปของโลก ซึ่งอาจเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียนหรืออาศัยการพูดคุย สนทนา ตั้งปัญหาระหว่างครูกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เขาได้ศึกษาเรื่องราวในอดีตและวิเคราะห์ไปถึงอนาคตได้พร้อมๆ กัน
ข้อ 3 คือการผลักดันนิสิตนักศึกษาให้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงให้เร็วที่สุด เพราะการเรียนรู้อยู่แต่เพียงในรั้วมหาวิทยาลัยไม่เพียงพอกับโลกธุรกิจทุกวันนี้ที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน การให้เด็กก้าวไปสู่โลกธุรกิจจริง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกงานหรือโครงการสหกิจศึกษาที่ได้เข้าร่วมงานกับองค์กรธุรกิจต่างๆ จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีได้
แต่ทั้งนี้ประสบการณ์ที่เด็กๆ จะได้รับก็ต้องผ่านการกลั่นกรองแล้วว่าจะเป็นประโยชน์กับเขาจริงๆ ไม่ได้เป็นแค่ใบผ่านงาน เพราะยังมีหลายๆ องค์กรรับเด็กฝึกงานมาให้ทำงานง่ายๆ อย่างถ่ายเอกสารหรือชงกาแฟเท่านั้น ซึ่งเด็กๆ จะไม่มีวันได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไปใช้ในอนาคตเลย
ตรงกันข้ามกับหลายๆ องค์กรที่หาทางใช้พลังจากเด็กๆ กลุ่มนี้ ด้วยการมอบหมายงานให้คิด ให้ทำ เพราะเชื่อมั่นในพลังความคิดของคนรุ่นใหม่ สุดท้ายแล้วองค์กรก็ได้แนวคิดนอกกรอบไปใช้และอาจดึงตัวเด็กบางคนที่เห็นแววให้มาร่วมงานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เป็นกรณีที่ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย
ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เป็นแนวทางแก้ไข ซึ่งจะฝากไว้ให้พิจารณาเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของชาติให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่พื้นที่หมดลงเสียก่อน โปรดติดตามสัปดาห์หน้าครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน