ชี้บทเรียน'จำนำข้าว'ราคาแพง
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ชี้บทเรียนจำนำข้าวราคาแพง เลิกมายาคติ-จำกัดการอุดหนุน
วานนี้ (5 พ.ย.) นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอและคณะ ได้เสนอรายงานผลการศึกษา สู่แนวคิดใหม่ของนโยบายอุดหนุนภาคเกษตร:บทเรียนจากนโยบายจำนำข้าวเสนอต่อสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีรายละเอียดบางตอนของผลการศึกษา
โครงการจำนำข้าวปี 2554-57 เป็นโครงการแทรกแซงตลาดข้าวไทยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยรัฐบาลใช้เงิน 9.85 แสนล้านบาท ซื้อข้าว 54.4 ล้านตัน (53% ของผลผลิต) ชาวนาเข้าโครงการมากที่สุด 1.77 ล้านราย รอบ 1 ปี 2555/56 โรงสี 826 แห่ง โกดัง 1,685 แห่ง ผู้ตรวจข้าว 20 ราย โดยชาวนาในโครงการได้รายได้ทางตรงเพิ่มขึ้น 2.96 แสนล้านบาท ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม 5.61 แสนล้านบาท โดยประโยชน์ส่วนใหญ่ตกกับชาวนารายกลางและรายใหญ่
ถ้าตีราคาสต็อกในเดือนเม.ย. 2557 จะขาดทุนรวม 5.4 แสนล้านบาท และเพิ่มเป็น 7.5 แสนล้านบาท ถ้าขายข้าวหมดใน 10 ปี แต่ถ้ารวมปัญหาข้าวในสต็อก 85% มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน (ณ ต.ค. 2557) มูลค่าขาดทุนจะเพิ่มเป็น 6.6 แสนล้านบาท และจะขาดทุนเพิ่มเป็น 9.6 แสนล้านบาทถ้าขายข้าวหมดใน 10 ปี
นโยบายจำนำข้าวก่อให้เกิดต้นทุนและความเสียหายต่อสังคม มากกว่าประโยชน์ต่อชาวนาและผู้บริโภคเป็นมูลค่า 1.23 แสนล้านบาท (ต้นทุนสวัสดิการ -1.23 แสนล้านบาท)
ชาวนาผู้เข้าร่วมโครงการและที่ไม่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เห็นว่ามีการทุจริตในโครงการอยู่ในระดับค่อนข้างสูง และมีการทุจริตอยู่ในทุกระดับของการดำเนินงาน ถ้ารวมทุจริตส่งข้าวคุณภาพต่ำเข้าโกดังกลาง มูลค่าทุจริตจะเพิ่มเป็น 1.09 แสนล้านบาท
หลักฐานเชื่อมโยงการทุจริตระบายข้าวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
รัฐบาลขายข้าวให้พรรคพวก โดยขายข้าว 5.3 ล้านตันให้พรรคพวกที่เสนอซื้อในราคาต่ำ ข้าวส่วนใหญ่ถูกขายในประเทศ เพราะราคาข้าวสารขายปลีกใกล้เคียงสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีการลักลอบนำข้าวเปลือก/ข้าวสารจากโรงสีของโครงการจำนำไปขายก่อน แล้วซื้อข้าวคุณภาพต่ำมาคืน ปรากฏรายงานข้าวหาย 2.98 ล้านตัน ณ 31 ม.ค.2556
นายหน้าใช้อิทธิพลนำข้าวเปลือกจากโรงสีไปขายให้ผู้ส่งออกข้าวนึ่ง โดยไทยสามารถส่งออกข้าวนึ่ง 4.76 ล้านตัน ในช่วงต.ค.2554-เม.ย.2557 ทั้งๆที่โครงการไม่มีการทำข้าวนึ่งและข้าวนาปรังเกือบทุกเม็ดขายให้รัฐบาลหมด
วิธีหาข้าวคืนคลัง : ใช้อิทธิพลซื้อข้าวเก่าจากโครงการจำนำในอดีต 2 ล้านตัน ข้าวคุณภาพต่ำ ข้าวต่างประเทศ มาส่งคืนคลัง นี่คือสาเหตุที่ข้าวกว่า 85% ในโกดังไม่ได้มาตรฐาน แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้นำมาคืนโกดังกลาง คือ ความไม่ชอบพามากล เมื่อมีข่าวข้าวหาย 2.98 ล้านตัน การหาข้าวมาคืนคลัง โดยการ “ยืม” ข้าวจากโครงการรับจำนำรอบ 2 ปี 2555/56 ไปคืนโครงการรอบ 1 ปี 2555/56
มีการทุจริตขายข้าวถุงของ อคส. โดยการตรวจสอบพบของการสอบสวนของคณะกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภา
การตรวจสต็อกของ คสช.พบข้าวหายเพียง 1.2 แสนตัน ไม่น่าแปลกใจ เพราะเวลาล่วงเลยมาถึง 12 เดือน หลังมีข่าวข้าวหาย เพราะโรงสีและโกดังสามารถหาซื้อข้าวเก่าจากรัฐบาล (2 ล้านตัน) ข้าวต่างประเทศ (2-3 ล้านตัน) และข้าวตกเกรดการคัดมาตรฐานมาส่งแทนข้าวใหม่
ความเสียหายของโครงการรับจำนำเกิดจากความล้มเหลวทั้งด้านตัวนโยบาย หรือความบกพร่องในการดำเนินงาน ค่าเช่าทางเศรษฐกิจมีมูลค่า 5.85 แสนล้านบาท (41% ของGDPเกษตร) ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงทุนเพื่อแสวงหากำไรพิเศษนี้ เป็นการถลุงทรัพยากรแท้จริงของประเทศ และส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
การป้องกันมิให้เกิดนโยบายรับจำนำข้าวรอบที่ 3
ปัญหาสำคัญ คือ ชาวนาและสื่อมวลชนจำนวนมากยัง “ติดกับดักการจำนำข้าว” โดยคนจำนวนมากยังมีมายาคติว่า “ชาวนาเป็นคนยากจน หากรัฐไม่ช่วยเหลือ จะอยู่ไม่รอด” ซึ่งรัฐบาลจะต้องกล้ารณรงค์ สร้างทัศนคติใหม่ในหมู่ชาวนา ประชาชนและสื่อมวลชนเรื่อง การร่วมมือกันแก้ปัญหา แทนนโยบายอุดหนุนราคาได้อย่างไร
ต้องแก้กฎหมายกำหนดให้พรรคการเมืองที่หาเสียงต้องแจกแจง ภาระค่าใช้จ่ายและที่มาของเงินได้ กำหนดให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งต้องเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายพิเศษต่อรัฐสภา เปิดเผยบัญชีการเงินและผลการดำเนินงานต่อรัฐสภาก่อนเสนอร่างงบประมาณปีใหม่ แก้ไขกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการให้รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูล หากปกปิดมีความผิด ตราพระราชบัญญัติจำกัดอำนาจรัฐในการแทรกแซงตลาด
นอกจากนี้การจัดทำบัญชีรวมของโครงการประชานิยมทุกโครงการ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ทั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลและรัฐสภารับทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมด การจัดทำรายงานอิสระเรื่องผลกระทบและบทเรียนจากโครงการรับจำนำข้าว เพื่อสรุปเป็นบทเรียนสำหรับประชาชน
การแปลงภาระขาดทุนให้เป็นหนี้การคลัง หลังจากการตรวจสอบสต็อกและจัดทำบัญชีรวมเสร็จสิ้น รัฐบาลควรทำการออกพันธบัตรเพื่อหาเงินชำระหนี้ และจัดทำแผนการชำระทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ชัดเจน พร้อมกำหนดแนวทางการระบายข้าวในสต็อก
ข้อเสนอแนะต่อ คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ควรเริ่มจัดวางระเบียบใหม่ว่าด้วยการแทรกแซงตลาดแบบโปร่งใส กำหนดและเร่งรัดให้หน่วยงานรัฐจัดทำบัญชี และบัญชีรวมโครงการเสนอ สนช. และสภาปฏิรูปทุกไตรมาส จัดตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนปัญหาข้าวในโกดังไม่ได้มาตรฐาน เพื่อหาสาเหตุ และให้หน่วยงานรัฐสืบสวนหาผู้รับผิดชอบทั้งผู้ประกอบการเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐมนตรี และนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง
นโยบายจำนำข้าวเป็นโครงการอุดหนุนที่แพงและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์นโยบายเกษตรไทย อุดหนุนชาวนามีฐานะ ผู้บริโภค โรงสี โกดัง ผู้ตรวจข้าว สร้างความร่ำรวยให้พ่อค้าพรรคพวก และนักการเมือง
แนวคิด“ทศวรรษใหม่ของการอุดหนุนเพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มสมรรถนะการแข่งขันของภาคเกษตร” ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องมีแผนการลงทุนใช้เงินเพื่อพัฒนาเกษตร จำกัดวงเงินอุดหนุนด้านราคา จำกัดการช่วยเหลือเฉพาะเกษตรกรยากจน/คนชรา การช่วยเหลือเกษตรกรยากจนควรเป็นเพียงการสงเคราะห์ชั่วคราวควบคู่กับการสร้างศักยภาพในการประกอบอาชีพ ใช้งบประมาณส่วนใหญ่ ในการสร้างศักยภาพในการผลิตของเกษตรกรและเกษตรกรรม (productive capacity)
การแทรกแซงตลาดควรมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น และทำงานได้ดีขึ้น ให้เกษตรกรหัวก้าวหน้า/ชุมชน/ภาคประชาสังคม/มหาวิทยาลัย/ภาคเอกชนเป็นผู้เสนอและร่วมดำเนินโครงการ โดยรัฐให้เงินทุนสนับสนุนหน่วยราชการปรับบทบาทมาเป็นผู้ประสานงาน ผู้จัดการโครงการ และติดตามประเมินผลโครงการ
การกำหนดประเภทและเงินอุดหนุนควรเริ่มจากการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรและการปรับโครงสร้างการเกษตรก่อน โจทย์ 1 : กลุ่มชาวนาเงินล้าน....ไม่น่าห่วง...ไม่ต้องอุดหนุน แต่ช่วยลดอุปสรรค ต้องมีวิจัยการตลาด และวิจัยสายพันธุ์ข้าวที่ตลาดต้องการบริโภค
ต้องหยุดการอุดหนุน โดยเฉพาะชาวนารายใหญ่ในเขตชลประทานที่ใช้น้ำฟรี
โจทย์ 2 : เกษตรทางเลือกเป็นเกษตรกรกลุ่มเล็กๆ และปราชญ์ชาวบ้าน รัฐจะมีมาตรการอย่างไรให้ชาวนากลุ่มนี้มีบทบาทช่วย นำการส่งเสริมและพัฒนาข้าวไทยในอนาคต
โจทย์ 3 : ชาวนารายเล็ก-กลางทำนาบางเวลา ทำอย่างไรจึงจะมีกำไรรวมเพิ่มจากการทำนา อาจต้องรวมแปลงนา เพื่อลดต้นทุน และแก้ปัญหาเรื่องขาดน้ำ จัดการแปลงนาใหม่ แก้กฎหมายการเช่านา แก้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่ดินแพง และข้อจำกัดเรื่องน้ำ รวมทั้งการรวมกลุ่มผลิตข้าวคุณภาพดี
โจทย์ 4 : เกษตรกรยากจนออกนอกเกษตรเท่านั้น ต้องพัฒนาทักษะและความรู้เพื่อให้ย้ายออกจากภาคเกษตร และการพัฒนาชนบท
สรุปนโยบายด้านเกษตรกร ต้องยกฐานะความเป็นอยู่ และสร้างความยืดหยุ่นให้เกษตรกร พัฒนาความรู้และการจัดการสมัยใหม่ ควบคู่กับการพัฒนาตลาด ย้ายเกษตรกรยากจนออกจากเกษตรโดยการพัฒนาทักษะควบคู่กับการพัฒนาชนบท
tdriชำแหละทุจริตจำนำข้าว1-1แสนล้าน
จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...กนกวรรณ บุญประเสริฐ
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ศึกษาพฤติกรรมการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าวปี 2554-2557 ที่ใช้เงิน 9.85 แสนล้าบาท ในการแทรกแซงตลาดข้าวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ มีการรับซื้อข้าวรวม 54.4 ล้านตัน หรือประมาณ 53% ของผลผลิต
นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงกระบวนการทุจริตในการระบายข้าวที่มีมูลค่ากว่า 1.1 แสนล้านบาท ว่า เกิดจากการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 7.8 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าทุจริต 4.5 หมื่นล้านบาท ข้าวหาย 1.2 แสนตัน และการสับเปลี่ยนข้าวที่มีคุณภาพจากโรงสีไปขายก่อน แล้วเอาข้าวคุณภาพต่ำมาคืนโกดัง ปริมาณ 5.9 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าทุจริตรวมกันกว่า 3.44 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การเลือกข้าวขายให้พ่อค้าพรรคพวกเดียวกันในราคา 11 บาท/กิโลกรัม (กก.) ต่ำกว่าต้นทุนที่รับจำนำมา จำนวน 5.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าทุจริต 2.15 หมื่นล้านบาท การดำเนินการขายข้าวถุง 2.4 ล้านตัน ที่คาดว่ามีข้าวเข้าตลาดจริงเพียง 1.86 แสนตัน เมื่อคำนวณรวมกับค่าปรับปรุงคุณภาพและค่าขนส่งข้าวถุง คิดเป็นมูลค่าทุจริตกว่า 8,541 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจ ได้พบพฤติกรรมการทุจริต เช่น มีการโกหกว่าขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 1.76 ล้านตัน ในปี 2555 และ 7-8 ล้านตัน ในปี 2555-2556 แต่ตรวจหาเอกสารหลักฐานไม่เจอ โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกที่กรมศุลกากร ไม่พบการส่งออกโดยรัฐบาล มีเพียงข้อมูลการส่งออกของสมาคมส่งออกข้าวไทย นอกจากนี้ยังมีการปิดบังข้อมูล ด้วยการโอนหน้าที่การออกใบอนุญาตส่งออกข้าวขาวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลับไปที่กระทรวงพาณิชย์ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า บริษัทที่ส่งออกข้าวมีการส่งออกจำนวนและราคาเท่าไหร่
ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีการลักลอบขนข้าวคุณภาพดีไปขายก่อน โดยมีการรายงานว่าข้าวหาย 2.98 ล้านตัน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2556 แต่กว่าที่จะมีการประกาศออกมา ก็เดือน มิ.ย. 2556 โดย สุภา ปิยะจิตติ ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าว
การลักลอบขนข้าวคุณภาพออกไป จากนั้นมีการซื้อข้าวคุณภาพต่ำเข้ามาคืนโกดัง ทั้งข้าวเก่าในยุครัฐบาลทักษิณ ประมาณ 2 ล้านตัน และข้าวคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านมาแทน จนปริมาณเพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน และคาดว่าน่าจะมีการนำข้าวจากการรับจำนำในรอบที่ 4 มาใช้คืนรอบที่ 3 เพราะกลัวความผิด
และนี่เป็นสาเหตุให้รัฐบาลชุดนี้เมื่อตรวจสอบสต๊อกข้าวในโกดังแล้ว พบว่า เป็นข้าวที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า 85% โดยข้าวที่มีมาตรฐานมีเพียง 14%
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นายหน้าใช้อิทธิพลนำข้าวเปลือกจากโรงสีไปขายให้ผู้ส่งออกข้าวนึ่ง ทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวนึ่งได้ 4.76 ล้านตัน ช่วงเดือน ต.ค. 2554-เม.ย. 2557 ทั้งที่โครงการรับจำนำข้าวไม่เคยมีโครงการทำข้าวนึ่ง ขณะที่ข้าวนาปรังถูกขายให้รัฐบาลหมดทุกเมล็ด แต่ทำไมจึงยังมีการส่งออกข้าวนึ่งได้
ขณะเดียวกัน หากประเมินความเสียหายเป็นค่าเช่าทางเศรษฐกิจ มูลค่าสูงถึง 5.85 แสนล้านบาท หรือ 41% ของจีดีพีเกษตร ทำให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถลงทุนเพื่อแสวงหากำไรพิเศษนี้ และส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะทำให้ต้นทุนการปลูกข้าวแพงขึ้น ทำให้มีการใช้น้ำชลประทานมากกว่าแผนการจ่ายของกรมชลประทาน และกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำแล้งในปีนี้ (2557/2558)
รวมทั้งโรงสีมีกำลังการผลิตส่วนเกิน ประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งเมื่อเลิกโครงการรับจำนำข้าว ก็มีแนวโน้มว่าโรงสีเหล่านี้จะประสบปัญหาล้มละลาย กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารพาณิชย์
นิพนธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การทุจริตที่เกิดขึ้นทำความเสียหายมากขนาดนี้ ภาครัฐควรหาตัวผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีเพิ่ม
ทนายยิ่งลักษณ์โวยทีดีอาร์ไอปูดตัวเลขทุจริตจำนำข้าว
จาก โพสต์ทูเดย์
ทนายยิ่งลักษณ์ ซัด "นิพนธ์" มีวาระซ่อนเร้นแถลงตัวเลขทุจริตจำนำข้าว หวัง ชี้นำสังคม กดดันระชุมร่วม ป.ป.ช.-อัยการ
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งข้อสังเกตกรณี นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ ได้ออกมาเปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวปี 2554 - 2556 มีการทุจริตถึง 1.1 แสนล้านบาท โดยมีเกี่ยวข้องกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวถึง 7.5 หมื่นล้านบาท อ้างว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงการทุจริต ว่า ตนเป็นทนายความ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับผิดชอบคดีในโครงการรับจำนำข้าว จึงขอตั้งข้อสังเกตในประเด็นดังต่อไปนี้
1. นายนิพนธ์ มีวาระซ่อนเร้น ในการนำตัวเลขดังกล่าวมาแถลงและชี้นำในช่วงเวลาที่จะมีการประชุมของคณะกรรมการร่วม อัยการ ป.ป.ช.ในวันที่ 7 พ.ย. และนายนิพนธ์ ฯ มีเจตนาที่จะชี้นำสังคมเพื่อให้สังคมกดดันคณะกรรมการร่วมอัยการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร
2.นายนิพนธ์ โดยสถานะ ก็เป็นพยานในคดีโครงการรับจำนำข้าวและในในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว แห่งชาติครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2552 นายนิพนธ์ ก็เคยไปช่วยรัฐบาลในสมัยนั้นทำโครงการช่วยเหลือชาวนาที่ตรงข้ามกับโครงการ รับจำนำข้าว จึงขอตั้งข้อสังเกต และถามว่ามีวาระช้อนเร้นหรือไม่อย่างไร ที่ต้องนำ มาเปิดเผยในช่วงเวลาดังกล่าว
3. หากพิจารณาถึงตัวตัวเลขที่นำมาเปิดเผย แล้วจะเห็นได้ว่ามีข้อโต้แย้งและผิดพลาดเกี่ยวกับตัวเลขของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายในโครงการตลอดจนหลักฐานที่อ้างว่ามีการทุจริต ก็ปราศจากหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงในปัจจุบันก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รายใด
นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอวอนให้นายนิพนธ์ ยุติการเคลื่อนไหว และชี้นำสังคมในช่วงที่จะมีการพิจารณาคดีต่อลูกความของตน ควรปล่อยให้คดีได้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมมากกว่าการชี้นำทางสังคมเช่นนี้
'วรงค์'อัดนิวัฒน์ธำรงแนะรอปปช.ชี้มูลความผิดเร็วๆนี้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"นพ.วรงค์"อัด"นิวัฒน์ธำรง" อ้างตัวเลขจำนำข้าวเสียหายไม่มาก แนะรอผลปิดบัญชีฯ-ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเร็วๆนี้
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.พาณิชย์ ยกตัวเลขมาคำนวณให้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่เสียหายมาก โดยยกตัวเลขข้าว 16.2 ล้านตันซึ่งคิดจาก 90 เปอร์เซ็นต์ของยอดรวม 18 ล้านตัน และไปจินตนาการราคาขายเฉลี่ยของข้าวทุกชนิดที่ตันละ 15,000 บาท เบ็ดเสร็จบอกว่าเสียหายไม่มากแค่ปีละแสนกว่าล้าน
นพ.วรงค์ กล่าวว่าแค่สมมุติฐานตัวเลขที่ใช้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ข้าวคุณภาพพร้อมขาย 10 เปอร์เซ็นต์ ข้าวต่ำกว่ามาตรฐาน 70 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นอื่น ๆ ข้าวส่วนใหญ่ในโครงการรับจำนำเป็นข้าวเจ้า ราคาขายข้าวเจ้าที่คุณภาพดีวันนี้ประมูลกันที่ราคาตันละ 11,000 บาทกว่า ส่วนข้าวที่ต่ำกว่ามาตรฐานไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นตัวเลขที่คุณนิวัฒน์ธำรงนำมาอ้าง ที่ราคาตันละ 15,000 จึงไม่มีเหตุผล ขนาดยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายทางบริหารที่ต้องจ่ายให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ค่าดอกเบี้ย ค่าเช่าโกดังรวมทั้งค่าประกันภัย ดังนั้นทางที่ดี นายนิวัฒน์ธำรง ควรอดใจรอการแจ้งผลการปิดบัญชีของโครงการจำนำข้าวดีกว่า
“นโยบายนี้คือการทำลายการส่งออก การทำลายการพัฒนาสายพันธ์ สร้างวัฒนธรรมการโกงแบบทั่วถึง แต่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกแก่นักการเมืองและบริวาร โดยเฉพาะจีทูจีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดเร็ว ๆ นี้ และอย่างที่เห็นคือมรดกบาปที่สร้างปัญหา นั่นคือข้าว18 ล้านตัน ที่รัฐบาลจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ซึ่งมีผลทางจิตวิทยาต่อราคาข้าวในปัจจุบัน ขนาดคนในวงการค้าข้าวบอกว่า 18 ล้านตัน จะหลอกหลอนวงการข้าวไทยไม่น้อยกว่า 5 ถึง 10 ปี ความจริงแล้วเห็นข้าวเสื่อมถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ชาวนาฆ่าตัวตายถึง 16 ราย น่าจะทำให้ท่านสำนึกบ้าง” นพ.วรงค์ กล่าว
จี้'นิพนธ์'หยุดชี้นำสังคมโครงการรับจำนำข้าว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ทนายยิ่งลักษณ์วอน"นิพนธ์" ทีดีอาร์ไอ หยุด ชี้นำสังคม โครงการรับจำนำข้าว
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งข้อสังเกตกรณี นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ ได้ออกมาเปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวปี 2554 - 2556 มีการทุจริตถึง 1.1 แสนล้านบาท โดยมีเกี่ยวข้องกับการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวถึง 7.5 หมื่นล้านบาท อ้างว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงการทุจริต ว่า ตนเป็นทนายความ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับผิดชอบคดีในโครงการรับจำนำข้าว จึงขอตั้งข้อสังเกตในประเด็นดังต่อไปนี้ 1. นายนิพนธ์ ฯ มีวาระซ่อนเร้น ในการนำตัวเลขดังกล่าวมาแถลงและชี้นำในช่วงเวลาที่จะมีการประชุมของคณะกรรมการร่วม อัยการ ป.ป.ช.ในวันที่ 7 พ.ย. และนายนิพนธ์ ฯ มีเจตนาที่จะชี้นำสังคมเพื่อให้สังคมกดดันคณะกรรมการร่วมอัยการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร
นายนรวิชญ์ กล่าวต่อว่า 2.นายนิพนธ์ ฯ เอง โดยสถานะ ก็เป็นพยานในคดีโครงการรับจำนำข้าวและในในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว แห่งชาติครั้งที่ ๕/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๗ ก.ค. ๕๒ นายนิพนธ์ฯ ก็เคยไปช่วยรัฐบาลในสมัยนั้นทำโครงการช่วยเหลือชาวนาที่ตรงข้ามกับโครงการ รับจำนำข้าว จึงขอตั้งข้อสังเกต และถามว่ามีวาระช้อนเร้นหรือไม่อย่างไร ที่ต้องนำ มาเปิดเผยในช่วงเวลาดังกล่าว 3. หากพิจารณาถึงตัวตัวเลขที่นำมาเปิดเผย แล้วจะเห็นได้ว่ามีข้อโต้แย้งและผิดพลาดเกี่ยวกับตัวเลขของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายในโครงการตลอดจนหลักฐานที่อ้างว่ามีการทุจริต ก็ปราศจากหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงในปัจจุบันก็ยังไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รายใด
นายนรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอวอนให้นายนิพนธ์ฯ ยุติการเคลื่อนไหว และชี้นำสังคมในช่วงที่จะมีการพิจารณาคดีต่อลูกความของตน ควรปล่อยให้คดีได้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมมากกว่าการชี้นำทางสังคมเช่นนี้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน