จากประชาชาติธุรกิจ
ช่วงนี้เราจะได้อ่าน ฟัง เห็น บทความสัมภาษณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ "ดิจิทัลอีโคโนมี" ซึ่งเราก็ต้องนึกและจินตนาการตามว่า แล้วมันเป็นอย่างไร มันจะมีผลอย่างไรกับการดำรงชีวิตประจำวันของเรา หรือมันจะทำให้อะไรดีขึ้น
จริง ๆ แล้วในความคิดผมที่ติดตามเรื่องนี้ในหลาย ๆ สถานภาพ ก็ขอแชร์มุมมองที่ไม่กว้างนักหรือล้ำลึก แต่ก็ธรรมดามากแบบที่หลาย ๆ คนก็คงสงสัยคล้าย ๆ กันกับผม (แบบคนธรรมดาทั่วไป) ว่า "ชีวิตเรากับดิจิทัลอีโคโนมีสามารถคาดหวังอะไรที่ดีขึ้นได้บ้าง"
สิ่งแรก ที่เราได้ยินก็คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ปฏิรูประบบการทำงานต่าง ๆ ของราชการมากขึ้น จนกระทั่งสามารถสร้างคุณภาพการให้บริการที่แตกต่าง โดยคาดว่ามีตัวชี้วัดเรื่องนี้น่าจะเป็น "ความสุขของประชาชน" ที่เสมือนสโลแกนของรัฐบาลที่ว่า จะ "คืนความสุขให้ประชาชน" ที่ผมคิดด้วยเหมือนกันว่า สำคัญมากจนถึงสำคัญที่สุด เพราะตั้งแต่จำความได้ และเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องไปใช้บริการจากภาคราชการ บอกตรง ๆ ว่าตลอดอายุไขผมจนป่านนี้ ไม่เคยมีความสุขกับการไปใช้บริการของราชการเลย
ทั้งซับซ้อน ล่าช้า ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีจิตการบริการ ไม่เสมอภาค ฯลฯ แต่หากภายใต้นโยบายดิจิทัลอีโคโนมีสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยระบบการทำงาน วิธีการทำงาน และปรับปรุงมาตรฐานการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรเดิมที่ต้องทำงานด้วยวิธีและมาตรฐานใหม่ ที่มีเครื่องมือตรวจวัดที่มี "ความสุขและความพึงพอใจ" ของประชาชนเป็นตัวชี้วัด ชี้ความสามารถและประสิทธิภาพของการทำงานแล้ว เราน่าจะ "อย่างน้อย" ได้รับบริการจากหน่วยงานภาคราชการที่ดีขึ้น นอกจากนโยบายดิจิทัลอีโคโนมีน่าจะนำประโยชน์มาให้กับประชาชนที่ดีและสะดวก ขึ้น อีกทั้งเราหวังว่าจะได้เห็นความสามารถในการให้บริการของภาครัฐที่มีมาตรฐาน "เกือบเท่ากัน" ในทุก ๆ ที่ทั่วประเทศ (อาจแตกต่างกันบ้างแต่ไม่ใช่นัยสำคัญ) ไม่ว่าเป็นเมืองใหญ่เมืองเล็ก อีกทั้งการที่ประชาชนจะได้รับข่าวสารทางราชการ หรือจะแจ้งความร้องเรียนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และใช้ง่ายก็จะเป็นเรื่องที่ดีครับ
เรื่องที่สอง ที่น่าจะเกิดขึ้น คือ การศึกษาของเยาวชนไทยที่น่าจะดีขึ้นและทั่วถึงมากขึ้น สามารถเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต และมีความรู้ในการตัดสินเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตมากขึ้น เทคโนโลยีต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียนการสอนก็น่าจะช่วยทำให้ช่องว่างของความแตกต่างในคุณภาพการ ศึกษาของเยาวชนไทยมีน้อยลง ตำราการเรียนการสอนที่ดีและมีมาตรฐานก็สามารถจัดแบ่งให้โรงเรียนทุกโรงเรียน ทั่วประเทศ สามารถร่วมกันใช้ในการอบรมให้ความรู้บุตรหลานของเราได้เหมือน ๆ กัน
ครูก็จะสามารถรับการพัฒนาโดยการใช้เทคโนโลยีมาช่วย และสามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยเขาสอนด้วยเช่นกัน
อัน นี้เป็นความหวังและประโยชน์ที่จะยั่งยืนมากถ้าทำสำเร็จ ซึ่งเราคาดหวังว่าด้วยความรู้ความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่ดีขึ้น จะทำให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ดีขึ้น สามารถเลือกหาวิถีทางประกอบอาชีพและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น สามารถตัดสินใจและเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีที่หลอกลวง
สิ่งที่สาม ที่น่าจะเกิดกับคนไทย คือ การเกิดโอกาสในการสร้างรายได้จากการค้าขายแก่คนไทย ทั้งในเวทีการค้า ทั้งภายในประเทศและทั่วโลก ด้วยตลาดการค้า อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซที่จะช่วยให้คนไทย (ที่กระตือรือร้นหน่อย) สามารถสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพค้าขายได้ง่ายขึ้นและประหยัดต้นทุน
การ แข่งขันในยุคใหม่นี้คนขายต้องพัฒนาตัวให้เร็ว เพราะทุกอย่างจะเร็วหมด การเติบโตของคู่แข่งขัน การพัฒนาการของบริการและสินค้า ความหลากหลายและทางเลือกของผู้บริโภค และการเข้าถึงข้อมูลและการเปรียบเทียบประโยชน์ รวมถึงเรื่องราคาจะสามารถทำได้ง่ายและเร็ว จนนำผลไปสู่การตัดสินใจของการเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เร็วขึ้น
ผม เชื่อว่าคนไทยเรียนรู้เรื่องค้าขายได้เร็ว เพียงขอให้มีโอกาสในการแข่งขันที่เสมอภาคกับคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองเล็ก ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ประกอบกับความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการขับเคลื่อนดิจิทัลอีโคโนมีให้เกิดผล นั้น น่าจะช่วยสามเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
ส่วนอุปสรรคที่เรากังวลอยู่ ด้วยประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการพยายามเปลี่ยนแปลง และล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา เพราะนักการเมืองชอบโฆษณาหลอกให้เชื่อ แต่ไม่ชอบทำจริง รวมทั้งข้าราชการที่ไม่มีจิตสำนึกในหน้าที่ และละเลยที่จะพัฒนาประเทศนั้น ผมว่า "พัก" กันไว้ก่อน
การทำอะไรดี ๆ ต้องเริ่มจากความคิดริเริ่มที่ดี ประกอบกับทัศนคติที่ดี ๆ ครับ ใครว่าทำไม่ได้ก็ปล่อยเขาอยู่ในทุกข์และนรกของเขาเอง
พวกเรามาช่วยกันขับเคลื่อนผลักดันการพัฒนาชาติครั้งนี้ดีกว่านะครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
