จาก โพสต์ทูเดย์

นายกฯเห็นชอบลดหย่อนภาษีวิจัย3ขั้นพร้อมให้หน่วยงานรัฐจัดงบ10-30%ซื้อสินค้านวัตกรรมไทย

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ครั้งที่ 2 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี ได้เห็นชอบนโยบายและมาตรการสำคัญเพื่อส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ 2 ด้าน ได้แก่ 1.ค่าใช้จ่ายของสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่เอกชนสามารถนำรายจ่ายวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมมาขอลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่าของรายจ่ายจริง โดยกำหนดเพดานเป็น 3 ขั้น ขั้น1บริษัทที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท สามารถหักรายจ่ายได้ไม่เกิน 60% ของรายได้ ขั้นที่2 บริษัทที่มีรายได้ส่วนเกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท หักรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 9% ของรายได้ และขั้น3 บริษัทที่มีรายได้ส่วนที่เกิน 200 ล้านบาท หักรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 6% ของรายได้

สำหรับบริษัทที่เข้าเงื่อนไขต้องมีคุณสมบัติ 1.เป็นบริษัทที่ทำการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้วยตนเอง หรือวิจัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ 2. เป็นบริษัทที่เคยผ่านการรับรองโครงการวิจัยฯ จาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มาแล้ว และโครงการมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 3 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินบริจาคเข้ากองทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาให้สามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า โดยมอบหมายให้ คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทย ที่มี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานไปดำเนินการต่อไป

2.การสนับสนุนเชิงนโยบายกับนวัตกรรมไทยกับตลาดภาครัฐ โดยให้ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 จึงสามารถจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการนวัตกรรมของไทยผ่านวิธีพิเศษได้ และให้หน่วยงานของรัฐที่จะจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการตามรายการที่ปรากฏในบัญชีนวัตกรรมไทย ให้จัดซื้อจัดจ้างโดยใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 10% แต่ไม่เกิน 30%

ทั้งนี้ นวัตกรรมไทยที่ปรากฏในบัญชี ต้องได้คุณภาพและผ่านการทดสอบว่ามีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์การใช้งาน และความปลอดภัย ซึ่งได้ให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการ รวมทั้งได้ให้หน่วยงานรัฐที่ต้องการซื้อสินค้านวัตกรรม แบ่งงบประมาณส่วนหนึ่งมาซื้อของที่พัฒนาขึ้นโดยคนไทย ซึ่งมีคุณภาพเทียบเคียงของนำเข้าได้ พร้อมกันนี้ คณะทำงานกำหนดความต้องการของภาครัฐ จะจับคู่นวัตกรรมไทยกับความต้องการของรัฐ โดยจะพิจารณานวัตกรรมไทยเป็นรายการ เพื่อจัดทำโครงการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ นอกจากนี้ได้ให้หน่วยงานรัฐจัดทำคำของบประมาณสำหรับปี 2559 เพื่อขอดำเนินโครงการเป็นเรื่องๆ มั่นใจจะทำให้สินค้านวัตกรรมไทยตรงตามความต้องการได้

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย และคณะกรรมฯ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชื่อคณะกรรมการฯ เป็นคณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมแห่งชาติ เชื่อมั่นว่า ผลจากการที่ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมด้านนวัตกรรมหลายด้าน และลดหย่อนภาษีวิจัย 300% จะทำให้หลายประเทศสนใจมาจัดตั้งศูนย์วิจัยในไทย โดยพบว่าพันธมิตรของบริษัท ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และในภูมิภาคยุโรป สนใจมาตั้งศูนย์วิจัยในไทย โดยในเร็วๆ นี้ จะมีบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ มาจัดตั้งศูนย์วิจัยในไทย

ขณะที่บริษัทในปีนี้ได้เตรียมงบวิจัยและพัฒนาไว้ (อาร์แอนด์ดี) ไว้ที่ 4,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่ใช้งบจำนวน 2,710 ล้านบาท และงบประมาณอาร์แอนด์ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน