ฟังเสียงคนไทย เคลื่อนทัพธุรกิจ

โดย : จีราวัฒน์ คงแก้ว

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คนไทยฝันอยากเห็นความสามัคคี เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ไร้คอร์รัปชัน เกษตรกรอยู่ดีมีสุขฯลฯเสียงสะท้อนที่ธุรกิจต้องรับฟังเพื่อเติบโตยั่งยืนคู่ สังคม

“คุณฝันอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน แล้ว ‘ตัวคุณ’ ล่ะ จะมีส่วนทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้อย่างไร”

คำถามชี้ชวนให้คิด ที่ทีมวิจัยโครงการ “ออกเสียงออกแบบประเทศไทย” โดยมูลนิธิเพื่อคนไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โยนให้กับคนไทย 52,947 คน ตัวแทนพลเมืองที่จะร่วมออกแบบประเทศไทย ใน 77 จังหวัด ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย หลากหลายอาชีพ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ที่ผ่านมา

เป้าหมายของการถาม ไม่เพียงอยากเห็นความฝันของคนไทย หรือแนวทางไปสู่ประเทศไทยแบบในฝัน ทว่าอยากเห็นสิ่งที่คนไทยพร้อม “ลงมือทำ” เพื่อให้ความฝันนั้นกลายเป็นจริง ได้เปลี่ยนจากพลเมืองตั้งรับ มาเป็น “พลเมืองร่วมปฏิรูป” (Active Citizen) โดยสมบูรณ์

“หนึ่งในเป้าหมาย คือ ผลักดันให้เกิด Active citizen พลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม โดยการร่วมเปลี่ยนประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเขาเป็นคนกำหนดอนาคตประเทศ และประเทศไทยอยู่ในมือของทุกคน”

“รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์” อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกเป้าหมายของการวิจัย ก่อนรายงาน “ผลวิจัยออกเสียงออกแบบประเทศไทย : สู่พลังพลเมืองร่วมปฏิรูป” ที่สะท้อนความน่าสนใจในหลายมิติ

โดยประเทศไทยในฝันที่คนไทยอยากเห็นที่สุด 7 อันดับแรก คือ “คนไทยรักและสามัคคี บ้านเมืองสงบ น่าอยู่ ปลอดภัย ไม่มีปัญหาอาชญากรรมและภัยสังคมต่างๆ” ที่ร้อยละ 28.3 ตามด้วย “ประเทศก้าวหน้าทุกด้าน เศรษฐกิจแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขัน” ที่ ร้อยละ 25.7 ต่อด้วย “ประเทศไทยไร้คอร์รัปชันสิ้นเชิง” ที่ร้อยละ 9.7 เป็นประเทศที่ “ยุติธรรมไม่มีชนชั้น ใครๆ ก็ต้องได้รับความเป็นธรรม” ร้อยละ 8.1 ตามมาด้วย “เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดี” ที่ร้อยละ 5.9 “ประชาชนมีอำนาจเหนือนักการเมือง” ร้อยละ 5.7 ปิดท้ายกับ “การศึกษานำไปสู่การสร้างปัญญาที่แท้จริง” ที่ร้อยละ 3.8

แล้วผู้คนคิดว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ความฝันเหล่านี้กลายเป็นจริง เริ่มที่ฝันแรก คนไทยรักและสามัคคี คนถึงร้อยละ 33 บอกว่า ประเทศต้องสร้างความปรองดอง ความรัก สามัคคีไม่แบ่งแยกฝ่าย เมื่อถามว่า แล้วตัวเขาจะทำอย่างไร คำตอบที่ได้คือ จะเป็นคนดี ทำหน้าที่ของตนอย่างสุจริต เคารพกฎหมายและสิทธิของผู้อื่น มีน้ำใจช่วยเหลือกัน

“จากคนกว่าห้าหมื่นคน กว่า 30% บอกเราว่า เมื่อถึงเวลา เขาขอเป็นคนดี” เธอให้ข้อมูลที่น่าสนใจ

การไปสู่ฝัน ให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน คนส่วนใหญ่บอกว่า ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ให้สู่ความมั่นคงและยั่งยืน ส่วนตัวเขา บอกจะให้ความร่วมมือสนับสนุน ร่วมมือปฏิบัติตามนโยบาย อย่างเต็มที่

ฝันข้อต่อมา ประเทศไร้คอร์รัปชั่น ส่วนใหญ่ตอบว่า อยากให้เพิ่มโทษคดีคอรัปชั่น ประชาชนตื่นตัว ทุกฝ่ายทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ส่วนตัวเขา จะมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และอยู่ภายใต้กฎหมาย
เรื่องความยุติธรรม คนส่วนใหญ่มองว่า ต้องรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้คนไทยมีศีลธรรม มีระเบียบวินัย และบังคับใช้กฎหมาย ขณะที่ตัวเขา พร้อมจะเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีวินัย ความรู้ และคุณธรรม พัฒนาตนเป็นพลเมืองที่ดี

การแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกร ทุกคนเห็นพ้องว่า ต้องทำเกษตรแบบยั่งยืน และให้คนในสังคมเห็นคุณค่าของอาชีพเกษตร ส่วนตัวเขา จะส่งเสริมสนับสนุนให้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร และพร้อมให้ความร่วมมือ

การทำให้ประชาชนมีอำนาจเหนือนักการเมือง คนไทยส่วนใหญ่บอกว่า การดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องตรวจสอบได้ ถ้านักการเมืองทำผิดต้องถูกลงโทษ ส่วนตัวเขาจะทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองในทุกระดับ

ปิดท้ายกับ การศึกษานำไปสู่การสร้างปัญญาที่แท้จริง ทุกคนเห็นตรงกันว่า ต้องเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง ส่วนตัวเขาจะส่งเสริมให้บุตรหลานเห็นความสำคัญของการศึกษา ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ตลอดจนจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ พร้อมถ่ายทอดความรู้ด้านวิชาการให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป

นี่คือ “สารตั้งต้น” ที่พร้อมให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปขยายผล แล้วธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร

“คิม จงสถิตย์วัฒนา” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด บอกเราว่า เสียงของคนไทย สะท้อนกลับมาเป็นโจทย์ท้าทายให้กับธุรกิจ โดยเธอบอกว่า ผู้ประกอบการต้องกลับมาเชื่อมโยงว่า สินค้าหรือบริการของเราจะมีส่วนขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

“อย่าง เราเป็นคนทำหนังสือ ก็ต้องกลับมาคิดว่า จะผลิตหนังสือแบบไหนถึงจะไปผลักดันให้คนเกิดวิธีคิดแบบ Active Citizen หรือถ้าอยากให้คนไทยรักสิ่งแวดล้อมและหวงแหนแผ่นดิน หนังสือที่พิมพ์ออกมาควรเป็นแบบไหน”

เธออธิบายให้เห็นภาพต่อว่า อย่างการจะให้คนไทยรู้จักตั้งคำถาม และไม่เมินเฉยต่อสิ่งที่ผิดปกติ ก็ต้องใช้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย นั่นคือที่มาของการพัฒนาสื่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้สนุก เพื่อปูพื้นฐานให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ตั้งแต่วัยอนุบาล นี่คือตัวอย่างของการตอบโจทย์สังคมด้วยธุรกิจของพวกเขา

“การทำธุรกิจสุดท้ายต้องให้ยั่งยืน ฉะนั้นเราต้องดีไซน์ Business Model ที่ดี ให้คุณภาพของสินค้าและบริการ ดีสุดยอด จนไม่ต้องอายว่าเรามาขายของ แล้วก็กล้าที่จะชาร์ตเงิน เพื่อให้สามารถกลับมาลงทุนต่อเพื่อพัฒนาสินค้าของเราให้ดีขึ้น แล้วก็เผยแพร่ต่อไป เพราะสุดท้ายธุรกิจต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง และสามารถตอบโจทย์สังคมไปพร้อมกันด้วย”

ด้าน “วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ” คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ ร่วมแสดงความเห็นว่า สิ่งที่ภาคธุรกิจสามารถทำได้ คือเป็นส่วนเสริมให้กับภาครัฐ ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ยังขาดหรือไม่สมบูรณ์ เช่น สนับสนุนด้านทรัพยากร เงินทุน ความรู้ ประสบการณ์ ความชำนาญ มาเป็นพี่เลี้ยง หรือจิตอาสา ช่วยเหลือสังคม เป็นต้น

รวมถึงการเป็นกระบอกเสียง เผยแพร่ความคิดดีๆ โครงการดีๆ เป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลเรื่องคอร์รัปชั่น หรือจะเป็นลูกค้า ช่วยอุดหนุนสินค้าและบริการในชุมชน ตลอดจนให้โอกาสในการเข้าทำงาน แก่ผู้ด้อยโอกาสหรือผู้พิการต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นเมนูที่ภาคธุรกิจสามารถลงมือทำเพื่อสังคมได้

ขณะที่ “วิเชียร พงศธร” ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย บอกเราว่า ปัญหาของประเทศมีขนาดใหญ่ และเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างกลไกหรือเครื่องมือเพื่อให้คนจำนวนมากสามารถ ลงมือทำร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนในสังคม เขายกตัวอย่าง นักลงทุน ก็มีกลไกอย่าง กองทุนคนไทยใจดีให้ลงทุนเพื่อสังคม ใครอยากเป็นนักบริจาค ยังมีเวบไซต์เทใจ.คอมและร้านปันกัน คอยส่งผ่านเม็ดเงินสู่การแก้ปัญหาสังคม ส่วนใครอยากร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน ยังมีโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ,หลักสูตรโตไปไม่โกง ล่าสุด ยังมีโครงการ “พลเมืองเสวนา” ,โครงการ “ปลุกพลังเปลี่ยนไทย” และ “ร้อยโครงการเปลี่ยนประเทศ” ฯลฯ

นี่คือเหล่ากลไกที่จะช่วยให้คนไทยทุกภาคส่วน ได้กลายเป็น Active Citizen ร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยสองมือ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน