สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สมยศ ฉะแหลก 6 พฤติกรรม ตม.หากินกับต่างด้าว แฉด่าน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ เรียกใต้โต๊ะวันละ 1.8 ล้าน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ASTVผู้ จัดการ - ผบ.ตร. แจกเอกสารชำแหละ 6 พฤติกรรมตำรวจ ตม. หากิน เรียกรับเงินต่างด้าว แลกเข้า - ออกประเทศ หรืออยู่ต่อในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย แฉ ตม. ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ เก็บค่าทำวีซ่าหน้าด่าน นอกเหนือจากค่าธรรมเนียม ยอดวันละ 1.8 ล้าน เข้ากระเป๋าใคร ลั่น ผบช. สตม. ต้องรีบจัดการ ไม่งั้นโดนย้ายเข้ากรุ
       
       มีรายงานว่า วันนี้ (7 ก.ย.) ระหว่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ระดับสารวัตรขึ้นไปทุกด่านตรวจค้นเข้าเมืองทั่วประเทศจำนวน 259 นาย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อมอบนโยบายและกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น พล.ต.อ.สมยศ ได้กำชับให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลด้านความมั่นคง เพราะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ
       
       ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้แจกเอกสาร “พฤติกรรมเจ้าหน้าที่ ตม. ที่มีผลต่อความมั่นคงและศักดิ์ศรีของตำรวจไทย” แก่ตำรวจ ตม. ที่เข้าประชุมทุกนาย ประกอบการมอบนโยบาย โดยมีใจความว่า พฤติกรรมเจ้าหน้าที่ ตม. ที่มีผลต่อความมั่นคงและศักดิ์ศรีของตำรวจไทย คือ 1. การรับจ้างทำเรื่องขออยู่ต่อในประเทศไทยอย่างกฎหมาย โดยมีตำรวจ ตม. บางกลุ่มทำธุรกิจรับจ้างขยายเวลาการอยู่ในประเทศไทย โดยการทุจริตต่าง ๆ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขของการขยายเวลาการอยู่ในประเทศ เช่น การเปลี่ยนวีซ่าจากประเภทนักท่องเที่ยว เป็นวีซ่านักธุรกิจโดยมิชอบ บางรายใช้วิธีการให้วีซ่านักศึกษา โดยการจัดหาสถานศึกษาโดยไม่ต้องเข้าเรียน ซึ่งปัจจุบันค่าจ้างประมาณ 12,000 - 15,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีวิธีรับจ้างทำสมุดบัญชีเงินฝากให้มีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 800,000 บาท เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายชีวิต เรียกเก็บค่าตอบแทนมากว่า 3,000 บาท
       
       2. พบพฤติกรรมตำรวจ ตม. ที่ทำอิน - เอาต์ หรือพิธีการเข้า - ออกประเทศ โดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าชาวต่างชาติต้องการอยู่ในประเทศไทย โดยไม่มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย ใช้วิธีแนะนำชาวต่างชาติที่ต้องการอยู่ต่อโดยไม่มีเหตุผลอ้างตามกฎหมายให้ เดินทางไปที่ด่าน ตม. กาญจนบุรี และ ตม. สระแก้ว เพื่อให้รับรองการเดินทางออกและเข้าประเทศ เพื่อขยายระยะเวลาในการอยู่ในประเทศไทยไปอีกครั้งละ 15 วัน
       
       3. มีการยินยอมให้คนเข้าออกเมืองโดยผิดกฎหมาย รับเงินสินบนให้คนเข้าเมืองได้อย่างผิดกฎหมาย ทั้งกรณีที่ไม่มีหนังสือเดินทาง และมีหนังสือเดินทางแต่ไม่ลงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องทางของการค้ามนุษย์ 4. มีการประทับตราการเดินทางเท็จเพื่อส่งคนไปประเทศที่ 3 เจ้าหน้าที่ ตม. บางคนได้ลักลอบนำตราประทับไปรับรองการเดินทางเข้าและออก ว่า บุคคลดังกล่าวเคยเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อให้ปรากฏประเทศต้นทาง และใช้อ้างในการเดินทางไปยังประเทศที่ 3
       
       5. มีพฤติกรรมขายบัตร ตม. 6 ที่เป็นเอกสารเข้าออก - ทำงานในไทย โดยพบในด่าน ตม. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น มุกดาหาร หนองคาย มีการขาย แบบ ตม. 6 ให้แก่ชาวลาวและเวียดนามที่เดินทางทางเข้ามาทางานในประเทศไทย โดยหากผู้ใดใช้แบบฟอร์มจากที่อื่นซึ่งไม่ได้ซื้อก็จะกล่าวหาว่าเป็นแบบฟอร์ม ปลอม ซึ่งกรณีเช่นนี้ เคยถูกผู้เดินทางบันทึกภาพและร้องเรียนมาแล้วเมื่อประมาณ 4 - 5 เดือนก่อน แต่ปรากฏว่า ด่าน ตม. มุกดาหาร ได้ตรวจหาผู้ที่บันทึกภาพและเรียกคนดังกล่าวมาเพื่อให้ลบภาพต่อหน้า แล้วข่มขู่ให้ให้การว่าเข้าใจผิด จากนั้นก็อำพรางการกระทำผิดด้วยการได้ติดฟิล์มตู้เก็บเงินจนมืดและมีเจ้า หน้าที่ตรวจตราไม่ให้คนบันทึกภาพโดยยังเรียกเก็บเงินเช่นเดิม และ
       
       6. มีบางคนเรียกเก็บเงินในการทำ VISA on Arrival (การขอวีซ่า ณ ด่าน ตม.) นอกเหนือจากค่าธรรมเนียม โดยพบที่ในด่าน ตม. สุวรรณภูมิ ตม. ดอนเมือง พบมีการเรียกเก็บเงินค่าทำ VISA on Arrival นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมของทางราชการ เป็นเงิน 300 - 500 บาท ต่อคน แต่ละวันประมาณมีผู้ต้องจ่าย 6,000 คน เฉลี่ยเรียกเก็บคนละ 300 บาท คิดเป็นเงินกว่า 1,800,000 บาท ต่อวัน โดยไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวถูกแบ่งไปยังใครบ้าง
       
       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวตอนหนึ่งขณะมอบนโยบาย ว่า ตนเองรู้หมด ว่า ตม. ทำอะไร ตนเคยอยู่มาก่อน มีการร้องเรียนเข้าตลอดห้วง 1 ปี ทุกคนทำอะไรกันอยู่ หาก พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่จัดการกับคนพวกนี้ ตนจะจัดการกับ ผบช.สตม.เอามาช่วยราชการ
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแต่อย่่างใด


เบื้องลึก “สมยศ” โวยตำรวจ ตม. เปิดเกมสกัดดาวรุ่งศิษย์ “พัชรวาท”

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม

จับสัญญาณ “บิ๊กอ๊อด” ไล่ถล่ม “ตรวจคนเข้าเมือง” ยุทธจักรสีกากีลือแซ่ด ปฏิบัติการดับเครื่องชนเด็กฟาร์มโชคชัย หวังมีเอี่ยวแต่งตั้งนายพลก่อนเกษียณฯ สกัดเส้นทางเติบโต “ศักดา ชื่นภักดี” ดาวรุ่งแรงหนุนอื้อทั้ง “พัชรวาท(น้องบิ๊กป้อม)-คู่เขยบิ๊กตู่” คาดคำขู่ ผบ.ตร.ไม่มีความหมาย
       
       แม้ใกล้วันเกษียณอายุราชการของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เข้าไปทุกขณะ แต่ดูเหมือนว่าเวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่กลับไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติ หน้าที่สร้างความฮือฮาให้แก่สังคมไทยโดยตลอด ล่าสุดจากการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่ระดับสารวัตรขึ้น ไปทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศจำนวน 259 นาย “บิ๊กอ๊อด” สะกดผู้เข้าร่วมประชุมด้วยข้อมูลลึก “ชำแหละ” พฤติกรรมในมุมมืดของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ชนิดไม่เคยมีผู้นำตำรวจคนใดเคยทำมาก่อน
       
       โดย 6 เส้นทางทุจริตที่ตำรวจ ตม.บางกลุ่มบางคนกระทำกัน ได้แก่ รับจ้างทำเรื่องขยายเวลาอยู่ต่อในประเทศไทย, เปลี่ยนวีซ่าจากท่องเที่ยวเป็นนักธุรกิจ, สร้างหลักฐานเท็จให้มีตัวเลขในบัญชีครบตามจำนวนกฎหมายกำหนด, สำหรับผู้อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิต ยินยอมให้เข้า-ออกเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งที่ไม่มีหนังสือเดินทาง เช่น ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีผลประโยชน์กับบ่อนพนัน ขายบัตร ตม.6 แก่แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศ เรียกเก็บวีซ่า ณ ด่าน ตม.นอกเหนือค่าธรรมเนียมหัวละ 300 บาทในแต่ละวันจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 6,000 คนทำให้มีส่วยมากถึงวันละ 1,800,000 บาทต่อวัน
       
       “ผมเคยอยู่มาก่อน ผมรู้หมดว่า ตม.ทำอะไร การร้องเรียนตลอดห้วงเวลา 1 ปีทุกคนเคยทำอะไรกันก็ยังทำต่อไป หากพล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังเฉยเมยไม่จัดการกับพวกนี้ ผมจะจัดการกับผู้บัญชาการ สตม.เอามาช่วยราชการ” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ปิดการประชุมด้วยท่าทีแข็งกร้าว เล่นเอาบรรดาตำรวจน้อยใหญ่ของ สตม.ที่ร่วมประชุมหนาวๆ ร้อนๆ ตามกัน
       
       ช็อตเด็ดสะใจซาดิสต์แบบนี้มีหรือสังคมสีกากีรวมทั้งสื่อสาย อาชญากรรม จะไม่มีคำถาม?! อะไรทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เกิดอาการตบะแตกทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคย “เหวี่ยง” หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแบบเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เพราะข้อหาที่ “บิ๊กอ๊อด” ประเคนให้กับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนั้นสามารถย้ายได้ตั้งแต่ระดับหัว ยันหางแบบทันทีทันใด
       
       เทียบเคียงกรณีตำรวจท้องที่ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนัน หรือซ่องโสเภณีอยู่ในท้องที่ อาการ “ไม่ปลื้ม” ถึงขนาดทำปืนลั่นข้างกกหู ผบช.สตม. ย่อมไม่ธรรมดา เป็นเพราะผลงานไม่เอาอ่าวปล่อยให้โจรผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเต็มบ้านเต็ม เมืองหรือมีข้อคับข้องใจต่างๆ อยู่เบื้องหลัง
       
       หรือนี่คือสัจธรรมของคนกำลังใกล้หมดอำนาจ เพราะทันทีที่ “ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ” สืบเสาะหาข้อมูลบรรดาแหล่งข่าวน้อยใหญ่ของวงการสีกากี ต่างมีเบื้องหน้าเบื้องหลังสอดคล้องต้องกันว่า อาการ “เม้งแตก” ของ “บิ๊กอ๊อด” ไม่น่าจะเกี่ยวกับความหย่อนยาน หรือปัญหาก่อการร้ายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่แม้แต่น้อย เพราะว่าไปแล้ว “สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” เป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งเท่านั้นที่ร่วมรับผิดชอบด้วย ยังมีหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมายเช่น กอ.รมน. สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ฝ่ายข่าวความมั่นคง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล หรือกระทั่งฝ่ายปกครองที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด สวมหมวกประธาน กอ.รมน.จังหวัด รวมทั้งเหตุการณ์มือระเบิดเตรียมหลบหนีในช่องทางธรรมชาติ หรือ “ช่องหมารอด”หากเป็นเช่นนั้นแล้วตำรวจ ตม.ไม่น่าจะมีความผิดเพราะ “ช่องหมารอด” ตามตะเข็บชายแดน จ.สระแก้ว ทราบกันดีว่ามีมากมายถึง 13 ช่องแต่ละช่องอยู่ในการดูแลของทหาร ตชด.และฝ่ายปกครอง ขบวนการนำพาต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรไทย จึงมีผู้เกี่ยวข้องอย่างมากมาย
       
       สำคัญที่สุดตลอดเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรสีกากี ไม่เคยอินังขังขอบกับบทวิจารณ์ หรือข้อติติงจากสื่อแม้แต่น้อยเพียงแต่เที่ยวนี้ “บิ๊กอ๊อด” กลับหยิบยกสาเหตุที่ออกมาหวดก้นตำรวจ ตม.ก็เพราะทนสื่อวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจในทางเสียๆ หายๆ ไม่ได้
       
       ข้อมูลอีกด้านของปฏิบัติการ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” โดยการกระแทก พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.ตม.ถึงขั้นออกปากจะสั่งย้ายมีความเห็นของผู้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ระบุว่า น่าจะมาจากความขุ่นข้องหมองใจแต่เก่าก่อนเพราะตำแหน่ง ผบช.สตม.ล้วนเป็นที่หมายปองของนายตำรวจแทบทุกคน เหตุผลไม่มีอะไรมากกว่างานสบาย เงินดี สังคมเด่น บรรดาผู้เข้าประกวดทั้งหลายจึงต้องมีปลอกคอแข็ง มีเส้นสายได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสมัยรัฐบาลพลเรือนหรือรัฐบาลทหาร ต่างใช้ตรรกะเเดียวกันทั้งสิ้นคือ “สมบัติผลัดกันชม”
       
       เช่นเดียวกับรัฐบาลทหารภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ทราบกันดีว่า บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายบรรดานายพลตำรวจ ล้วนแต่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก “บ้านใหญ่ฟาร์มโชคชัย” อันเปรียบเสมือน ก.ตร.ตัวจริง เป็นยิ่งกว่าคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็น “ซูเปอร์คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ” ที่สามารถดลบันดาลความเจริญก้าวหน้าให้กับใครก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมองคนรอบๆ ตัว คนใก้ลชิดที่สามารถวางใจได้เป็นอันดับแรก
       
       พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. นรต.36 อยู่ในข่ายนั้น ข่าวว่าผู้อยู่เบื้องหลัง พล.ต.ท.ศักดาต้องการดันให้ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ในครั้งนี้ เพื่อไต่บันไดไปคั่วตำแหน่ง ผบ.ตร.ในอีกไม่กี่ปีภายหน้า เพราะหาก พล.ต.ท.ศักดาขึ้นไปในระดับบริหารปีนี้ ยังเหลืออายุราชการอีก 7 ปี คือจะเกษียณอายุปี 2564 ถ้ายังหายใจอยู่เก้าอี้ประมุขสีกากีไม่หนีไปไหน และอำนาจของตำรวจก็ยังอยู่ในมือของกลุ่มอำนาจเดิมอีกยาว
       
        ประวัติคร่าวๆ ของนายตำรวจผู้นี้ เคยเป็นหัวหน้าสำนักงาน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายสุดเลิฟ “บิ๊กป้อม” มาก่อน เป็นเด็กปั้นและมอบหมายภารกิจเฉพาะ เช่น เรื่องเข้านอกออกในของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาล ที่เหลือคือการสแกนบุคคลไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่า
       
       สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ความสำคัญต่อภารกิจด้านนี้หรือไม่ เพราะหลังจากถูก ผบ.ตร.ตำหนิจนไม่มีชิ้นดีกลับมีเสียงสวนกลับทำนองว่า เขาทำกันอย่างเต็มที่แล้วแต่ “บิ๊กอ๊อด” แสร้งมองไม่เห็น
       
        ปรากฏการณ์ถล่มเด็กในคาถาฟาร์มโชคชัย แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ยังเชื่อกันว่าน่าจะมาจากความกระด้างกระเดื่องของ ผบช.สตม.ที่มีต่อ ผบ.ตร.
       
       คราวนี้กลับมาดูคอนเนกชัน ของ ผบช.สตม.ผู้นี้กันอีก นอกจากมีความสัมพันธ์อันดีกับน้องชายสุดเลิฟของผู้กุมอำนาจตัวจริงเสียงจริง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ยังได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ อดีต ผบช.สตม.ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีความเกี่ยวดองกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ “คู่เขย” จึงเห็นได้ว่าการจงใจทำปืนลั่นข้างกกหูของ ผบช.สตม.นี้ไม่ทำให้เกิดอาการสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
       
       จังหวะนับถอยหลังเหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็จะหมดวาระของ ผบ.ตร.คนที่ 10 ไปแล้ว เป็นเรื่องปกติที่นกกาจะเริ่มโบยบินไปหาที่เกาะกันใหม่ บรรยากาศสำนักงานผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เคยคึกคักบัดนี้เริ่มเงียบเหงา การพิจารณาแต่งตั้ง-โยกย้ายระดับนายพลตำรวจที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เคยสัมผัสมาแล้ว เคยพบเจอมาแล้วว่า “อำนาจ” แท้จริงอยู่ที่ไหนเมื่อมาเจอกับตัวเองอำนาจราชศักดิ์ที่พอมีอยู่บ้างจึงต้อง สำแดงให้ “อำนาจนอกระบบ” เกิดความเกรงอกเกรงใจ
       
        ประเด็นนี้จึงมองกันว่าการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ บัญชาการ ในฐานะ ผบ.ตร.ถึงแม้ว่าจะใก้ลเป็นอดีตแต่คงมี “น้ำยา” แสดงฤทธิ์เดชอะไรได้บ้าง...
       
       ผลกระทบจากแรงกระแทกที่ตกไปยัง พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม.อันเสมือนเด็กในบ้านฟาร์มโชคชัย จะมีผลอย่างไรต่อไปหรือไม่ แน่นอนว่าอาจจะมีใครหยุดฟัง หรืออาจไม่มีใครสนใจ


“สมยศ”ทิ้งบอมบ์สินบน “สตม.”ดักทาง “อำนาจเก่า”ฮุบ“ตม.”

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

สน. พระอาทิตย์
         
        
       ดังนั้น การออกมาขย่มความเน่าเฟะของ “สตม.” ไม่ผิดที่ใครหลายคนจะคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณไปถึง “ผู้กุมอำนาจ”ตัวจริงใน สตม. เพื่อเป็นการชิงลงมือก่อนเปิดเกมสกัดและล้างบางขั้วอำนาจเก่าในสตม. ไม่ให้สืบทอดอำนาจและเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลๆ อย่างที่ถูกแฉออกมาส่วยเงินสดๆวันละหลายล้าน อีกต่อไป และย่อมมองได้ว่า เผื่อการทำงานสำเร็จ ผลประโยชน์ใต้โต๊ะมากมายมหาศาลยังกองอยู่ แล้วนี่ไม่ใช่รางวัลสำหรับคนชนะเกมหรือ
        
       ในท่าทีที่ชวนติดตามของ”เซียนอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่สีกากี ที่ปากกล้าออกมาถล่มสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือสตม. โดยแอบอิงอาศัยจังหวะลูกติดพันจากคดีระเบิดวินาศกรรมราชประสงค์ ที่ความซวยตกกับตำรวจตม. ในฐานปล่อยคนร้ายหนีออกไปและก่อนหน้านั้นเปิดด่านให้ผู้ก่อการร้ายเข้าประ เทศผิดกฏหมาย
       
       จึงเป็นเวลาที่เหมาะเจาะกับการออกมาเดินแผนเปิดโปงความชั่วร้ายเลว ทรามแฉพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง “ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” หรือ “ตม.” ลากไส้กี่ขดๆออกมาประจาน ทั้งรับส่วยต่างด้าว รับผลประโยชน์การเข้า-ออกประเทศ อำนวยความสะดวกประเภทต่างๆ และอีกสารพัดวิธีการงาบส่วย
       
       การที่สมยศทิ้งระเบิดปรมาณูบอมบ์ซ้ำตม.แบบล้างผลาญครั้งนี้ นั้น ด้านหนึ่งมีเสียงชื่นชม แต่อีกด้านถูกมองเป็นแค่กลยุทธุ์ “ดำกินดำ” ที่มีแผนไม่ได้เพียงแต่พุ่งเป้าที่ตัว “บิ๊กดริ๊ง”พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ยังต้องการแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ ส่งสัญญาณไปถึง “ผู้กุมอำนาจ”ตัวจริงใน สตม.
       
       จะเห็นว่า หลังจากโวยวายจนกลายเป็นประเด็นร้อนกระแสสังคมตอบรับ แต่เมื่อสมยศถูกซักถามก่อนเกษียณอายุราชการวันที่30 กันยายนนี้ จะมีคำสั่งย้าย “ผบช.สตม.” พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กลับรีบชิงปฏิเสธทันควัน “คงยังไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการจะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน”
       
       ทั้งๆที่ตามพฤติกรรม “สตม.” ที่”บิ๊กอ๊อด” แฉรายวัน หรือทำหนังสือบันทึกลับด่วนที่สุด ถึง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รายงานพฤติกรรมรับส่วย รับสินบน รับผลประโยชน์ของข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองละเอียดยิบ
       
       หากเป็น “คนนอก” หรือ “ตำรวจ”อื่นๆ ออกมาแฉยับขนาดนี้ ก็อาจจะมองในมุมใส่ใคร่ กล่าวหา ทำลายองค์กร “สตม.” หรือดิสเครดิต “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” แต่คนที่ออกมาตีแผ่ครั้งนี้คือ “ผู้นำตำรวจ” เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทุกข้อมูล ทุกคำพูด ทุกปลายปากกาที่เขียนอธิบายความ หากไม่มีมูล ไม่มีข้อเท็จจริง ระดับ “ผบ.ตร.” คงไม่ออกมาเล่นหนักขนาดนี้
       
       แต่พอถูกถามถึงการสั่งย้าย สั่งช่วยราชการ “ผบช.สตม.” ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานนี้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องหรือร่วมมือผลประโยชน์กับพฤติกรรมลูกน้องที่เกิดขึ้นหรือ ไม่ก็ตาม แต่ในทางปกครองการปล่อยปละละเลย ไม่กวดขัน พฤติกรรมผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ในกฎระเบียบ ก็เพียงพอแล้วที่จะเด้ง “บิ๊กดริ๊ง” พ้นจาก “สตม.” เป็นการชั่วคราว เปิดโอกาสให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเฉกเช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้น กับตำรวจหน่วยอื่นๆ
       
       นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าการออกมาขุดไส้เน่า “สตม.” ออกมาประจานครั้งนี้ เป็นการถล่มเป้าหมายที่มี“พล.ต.ท.ศักดา” เป็นเบี้ยหน้าด่านเท่านั้น ไม่ตัดหัวคั่วแห้งพล ต. ท. ศักดา เพราะหากจะฆ่า “บิ๊กดริ๊ง”เพียงลำพัง จริงๆ ก็คงต้องมีมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา สกัดการเติบโตของคนที่ถูกมองว่าการทำงานบกพร่อง ไม่ให้ขึ้น “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ตามโควตาที่ได้อานิสงส์เพิ่มมาจากการเปิดเก้าอี้ “ที่ปรึกษา(สบ10) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ” เทียบเท่า รองผบ.ตร. รองรับ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นดำรงตำแหน่ง จนทำให้เก้าอี้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ที่ปีนี้ว่างเพียง 11 เก้าอี้ เพิ่มเป็น 12 เก้าอี้ และพอดีกับ อดีตนายเวรพล.ต.อ.พัชรวาท ที่อยู่ลำดับที่ 12 ในระนาบ “ผบช.” เลื่อนขึ้นได้ตามกฎระเบียบ ก.ตร.พอดิบพอดี
       
       แต่พล. ต. ท. ศักดาก็อ่วมอรทัยไปแล้ว ถูกกระหน่ำใส่จนโชกเลือด แม้ไม่ถูกเอาผิดหรือสกัดขึ้นผู้ช่วยผบ. ตร. แต่ตราบาปนี้จะติดตัวไปกับเครื่องแบบตำรวจของเขายากจะลบทิ้งได้ จะถูกงัดขึ้นมาใช้ทำลายชื่อเสียงอีกเมื่อไรก็เละเมื่อนั้น
       
       ดังนั้น การออกมาขย่มความเน่าเฟะของ “สตม.” ไม่ผิดที่ใครหลายคนจะคิดว่าเป็นการส่งสัญญาณไปถึง “ผู้กุมอำนาจ”ตัวจริงใน สตม. เพื่อเป็นการชิงลงมือก่อนเปิดเกมสกัดและล้างบางขั้วอำนาจเก่าในสตม. ไม่ให้สืบทอดอำนาจและเข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลๆ อย่างที่ถูกแฉออกมาส่วยเงินสดๆวันละหลายล้าน อีกต่อไป
       
       และย่อมมองได้ว่า เผื่อการทำงานสำเร็จ ผลประโยชน์ใต้โต๊ะมากมายมหาศาลยังกองอยู่ แล้วนี่ไม่ใช่รางวัลสำหรับคนชนะเกมหรือ สาธุชนย่อมเห็นได้
       
       จึงต้องเดินหมากตีแสกหน้า เนื่องการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพล” ประจำปีที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยเฉพาะเก้าอี้ “ผบช.สตม.” ที่มีกระแสเสียงภายใน “กรมปทุมวัน” หลังอุ้มสม “พล.ต.ท.ศักดา” ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปแล้ว แต่ก็ยังจะมีการวาง “ทายาท“ ซอยสวนพลู ตามสัญญาณจากน้องชายบิ๊กบราเธอร์ แห่งฟาร์มโชคชัย 4 ที่ส่งออกมา
       
       ตามรายชื่อโผแต่งตั้ง “นายพล” ที่หลุดรอดออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่ากี่โผๆ เก้าอี้ “ผบช.สตม.” ก็มีชื่อ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 สายตรงน้อยชายบิ๊กบราเธอร์ แห่งฟาร์มโชคชัย 4 ขยับเข้ามานั่งเก้าอี้ “ผบช.สตม.” ตลอด
       
       แม้ระดับ ทางสตช. จะพยายามส่ง “บิ๊กแหม๋ว”พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. นรต.36 เพื่อนร่วมรุ่น”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ ผบ.ตร. หรือ”บิ๊กปั๊ด”พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น. นรต.36ซึ่งทั้งคู่เป็นมือทำงานของว่าที่ ผบ.ตร. ก็ยังไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปนั่งเบอร์ 1ซอยสวนพลูได้เสียที
       
       ถ้าเป็นเช่นนี้ “สตม.” ก็ยังจะตกอยู่ในวังวนเดิมๆ เหมือนที่”บิ๊กอ๊อด”เจอมาตลอด 1 ปีผ่านมา คือ ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ที่ส่งเป็นนโยบายลงไปจาก “กรมปทุมวัน” ไม่ได้รับการสนองตอบจากซอยสวนพลู เพราะรับนโยบายตรงจาก “โชคชัย4” เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญ”พิทักษ์1”ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะแค่เงื้อมือยังไม่ทันทำอะไร กระแสเสียง“เก้าอี้”สั่นคลอนก็กระหึ่มออกมาตลอดเวลา
       
       ห้วงเวลาอีกไม่ถึง 15 วัน ก่อนเกษียณราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้ จึงเป็นจังหวะพอเหมาะพอดีในการ “ทิ้งบอมบ์” โดยที่ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล “เก้าอี้” อีกแล้ว เพื่อให้ “แดนสนธยา” แห่งสำนักปทุมวัน กลับมาขึ้นตรงกับผู้บริหารภายใน”กรมปทุมวัน” ไม่เป็นรัฐอิสระไปขึ้นตรงกับ “ผู้มีอำนาจ”ด้านนอก ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ในมือคนในเสียที และใครยอมลงทุนสู้ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังก็ย่อมมีเอี่ยวด้วยไม่มากก็น้อย?
       
       หมาก “ตีปลาหน้าไซ” หนนี้จะสัมฤทธิ์ผล ปลดโซ่ตรวนวังวนแดนสนธยาได้หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับนายกฯตู่ ผู้มีอำนาจเหลืออำนาจจะกล้าเคลียร์ปัญหานี้ขนาดไหน จะเดินตามเกมดำกินดำของสมยศแล้วร่วมถ่มหินลงบ่อหรือไม่
       
       เกมนี้ “บิ๊กอ๊อด” ทิ้งหมัดสุดตัว เดินเครื่องเต็มสูบไปแล้ว บทสรุปจะออก “หมู่” หรือ “จ่า” จับตาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ “นายพล”ประจำปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...ได้รู้กัน.


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : สมยศ ฉะแหลก พฤติกรรม ตม. หากินกับต่างด้าว แฉด่าน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ เรียกใต้โต๊ะ วันละ 1.8 ล้าน

view