จากประชาชาติธุรกิจ

รอยเตอร์เปิดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของอังกฤษ พบมีมูลค่ากว่า 1.25 ล้านล้านบาท ขณะควีนเอลิซาเบธมีรายได้จากทรัพย์สินส่วนพระองค์ปีละ 730 ล้านบาท บวกเงินจากรัฐบาล ปีละ 2,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2558 สำนักข่าวรอยเตอร์ในอังกฤษเสนอรายงานระบุว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของอังกฤษในปัจจุบันมีความมั่งคั่งกว่ารัชสมัยใดๆ ในขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 จะทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรในวันที่ 9 กันยายน รวมระยะเวลา 63 ปี

ผลการวิเคราะห์สินทรัพย์ของราชวงศ์ ระบุว่า สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษมีสินทรัพย์ ประเมินจากเงินลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และศิลปวัตถุต่างๆ รวมมูลค่าประมาณ 22,800 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1.25 ล้านล้านบาท

ด้วยจำนวนสินทรัพย์ดังกล่าว ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรจึงติดกลุ่มมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก 20 อันดับแรก ตามการคำนวณของนิตยสารฟอร์บส์ โดยมีความมั่งคั่งเทียบเคียงได้กับไมเคิล บลูมเบิร์ก หรือมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค

อย่างไรก็ดี รายงานบอกว่า การคำนวณความร่ำรวยของสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษนับเป็นเรื่องซับซ้อน และยากแก่การจำแนก ส่วนหนึ่งถือเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ อีกส่วนหนึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทางราชสำนักชี้แจงว่าเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน พระมหากษัตริย์เพียงแต่ถือครองไว้ระหว่างทรงครองราชย์

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

พระราชวังบักกิงแฮมบอกว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์(The Crown Estate) ซึ่งเป็นกลไกหลักในการเพิ่มความมั่งคั่งของสถาบันกษัตริย์ด้วยการบริหาร จัดการอสังหาริมทรัพย์และนำเงินไปลงทุนนั้นไม่ได้เป็นของพระราชินีนาถ

นับแต่ปี 2548เป็นต้นมา มูลค่าของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 11,500 ล้านปอนด์ หรือราว 632,500 ล้านบาท ทางสำนักงานบอกว่า ผลตอบแทนทางการเงินที่ได้รับมานั้นจะนำไปใช้ซ่อมบำรุงพระราชวังต่างๆ

แหล่งรายได้หลักอีกอย่างหนึ่งของกษัตริย์อังกฤษคือดัชชีออฟ แลงคาสเตอร์ (Duchy of Lancaster) ซึ่งเป็นสมบัติส่วนพระองค์ของพระประมุข กับดัชชี ออฟ คอร์นวอล (Duchy of Cornwall) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของพระโอรสพระองค์โตของกษัตริย์ ปัจจุบันคือ เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์

ความมั่งคั่งของดัชชีเหล่านี้อยู่ในรูปของที่ดินในชนบทแปลงเกษตรกรรมหุ้นอาคารประวัติศาสตร์ และอาคารพาณิชย์ ในแคว้นอิงแลนด์และแคว้นเวลส์ ทรัพย์สินทั้งสองแหล่งมีมูลค่ารวมกัน 1,300 ล้านปอนด์ หรือราว 71,500 ล้านบาท

ทรัพย์สินอย่างที่สาม คือ ศิลปวัตถุต่างๆ (Royal Collection) เช่น ภาพเขียน วัตถุโบราณ อัญมณี รวมทั้งเครื่องราชกกุธภัณธ์ (Crown Jewels) ในส่วนนี้ บริษัทที่ปรึกษา Brand Finance ประเมินมูลค่าไว้ที่ 10,000 ล้านปอนด์ หรือราว 550,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่นับรวมที่ประทับต่างๆ เช่น พระราชวังบักกิงแฮม พระตำหนักวินด์เซอร์ และพระตำหนักบัลมอรัล

รายได้จากรัฐ

สมเด็จพระราชินีนาถยังมีรายได้จากการจัดสรรถวายของรัฐบาลเป็นรายปีที่เรียกว่า SovereignGrant อีกด้วย เงินก้อนนี้ไม่ได้มาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยตรง หากแต่มาจากผลกำไรจากการทำธุรกิจของทางสำนักงาน

ผลกำไรทั้งหมดจะส่งเข้ากระทรวงการคลังก่อนจากนั้นรัฐบาลจึงค่อยแบ่งเงินในสัดส่วน15% ของผลกำไรเหล่านั้นทูลเกล้าฯ ในปี 2558 รัฐบาลถวายเงินปีสำหรับพระประมุข จำนวน 37.9 ล้านปอนด์ หรือราว 2,000 ล้านบาท

อสังหาริมทรัพย์เพิ่มพูน

นับแต่ปี 2550 ทรัพย์สินในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของอังกฤษมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 11,000 ล้านปอนด์ หรือราว 605,000 ล้านบาท นับว่าสูงขึ้นในอัตราปีละ 9.3% 

ทางสำนักงานเปิดเผยว่า ในปีนี้ มีกำไรสุทธิจากการลงทุนและการพัฒนาสูงเป็นประวัติการณ์ ที่ 285.1 ล้านปอนด์ หรือราว 15,675 ล้านบาท

นอกจากนี้ หลังจากพระราชินีนาถทรงขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2495 นั้น ที่ดินในความครอบครองของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปี 2501 ทางสำนักงานถือครอง 7 แสนไร่ ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นอีก 150,000 ไร่ หากนำที่ดินในส่วนของดัชชี ออฟ แลงคาสเตอร์ กับดัชชี ออฟ คอร์นวอล และอาณาบริเวณของพระตำหนักส่วนพระองค์ของพระราชินีนาถ ที่บัลมอรัลกับที่แซนด์ริงแฮม มารวมด้วยแล้ว สถาบันกษัตริย์จะมีที่ดินประมาณ 600,000 เอเคอร์ หรือราว 1.5 ล้านไร่

ทรัพย์สินส่วนพระองค์

ดัชชี ออฟ แลงคาสเตอร์ กับดัชชี ออฟ คอร์นวอล นั้น เป็นมรดกตกทอดในราชวงศ์อังกฤษมานานหลายศตวรรษ ในปีงบประมาณ 2557 ดัชชี ออฟ แลงคาสเตอร์ ทำรายได้ให้แก่พระราชินีนาถเป็นเงิน 13.3 ล้านปอนด์ หรือราว 730 ล้านบาท เงินส่วนนี้ถือเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ (The Privy Purse)

เจ้าชายชาร์ลส์ มกุฏราชกุมาร มีรายได้เป็นการส่วนพระองค์จากดัชชี ออฟ คอร์นวอล เมื่อเดือนมีนาคม ที่ดินของดัชชีดังกล่าวได้รับการประเมินราคาที่ 871 ล้านปอนด์ หรือราว 47,850 ล้านบาท

ดัชชีทั้งสองไม่ถูกกำหนดให้ต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างไรก็ดี พระราชินีนาถทรงจ่ายภาษีเงินได้ตามอัตรามาตรฐานมาตั้งแต่ปี 2536

นับแต่ปี 2544  สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษเผยแพร่รายรับ-รายจ่ายประจำปีเสมอมา เพื่อสร้างความโปร่งใส

ที่มา Voice TV

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน