จากประชาชาติธุรกิจ
แม้เศรษฐกิจโลกจะตกอยู่ในภาวะเปราะ บาง แต่ธุรกิจหลายอย่างยังขยายตัว บริษัทห้างร้านจำนวนหนึ่งจึงทำกำไรได้ดี ในขณะเดียวกัน เงินทุนที่หมุนเวียนอยู่มักไปลงที่หุ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำ ทำให้การซื้อพันธบัตรได้ผลตอบแทนเพียงน้อยนิด
ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้ราคาหุ้นหลายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหุ้นตัวหนึ่งซึ่งดึงความสนใจในช่วงนี้ได้แก่ของบริษัทสตาร์บัคส์เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดกันว่าอีกไม่นานราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นไปจะทำให้มูลค่าหุ้นของสตาร์บัคส์ แซงหน้า มูลค่าหุ้นใกล้แสนล้านดอลลาร์ของ แมคโดนัลด์ ซึ่งเป็นตำนานในวงการร้านอาหารจานด่วน
สื่อหลายสำนักจึงนำ "การคาดการณ์" นั้น และ "เหตุปัจจัย" ที่ทำให้เกิดขึ้นมาเสนอ
สำหรับผู้ที่สนใจในวิวัฒนาการของร้านสตาร์บัคส์มาเป็นเวลานาน และได้อ่านหนังสือชื่อ Pour Your Heart Into It : How Starbucks Built a Company One Cup at a Time (พิมพ์ครั้งแรกปี 2542) ข้อสรุปที่สื่อนำมาเสนอในช่วงนี้ไม่มีอะไรใหม่มากนัก นอกจากการแตกกิ่งก้านออกจากฐานความคิดเดิมของ โฮวาร์ด ชุลทซ์ ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟและการบริการด้วยจิตวิญญาณในร้านกาแฟของชาวอิตาเลียน 
เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภูมิหลังของการพัฒนาร้านสตาร์บัคส์ไว้ในหนังสือเล่มนั้น ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหรือแตกฉานในภาษาอังกฤษอาจอ่านบทคัดย่อภาษาไทย ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีที่ในเว็บไซต์ของ มูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com ข้อคิดหลายอย่างทั้งที่ปรากฏในหนังสือและในสื่อต่าง ๆ ในช่วงนี้น่าจะมีประโยชน์แก่ผู้สนใจ แต่ไม่มีเวลาตามอ่านวิวัฒนาการของสตาร์บัคส์อย่างต่อเนื่อง
ณ วันนี้ผู้ที่มีโอกาสเข้าไปใช้บริการในร้านสตาร์บัคส์ย่อมทราบดีแล้วว่า สินค้าที่สตาร์บัคส์นำมาขายมิใช่เฉพาะกาแฟเท่านั้น หากเป็นเครื่องดื่มและอาหารหลายอย่าง รวมทั้งชา อาหารเช้า อาหารว่าง และอาหารกลางวัน อีกไม่นานบางร้านจะเริ่มขายไวน์และเบียร์ นอกจากนั้น ยังจะมีร้านสตาร์บัคส์แบบใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น ภายในร้านเปิดให้เห็นกระบวนการเตรียมเมล็ดกาแฟจากต้นจนจบลงที่การชงให้ลูกค้า และการทำร้านบนรถยนต์ที่เคลื่อนไปจอดขายตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
การเพิ่มชนิดของสินค้าและเปิดร้านใหม่ปีละหลายร้อยทั่วโลก เป็นวิวัฒนาการที่เกิดจากการมุ่งสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวจักรพื้นฐานขับเคลื่อนกิจการของร้านสตาร์บัคส์ แม้กาแฟจะยังมีความสำคัญ แต่ยอดขายเกินครึ่งของสตาร์บัคส์ซึ่งมีด้วยกันกว่า 22,500 ร้านมาจากสินค้าตัวอื่น
นอกจากชนิดของสินค้าที่นำมาขายจะเพิ่มขึ้นแล้ว สตาร์บัคส์ยังนำเทคโนโลยีร่วมสมัยมาใช้ในการให้บริการจนล้ำหน้าร้านค้าอื่นอีกด้วย ในปัจจุบันลูกค้าของสตาร์บัคส์ในสหรัฐอเมริกาสามารถจ่ายค่าอาหารผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ส่งผลให้ยอดขายราว 20% ของไตรมาสที่ผ่านมาเกิดจากการจ่ายผ่านโทรศัพท์
ข้อมูลบ่งว่าลูกค้าที่สามารถจ่ายค่าอาหารผ่านโทรศัพท์ ได้ซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าทั่วไป 12% การใช้เทคโนโลยีแบบนี้ยังไม่มีร้านอาหารอื่นทำได้ อย่างไรก็ตาม สตาร์บัคส์มิได้หยุดแค่นั้น อีกไม่นานลูกค้าจะสามารถสั่งอาหารและจ่ายเงินล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถวในร้านเพื่อรออาหารและจ่ายเงิน
การ ใช้เทคโนโลยีร่วมสมัยไปกันได้ดีกับวิธีขายผ่านโครงการมอบรางวัลให้แก่กลุ่ม ลูกค้าที่เป็นขาประจำเมื่อลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิกในกลุ่มนี้ซื้อกาแฟ ครบ12ครั้ง เขาจะได้รางวัลเป็น ดาวหนึ่งดวง ดาวนั้นจะใช้ซื้ออะไรในร้านสตาร์บัคส์ก็ได้ และได้กลายเป็นเสมือนเงินสกุลหนึ่งไปแล้ว ทั้งนี้ เพราะหลายบริษัทมีนโยบายมอบดาวของสตาร์บัคส์เป็นรางวัลให้แก่ลูกค้า วิธีขายผ่านการมอบรางวัลให้แก่ลูกค้าขาประจำนี้มีผลดีสูงมากเนื่องจากข้อมูล บ่งว่า ลูกค้าในกลุ่มนี้จะซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าทั่วไปถึงสามเท่า
โครงการมอบรางวัลมีความเกี่ยวพันสูงกับการขายบัตรกำนัลทั้งในรูปของบัตรพลาสติกธรรมดา และการส่งไปยังโทรศัพท์มือถือ ผู้รับบัตรกำนัลมักสมัครเป็นสมาชิกในกลุ่มลูกค้าขาประจำ ในปัจจุบันกลุ่มนี้มีสมาชิกกว่า 10 ล้านคน
จากบางมุมมอง ความสำเร็จของสตาร์บัคส์มีส่วนคล้ายกับของ แอปเปิล ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าหุ้นสูงที่สุดในโลกนั่นคือ ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นทั้งผู้บริหารและจิตวิญญาณของกิจการออกจากบริษัทของตนไปหลายปีก่อนที่จะหวนกลับมาหลังบริษัทเดินเข้าป่าไปจนหลงทางโฮวาร์ดชุลทซ์เป็นจิตวิญญาณของสตาร์บัคส์ เช่นเดียวกับ สตีฟ จ็อบส์ เป็นจิตวิญญาณของแอปเปิล
โฮวาร์ด ชุลทซ์ มองว่า หัวใจของกิจการร้านกาแฟอยู่ที่คุณภาพของการให้บริการ ที่จะต้องสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า นอกจากสินค้าจะต้องมีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอตามความคาดหวังของลูกค้าแล้ว การบริการที่มีประสิทธิภาพและด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสของพนักงานในร้านมีความสำคัญยิ่ง
แต่พนักงานในร้านจะบริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ได้ หากพวกเขาขาดขวัญและกำลังใจ หรือไร้ความสุข ฐานความคิดนี้เป็นที่มาของการฝึกพนักงานอย่างดี พร้อมกับจ่ายค่าแรงและสวัสดิการสูงกว่ากิจการทั่วไป รวมทั้งการให้ประกันสุขภาพแก่พนักงานที่ทำงานไม่เต็มเวลา ยิ่งกว่านั้นสตาร์บัคส์ยังสนับสนุนการศึกษาของพนักงานที่ต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยพร้อมกับปันหุ้นให้ทุกคนอีกด้วย
การ สนับสนุนการศึกษาของพนักงานเป็นส่วนประกอบสำคัญของฐานความคิดด้านหนึ่งซึ่ง โฮวาร์ดชุลทซ์ต่างกับผู้ประกอบการและหัวหน้าผู้บริหารของบริษัทห้างร้านโดย ทั่วไปนั่นคือ เขามองว่างานของภาคธุรกิจมิใช่เพื่อมุ่งทำกำไรสูงสุด หากยังต้องสนับสนุนสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอีกด้วย ฉะนั้น เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เขาจะออกมารับฟังความคิดเห็นของพนักงาน และพร้อมที่จะนำการขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเสมอ ฐานความคิดนี้ส่งผลให้สตาร์บัคส์มีนโยบายปันผลกำไรเพื่อใช้ในการพัฒนาชุมชนที่ร้านตั้งอยู่
ความสำเร็จของสตาร์บัคส์ทำให้โฮวาร์ดชุลทซ์ซึ่งมาจากครอบครัวยากจนกลายเป็นเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน เขาและมหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก บิลล์ เกตส์ คิดคล้ายกันในด้านการให้คืนแก่สังคมผ่านการบริจาคทรัพย์สินจำนวนมหาศาล เพื่อการช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ ณ วันนี้โฮวาร์ด ชุลทซ์ จึงมีมูลนิธิเพื่อการกุศลเช่นเดียวกับบิลล์ เกตส์
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
