สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เบื้องหลังเยอะงานนี้...ถ้ายังไม่หยุดละก็ หุหุ อดีตอัยการสูงสุดโพสต์เตือน! ทีมยิ่งลักษณ์ คดีจำนำข้าว

เบื้องหลังเยอะงานนี้...ถ้ายังไม่หยุดละก็ หุหุ” อดีตอัยการสูงสุดโพสต์เตือน! “ทีมยิ่งลักษณ์” คดีจำนำข้าว

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

อดีตอัยการสูงสุดโพสต์เตือน หลังตอกลิ่วล้อชู “ทีมยิ่งลักษณ์” คดีจำนำข้าว ย้ำมีการชี้มูลตั้งแต่ชั้น ป.ป.ช. เป็นไปโดยชอบตามกฎหมาย เซ็งฟ้องช้าก็ว่า ฟ้องเร็วก็ว่า ระบุการเพิ่มพยานเอกสาร 4 หมื่นหน้าทนายจำเลยคัดค้านแต่ศาลฎีกาอนุญาตแล้ว
       
       วันนี้ (2 ต.ค.) มีรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อวันนี้ (1 ต.ค.) นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไปเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Trakul Winitnaiyapak” กรณีที่คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ “แม่ลูกจันทร์” ตั้งข้อสังเกตว่าอัยการสูงสุดถึงคำสั่งของผู้มีคำสั่งฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งในภายหลังได้ถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ฟ้องกลับที่ศาลอาญาฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยมีมูลเหตุจากการ สั่งคดี
       
       คอลัมน์ถามถึงกรณีที่ระยะเวลาในการสั่งฟ้องคดีที่สั่งฟ้องก่อนที่จะ มีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 1 ชั่วโมง
       
       นายตระกูลเขียนตอบว่า “ประชาชน ว่าอัยการทำงานคดีนี้ช้า สำนวนฯ เสร็จพอดี แล้วจะให้ผมดึงเรื่องยังไม่สั่งคดี...รอไว้หรือไงครับ การแถลงข่าวทันทีในวันนั้น ก็ทำหลังจากที่ได้ไปยื่นฟ้องคดีที่ศาล เวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งก็ทำเป็นปกติทุกเรื่องที่สำคัญๆ หลังจากที่มีการยื่นฟ้องฯ”
       
       คอลัมน์ถามถึงประเด็นที่รองอัยการสูงสุดในขณะนั้น ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาสำนวนร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่ได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) ตามขั้นตอนนั้น
       
       นายตระกูลชี้แจงว่า “คณะทำงานร่วมฯ ระหว่างผู้แทนอัยการสูงสุดกับผู้แทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้าร่วมประชุมครบองค์ประชุม แม้ผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดบางคนจะไม่มาประชุม ก็ถือว่าเป็นการประชุมโดยชอบแล้วตามกฎหมาย (คณะทำงานของอัยการฯ ได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช.แล้วทุกคน โดย ป.ป.ช.มีเอกสารหลักฐานการแจ้งฯ) และคณะทำงานฯ ได้สรุปความเห็นส่งให้ อสส.พิจารณาก่อนที่จะฟ้องหลายวัน ฟ้องเร็วก็ว่า..ฟ้องช้าก็ว่า...เฮ้อ!!!
       
       ส่วนที่คอลัมน์ระบุว่ามีการเพิ่มข้อหาสมยอมให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งไม่มีข้อหานี้ในชั้นไต่สวน ป.ป.ช.นั้น
       
       อดีต อสส.อธิบายว่า “มีการแจ้งข้อ กล่าวหาโดย ป.ป.ช.ว่าอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์กระทำผิดตาม ป.อาญา ม.157 ซึ่งรวมถึงปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย และ ป.ป.ช.มีการชี้มูลว่ากระทำผิดตาม ป.อาญา ม.157 จึงมิใช่เป็นการเพิ่มข้อกล่าวหาแต่อย่างใด”
       
       สุดท้ายคอลัมน์ถามถึงประเด็นที่มีการร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ.อัยการ โดยนำเอกสารที่อยู่นอกสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.กว่า 67,800 แผ่นนั้น
       
       อดีต อสส.ชี้แจงว่า “เอกสารที่อัยการ สูงสุดโจทก์ได้อ้างส่งศาลเพิ่มเติมอีก 40,000 กว่าหน้า ก็เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับการระบายข้าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโครงการจำนำข้าวคดีนี้โดยตรง และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งมาให้อัยการสูงสุด ภายหลังจากยื่นฟ้องคดีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์แล้ว... ซึ่งทนายจำเลยได้เคย...“คัดค้าน” ไม่ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับไว้พิจารณา แต่ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของทนายจำเลย และสั่งรับเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว เพราะการพิจารณาคดีนี้ใช้ระบบไต่สวน ซึ่งทนายจำเลยก็รับทราบคำสั่งศาล แต่ก็ยังมาฟ้องต่อศาลอาญาในประเด็นนี้ที่เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวอีก
       
       ท้ายสุดเขียนว่า (ขอไม่ออกอากาศทาง TV หรือให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ครับ)
       
       มีรายงานว่า ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของนายตระกูลมีผู้มาให้กำลังใจจำนวนมาก โดยในโพสต์แสดงความคิดเห็นนายตระกูลยังได้โพสต์อีกข้อความว่า “เบื้องหลังเยอะงานนี้...ถ้ายังไม่หยุดละก็ หุหุ”
       
       มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้นนายตระกูลได้โพสต์ข้อความและภาพที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปฟ้องคดีที่ศาลอาญาว่า “คุณพ่อผมสอนไว้ว่า รับราชการต้องอดทน อดกลั้น ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อแทนคุณแผ่นดิน คดี “จำนำข้าว” ผมต้องทำตามหน้าที่...ครับ”



"ตระกูล"โต้"ยิ่งลักษณ์"ปมสั่งฟ้องจำนำข้าว

จาก โพสต์ทูเดย์

อดีตอัยการสูงสุดโพสต์ข้อความโต้"ยิ่งลักษณ์"ปมสั่งฟ้องคดีจำนำข้าว

นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุดได้ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Trakul Winitnaiyapak” เมื่อวันที่ 1 ต.ค. โดยมีข้อความ ระบุ ถึงกรณีที่ระยะเวลาในการสั่งฟ้องคดีที่สั่งฟ้องก่อนที่จะมีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า “ประชาชนว่าอัยการทำงานคดีนี้ช้า สำนวนฯ เสร็จพอดี แล้วจะให้ผมดึงเรื่องยังไม่สั่งคดี...รอไว้หรือไงครับ การแถลงข่าวทันทีในวันนั้น ก็ทำหลังจากที่ได้ไปยื่นฟ้องคดีที่ศาลฯ เวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งก็ทำเป็นปกติทุกเรื่องที่สำคัญๆ หลังจากที่มีการยื่นฟ้องฯ”

ส่วนประเด็นที่รองอัยการสูงสุดในขณะนั้นในฐานะประธานกรรมการพิจารณาสำนวนร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยังไม่ได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุด(อสส.)ตามขั้นตอนนั้น

นายตระกูลโพสต์ชี้แจงว่า“คณะทำงานร่วมฯ ระหว่างผู้แทนอัยการสูงสุดกับผู้แทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้าร่วมประชุมครบองค์ประชุม แม้ผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุดบางคน..จะไม่มาประชุม ก็ถือว่า เป็นการประชุมโดยชอบแล้วตามกฎหมาย (คณะทำงานของอัยการฯได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. แล้วทุกคน โดย ป.ป.ช. มีเอกสารหลักฐานการแจ้งฯ) และคณะทำงานฯ ได้สรุปความเห็นส่งให้ อสส. พิจารณาก่อนที่จะฟ้องหลายวัน ฟ้องเร็วก็ว่า..ฟ้องช้าก็ว่า...เฮ้อ!!!

ส่วนเรื่องที่ระบุว่ามีการเพิ่มข้อหา สมยอมให้มีการทุจริต โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งไม่มีข้อหานี้ในชั้นไต่สวน ป.ป.ช. นั้น

นายตระกูล อธิบายว่า”มีการแจ้งข้อกล่าวหาโดย ป.ป.ช. ว่า อดีตนายก ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดตามป.อาญา ม.157 ซึ่งรวมถึงปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย และ ป.ป.ช. มีการชี้มูลว่า กระทำผิดตาม ป.อาญา ม.157 จึงมิใช่เป็นการเพิ่มข้อกล่าวหาแต่อย่างใด”

ส่วนประเด็นที่มีการร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ. อัยการ โดยนำเอกสารที่อยู่นอกสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.กว่า67,800แผ่นนั้น

อดีตอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า “เอกสารที่อัยการสูงสุดโจทก์ ได้อ้างส่งศาลเพิ่มเติมอีก 4 หมื่นกว่าหน้า ก็เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับการระบายข้าวซึ่งเกี่ยวข้องกับการโครงการจำนำข้าวคดีนี้โดยตรง และคณะกรรมการ ป.ป.ช.. ส่งมาให้อัยการสูงสุด ภายหลังจากยื่นฟ้องคดีอดีตนายกยิ่งลักษณ์แล้ว... ซึ่งทนายจำเลยได้เคย..."คัดค้าน" ไม่ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับไว้พิจารณา แต่ศาลฯ ได้มีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของทนายจำเลย และสั่งรับเอกสารดังกล่าวไว้แล้ว เพราะการพิจารณาคดีนี้ใช้ระบบไต่สวน ซึ่ง ทนายจำเลยก็รับทราบคำสั่งศาล แต่ก็ยังมาฟ้องต่อศาลอาญาในประเด็นนี้ที่เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวอีก

ทั้งนี้นายตระกูล เป็นผู้มีคำสั่งฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว และภายหลังได้ถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฟ้องกลับที่ศาลอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยมีมูลเหตุจากการสั่งฟ้องคดีจำนำข้าว


"วัฒนา"ชี้คดีสั่งฟ้องจำนำข้าวมีความผิดปกติ

จาก โพสต์ทูเดย์

"วัฒนา เมืองสุข"โต้อดีตอัยการสูงสุดชี้ปมสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ดคีจำนำข้าวมีคำผิดปกติหลายขั้นตอน

นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสส.เพื่อไทย กล่าวว่า ได้อ่านข่าวนายกยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ฟ้องอดีตอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค) กับพวกรวม 4 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อมาอดีต อสส ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวตอบโต้ทำนองว่า "คดีจำนำข้าวท่านต้องทำตามหน้าที่เพื่อแทนคุณแผ่นดิน" ผมเห็นว่าคดีนี้มีความผิดปกติในหลายเรื่องและหลายขั้นตอน ดังนี้

1.คดีนี้เป็นคดีแรกของประเทศไทยหรืออาจเป็นคดีแรกของโลกก็ได้ที่หัวหน้ารัฐบาลถูกดำเนินคดีจากการดำเนินนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ การรับจำนำข้าวที่จริงคือการแทรกแซงตลาด (market intervention) ที่ทำกันมาทุกรัฐบาลรวมถึงรัฐบาล คสช ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปแทรกแซงราคายางพารารวมถึงการอนุมัติเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท

2.การแทรกแซงตลาดเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรให้สินค้าเกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด เป็นแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่รัฐธรรมนูญปี 2550 บังคับให้รัฐต้องดำเนินการตามมาตรา 75 วรรคแรก มาตรา 84 และ 84(8) และถือเป็นนโยบายของ "คณะรัฐมนตรี" ที่ต้องแถลงต่อรัฐสภาตามมาตรา 75 วรรคสอง การดำเนินตามแนวนโยบายดังกล่าวจึงชอบและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ คำถามคือถ้านโยบายนี้ผิดกฎหมายจนต้องถูกดำเนินคดี เหตุใดจึงดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียวทั้งที่เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี เหตุใดหัวหน้ารัฐบาลคนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการแทรกแซงตลาดเหมือนกันรวมทั้งหัวหน้า คสช ด้วยกลับไม่ถูกดำเนินคดี

3.เมื่อ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนมาให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์ ได้มีการตั้งคณะทำงานของอัยการรวม 10 คนเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยมีรองอัยการสูงสุด (นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์พงศ์) เป็นหัวหน้า คณะทำงานเห็นว่าสำนวนที่ส่งมามีข้อไม่สมบูรณ์รวม 4 ประเด็นสำคัญ จึงมีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งก็ได้ตั้งคณะทำงานรวม 10 คนเท่ากับอัยการเพื่อมาหาข้อสรุปร่วมกัน ขั้นตอนนี้มีความแปลกประหลาดเกิดขึ้นคือ

(1) มีการนัดประชุมร่วมคณะทำงานสองฝ่ายครั้งแรก แต่หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการกับพวกรวม 7 ท่านไม่ทราบจึงไม่ได้ไปประชุม มีเพียงอัยการ 3 ท่านที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องไปประชุมกับ ป.ป.ช. ทำให้ครบองค์ประชุม หากคณะทำงานของอัยการทุกท่านได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. โดยชอบแล้วตามที่ท่านอดีต อสส ชี้แจง ต้องถือว่าหัวหน้าคณะและอัยการรวม 7 ท่านที่ไม่ได้ไปประชุมมีความผิด ท่าน อสส ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนและลงโทษอัยการทั้ง 7 ท่านนี้อย่างไรหรือปล่อยเลยตามเลยครับ

(2) คณะทำงานอัยการ 3 ท่านที่ไปประชุมกับฝ่าย ป.ป.ช. ไม่แปลกใจบ้างเลยหรือครับว่าทำไมหัวหน้าคณะและพรรคพวกรวม 7 ท่านไม่ได้ไปประชุมด้วย ในคดีสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกล่าวหาถ้าเป็นผมอย่างน้อยต้องโทรตามหัวหน้าคณะหรือพรรคพวก ถ้าท่านเหล่านั้นไม่ทราบเรื่องก็ต้องขอเลื่อนการประชุมออกไป ผมว่าทุกคนในโลกคงทำแบบนี้เหมือนกัน

(3) ที่ประหลาดมากขึ้นก็คือทั้ง 3 ท่านที่ไปประชุมที่เคยเห็นร่วมกันแต่แรกว่าสำนวนมีความไม่สมบูรณ์กลับเห็นตาม ป.ป.ช. ว่าสำนวนสมบูรณ์ที่จะฟ้องได้แล้วโดยไม่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วเหตุใดเมื่อยื่นฟ้องไปแล้วจึงมาขอเพิ่มเติมพยานเอกสารที่อยู่นอกสำนวนอีก 67,800 แผ่น คดีสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้รอบคอบครบถ้วนแต่แรกครับ

(4) นอกจากความผิดปกติที่ผมกล่าวแล้ว คดีนี้ยังเป็นคดีแรกที่ อสส เรียกสำนวนไปจากอัยการคดีพิเศษที่มีหน้าที่รับผิดชอบคดีของ ป.ป.ช. โดยตรง เพื่อมอบให้สำนักงานคดีสืบสวนและสอบสวนที่มีท่านสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล เป็นอธิบดีและเป็นหนึ่งในสามท่านที่ไปประชุมเป็นผู้รับผิดชอบแทน

4. ความผิดปกติทั้งหมดช่างบังเอิญมาเกิดขึ้นภายหลังจากที่หัวหน้า คสช มีคำสั่งปลดท่านอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่เป็นอัยการสูงสุดในขณะนั้นและแต่งตั้งให้ท่านอดีต อสส ที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องมาเป็นแทน ซึ่งถ้าไม่มีการปลดท่านอรรถพลแล้วท่านอดีต อสส ที่ถูกฟ้องจะไม่มีโอกาสเป็น อสส เลย นี่ใช่มั้ยครับที่ท่านบอกว่าคือการแทนคุณแผ่นดิน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เบื้องหลังเยอะ งานนี้ ถ้ายังไม่หยุดละก็ #อดีตอัยการสูงสุด โพสต์เตือน ทีมยิ่งลักษณ์ #คดีจำนำข้าว

view