สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บี๊กตู่ สั่งเด็ดหัว แก๊งหมอหยอง ตำรวจสะดุดสาวไม่ถึง ไอ้โม่ง

บี๊กตู่” สั่งเด็ดหัว"แก๊งหมอหยอง" ตำรวจสะดุดสาวไม่ถึง “ไอ้โม่ง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ขบวน การเหลือบที่แอบอ้างเบื้องสูงที่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้น เกิดจากคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายของกองทัพ เป็นผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ มองกันมุมนี้คนหน้าแตกคงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครถ้าไม่ใช่นายๆ พี่ๆ “บิ๊กสีกากี” ทั้งนอกและในราชการที่เคยคบหากัน
       
        ทุกสำนักข่าว “ส่ายหน้า”แถลงคดีประวัติศาสตร์จัดฉากอลังการณ์แต่เนื้อหาฉายซ้ำ “ผิดหวัง”กรณี พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 ยังอึมครึม
       
        บ่ายวันที่ 28 ต.ค.2558 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวทุกสำนักทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ต่างทะยอยไปรอรับฟังการแถลงข่าวคดีประวัติศาสตร์ กรณีนายสุริยัน หรือหมอหยอง สุจริตพลวงศ์ นายจิรวงศ์หรืออาท วัฒนเทวาศิลป์ และพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สว.เอี๊ยด ในคดีความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งในการแจกแจงรายละเอียดทั้งหมดแก่สื่อมวลชนนั้นทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียม ของกลางต่างๆนับร้อยชิ้น เช่นอาวุธปืนพก อาวุธสงคราม เครื่องประดับต่างๆ กีตาร์ไฟฟ้า กระเป๋าเป้ วิทยุสื่อสาร โดยการจัดเตรียมโชว์ของกลางทั้งหมดนำมาจัดวางไว้ก่อนการแถลงข่าวก่อนเวลา เล็กน้อย ถือเป็นการอุ่นเครื่องให้บรรดาช่างภาพมีโอกาสบันทึกภาพในทุกแง่มุมอย่างจุใจ
       
        กระทั่งเวลา 14.30 น.พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมกุล รรท.รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก สตช.และพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก.เข้าประจำที่เปิดการแถลงโดย “บิ๊กแป๊ะ”กล่าวนำว่าตามที่มีกลุ่มบุคคลร่วมกระทำความผิดโดยมีพฤติกรรมแอบ อ้างหรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระเพื่อให้ประชาชน หรือบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเองมีความใก้ลชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกรับผลประโยชน์รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารจึงใช้อำนาจตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล และควบคุมตัวไว้
       
        จาก การสอบถามพบว่ามีมูลความผิดจริงจึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว จึงมีคำสั่ง ตร.ที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค.2558 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนโดยมีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร.เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก.เป็นรองหัวหน้า ร่วมทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคล ดังกล่าวได้ทำความผิดจริง

       ส่วนกระแสข่าวพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 ยื่นหนังสือลาออกนั้น ผบ.ตร.ยืนยันว่ายังไม่ได้รับและยังไม่ได้ติดต่อเข้ามา ขณะนี้เจ้าตัวลาราชการไปพักร้อนต่างประเทศ เป็นสิทธิของท่านและเป็นการลาล่วงหน้าก่อนตนมารับตำแหน่ง
       
       “ท่านไปเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ก็เพียงกระแสข่าว ขณะนี้ยังไม่พบอะไร ที่ผ่านมาไม่มีใครเคยพูดเลยว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องรอผลการสอบสวนซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ เรื่องตรวจค้นบ้านก็ไม่มี การเปลี่ยนโฆษกฯเป็นอำนาจของผม ปรับเปลี่ยนตามปกติและเป็นการเปลี่ยนทั้งทีมไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคล”
       เป็นคำกล่าวของผบ. ตร.
       
        ต่อจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ ของนายตำรวจอื่นๆช่วยกันแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์แห่งคดีสรุปว่ามี ผู้ต้องหาเพิ่มเป็นรายที่ 4 คือนายศุกร์โข ตามเสรี และผู้ต้องหากลุ่มแรกมีความผิดทั้งสิ้น 13 คดี
       
        จากบรรยากาศสุดคึกคัก หลายคนมองว่านี่คือคดีประวัติศาสตร์แต่กลายเป็นการแถลงในเรื่องที่สังคมรับ รู้มาก่อนหน้าแล้วเพียงแต่มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และนำของกลางมากลบประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องการทราบข้อเท็จจริงมากกว่า หลังปิดการแถลงเล่นเอาผู้สื่อข่าวหลายสำนักต่างส่ายหน้ารวมทั้งบรรณาธิการ ข่าว หรือกระทั้งคอข่าวทั่วไปที่กำลังอยู่ในอารมณ์อยากทราบความจริงว่า “ไอ้โม่ง”ระดับนายพลที่มีกระแสข่าวตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นต่างอารมณ์ ค้างไปตามๆกัน
       
        ย้อนกลับช่วงเกิดข่าวลือ จับ “หมองหยอง”ซึ่งเกิดราววันที่ 17-18 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่ไม่มีสำนักข่าวใดนำเสนอเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องค่อนข้าง เปราะบางจึงทำได้เพียงเลียบๆเคียงๆกระทั่งมีการนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังศาล ทหารทุกสำนักข่าวจึงเสนอรายละเอียดในทุกขั้นตอนแต่ก็ยังสงวนข้อมูลบางอย่าง ไว้เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลจาก “แหล่งข่าว”ซึ่งเป็นทีมนายตำรวจผู้ควบคุมคดีบอกเล่าเหตุการณ์คร่าวๆเท่านั้น ยัง จึงต้องรอบคอบและหาวิธีนำเสนอแก่สาธารณะโดยไม่กลายเป็นผู้ละเมิดหรือทำให้ รูปคดีถูกบิดเบือนไปเสียเอง
       
        อย่าง ไรก็ตามแม้ ผบ.ตร.จะปฏิเสธอย่างแข็งขันแต่ได้ทิ้งตะเข็บที่น่าสนใจไว้ไม่น้อยเช่น “ขณะนี้ยังไม่พบอะไร ต้องรอผลการสอบสวนก่อน” และ “การลาพักร้อนทำไว้ล่วงหน้าก่อน พล.ต.อ.จักรทิพย์ มารับตำแหน่ง” ทั้งสองตะเข็บที่พอเห็นร่องรอยอยู่นี้มีคำตอบอยู่ในตัวอย่างชัดเจน
        มีทั้งแอบทิ้งประเด็นไว้ กับตีกรรเชียง “ลอยตัว”เหนือปัญหา
       
        อย่าลืมว่าพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งกำกับดูแลเรื่องนี้มาแต่ต้นและเชื่อว่าต้องมีข้อมูลสำคัญอยู่ในมือจึง ยืนยันว่าแม้ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาคนสำคัญจะเสียชีวิตไปแล้วแต่การสืบสวนสอบสวนจะต้องดำเนินการต่อไป !?
       
        การสืบค้นข้อมูลจึงต้องลง ลึก รวมถึงภาพกว้างในรอบ 1 ปีช่วงพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กลับมารับราชการซึ่งในขณะนั้นพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีตผบ.ตร.มีอำนาจเต็ม รวมทั้งการใช้อำนาจเพื่อให้ประโยชน์ต่อพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 อย่างสูงสุดน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ส.ค.2558 โดยพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ในขณะนั้นเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ครั้งที่ 13/2558 พิจารณาวาระขยายเวลาแต่งตั้งระดับ รองผบ.ตร.ประจำปี 2558 อีก 30 วันจนถึงวันที่ 30 ก.ย.และขออนุมัติ ก.ตร.เปิดตำแหน่งที่ปรึกษา สบ.10ติดยศ พล.ต.อ.ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นกรณีพิเศษแก่พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในขณะนั้นเพื่อเป็นเกียรติรองรับการเกษียณอายุราชการในปี 2559
       
        การเปิดตำแหน่งปูนบำเหน็จ ความชอบให้กับเพื่อน นรต.31 ในฐานะโฆษกคู่บารมีได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่ที่สุดแล้วเสียงต้องเงียบไปแม้ตำรวจใหญ่หลายคนมองเห็นความไม่ชอบมาพากล และเป็นการเอารัดเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานแต่เพื่อความอยู่รอดจึงไม่มีใครกล้า หือ
       
        คำ ถามข้อสำคัญจึงอยู่ที่ว่าการเปิดตำแหน่งเพื่อให้เพื่อนกินยศพล.ต.อ.แบบง่ายๆ นี้ต้องมีระดับ “แรงส่งพิเศษ”เท่านั้นจึงจะไฟเขียวผ่านตลอด
       
        พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีตผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนปัจจุบัน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 ที่กำลังลาพักร้อนและยืนยันจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติตามกำหนดคือวันที่ 2 พ.ย.หรือไม่อีกกี่วันที่จะถึงนี้ ท่านต้องยอมรับว่ามีความสนิทสนม รู้ไส้รู้พุง และถ้อยทีถ้อยอาศัยกันทุกเรื่องเพราะตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมานั้นคนในวงการ-นอกวงการต่างรู้กันดี
       
        ไม่ เว้นกระทั่งพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา แม้จะยศน้อย ตำแหน่งต่ำแต่การแอบอ้างเบื้องสูงรวมทั้งการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ไม่ ธรรมดา เป็นขาใหญ่สีกากีอีกคนหนึ่ง ภาพแห่งความใก้ลชิดหรือการคบค้าสมาคมแบบเจ้านายกับลูกน้อง หรือเพื่อนๆพี่ๆท่านไม่อาจปฏิเสธได้ จนถือได้ว่า “สารวัตรเอี๊ยด”ก็คือคนวงในของขั้วอำนาจตำรวจในช่วงนั้นเช่นกัน
       
        อย่างชัดเจนว่า ขบวนการเหลือบที่แอบอ้างเบื้องสูงที่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้น เกิดจากคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผู้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายของกองทัพ เป็นผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ มองกันมุมนี้คนหน้าแตกคงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครถ้าไม่ใช่นายๆ พี่ๆ “บิ๊กสีกากี” ทั้งนอกและในราชการที่เคยคบหากัน
       
        สรุปว่าคดี “หมอหยอง -สารวัตรเอี๊ยด” ถ้าสาวกันจริงน่าจะมีใครอีกหลายคนนอนไม่หลับ หรือนั่งทำงานในห้องแอร์ยังเหงื่อแตก!?


ตำรวจจัดทีมสอบคดีหมิ่นเบื้องสูงกว่า 10 ชุดสอบนักธุรกิจ-บริษัทเอกชน

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ชุดคลี่คลายคดีหมิ่นเบื้องสูงแบ่งทีมสอบสวน กว่า 10 ชุดกระจายสอบผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นนักธุรกิจและห้างร้าน ส่วนทีมสืบสวนเร่งตามทรัพย์สินที่หมอหยองถ่ายโอนให้เครือญาติ เบื้องต้นอาจมีความผิดฐานรับของโจร
พลตำรวจตรีชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หนึ่งในชุดคลี่คลายคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เปิดเผยการสอบปากคำบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว มีการแบ่งชุดพนักงานสอบสวนไว้หลายสิบชุด ซึ่งจะแยกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ละสำนวนคดีกันไป หากบุคคลที่จะสอบปากคำเป็นผู้มีความสำคัญ ก็จะมอบหมายให้ระดับหัวหน้าชุดไปสอบปากคำ ซึ่งจะมียศพันตำรวจเอกถึงพลตำรวจตรีไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น กรณีการสอบปากคำนายธนินท์ เจียรวนนท์ หรือเจ้าสัวซีพี จะมีคณะพนักงานสอบไปสอบปากคำ แต่อาจไม่ได้ไปสอบปากคำนายธนินท์โดยตรง แต่ไปสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีบริษัทเอกชนที่รับผลิตสินค้า เช่น เข็มกลัด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายอย่างสุจริต ซึ่งการคิดกำไรขาดทุนเป็นเรื่องของทางการค้าปกติอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่

สำหรับกรณีนายศุกร์โข ตามเสรี ผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีครอบครองอาวุธปืนของพันตำรวจตรีปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยอื่นๆในคดีดังกล่าว ที่ยังไม่ได้ออกหมายจับเนื่องจากเพิ่งมีผู้กล่าวหาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลพิจารณาอนุมัติหมายจับต่อไป ส่วนผู้ต้องหาในชุดหลังจะถูกออกหมายจับฐานหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาในแต่ละราย หากรายใดมีการนำไปใช้แอบอ้างก็จะถูกดำเนินคดี

สำหรับกรณีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ที่พบมีการโอนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปให้กับพี่น้องและเครือญาตินั้น เบื้องต้นทางฝ่ายสืบสวนได้ติดตามทรัพย์สินว่ากระจายไปอยู่ที่บุคคลใดบ้าง เพื่อทำการยึดทรัพย์สินคืนมา ส่วนจะต้องดำเนินคดีกลุ่มเครือญาติหมอหยองอย่างไรบ้าง เบื้องต้นจะเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ส่วนความผิดเบื้องต้นอาจเข้าข่ายกระทำผิดฐานรับของโจร


ที่มา สำนักข่าวไทย


ปปง.มีมติสอบธุรกรรมการเงินเครือข่าย'หมอหยอง'

โดย :

ปปง.มีมติสอบธุรกรรมการเงินเครือข่าย"หมอ หยอง" ประสานสถาบันการเงินตรวจเส้นทางเงินย้อนหลังถึงปี57 เตือนเครือญาติส่งคืนทรัพย์สินก่อนถูกดำเนินคดี

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง.แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมว่า มีมติให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภากับพวก ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งเรื่องให้ปปง.ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินและรายงานข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน. เนื่องจากมีการกระทำเข้าข่ายความผิดมูลฐานตามมาตรา3 (5)ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาและมีเหตุอันควร เชื่อได้ว่าพ.ต.ต.ปรากรมกับพวกอาจได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำ ความผิด

"จากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่าพ.ต.ต.ปรากรม กับพวกมีพฤติการณ์ร่วมกันอันเชิญการ์ดทรงขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมไบ ค์ฟอร์มัม(bike for mom)ไปมอบให้กับบุคคลต่างๆโดยแสดงให้ปรากฏทางคำพูดปละการกระทำในเชิง สัญลักษณ์ว่าเป็นผู้แทนพระองค์ทั้งที่ไม่เป็นความจริง โดยผู้ต้องหาไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่เกี่ยวข้องกับการอัญเชิญการ์ดทรงขอบ คุณแต่ร่วมกับผู้ต้องหารายอื่นกระทำการเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมี ตำแหน่งหน้าที่นั้นเพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีพฤติการณ์เป็นเจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้ อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหน้าที่นั้นเพื่อ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น" เลขาธิการปปง.กล่าว

เลขาธิการปปง.กล่าวต่อว่า เบื้องต้นปปง.ตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมพบข้อมูลการรายงานการทำธุรกรรมของ พ.ต.ต.ปรากรมกับพวกรวม8คนเป็นธุรกรรมเงินสดและธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรรายงานจำนวน148ธุรกรรม ตรวจสอบข้อมูลการถือครองยานพาหนะปรากฏข้อมูลของการถือครองยานพาหนะ จำนวน20รายการได้แก่รถยนต์12คันและรถจักรยานยนต์8คันโดยในจำนวนผู้เกี่ยว ข้องรวม8คนประกอบด้วย พ.ต.ต.ปรากรมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์หรือหมอหยองและนายจิรวงศ์วัฒนเทวาศิลป์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวส่วนอีก5คน เป็นเครือญาติหรือผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนได้รับผลประโยชน์ซึ่งในกลุ่ม8คนที่ ปปง.ตรวจสอบมีเพียงพ.ต.ต.ปรากรมที่เป็นตำรวจนอกนั้นเป็นพลเรือน หลังจากปปง.มีมติรับตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วจะมีการประสานไปยังสถาบันการ เงินเพื่อขอตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชีการเงินโดยปปง.จะขอตรวจสอบในช่วง เดือนม.ค.2557-ต.ค. 2558

เลขาธิการปปง.กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลที่พบความเคลื่อนไหวทางการเงินจำนวน148รายการนั้น เป็นข้อมูลที่พบว่ามีการโอนเงินไปมาระหว่างกันโดยการโอนแต่ละครั้งมีตั้งแต่ หลักแสนถึงหลักล้านโอนมากสุดประมาณ4 -5ล้านบาทแต่ไม่เคยเกิน 10 ล้านบาท จากการตรวจสอบขณะนี้ยังพบการหมุนเวียนของเงินเพียงหลักหลายสิบล้านบาทเท่า นั้นต้องรอตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันการเงินหลังจากนี้อีกครั้ง จึงจะเห็นภาพความเชื่อมโยงที่ชัดเจนและสามารถระบุถึงตัวบุคคลได้ ทั้งนี้ในส่วนของบุคคลอื่นจำนวน5คนที่ ไม่ใช่กลุ่มผู้ต้องหาแต่พบว่ามีการโอนเงินระหว่างกันนั้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่นามสกุลเดียวกัน ขณะนี้ยังไม่ถูกดำเนินคดีดังนั้นปปง.จึงยังไม่ระบุตัวตนเพราะอาจกระทบกับ บุคคลภายนอกอย่างไรก็ตามปปง.จะต้องเรียกตัวบุคคลเหล่านี้เข้าให้ปากคำเพื่อ ชี้แจงที่มาการรับเงิน ซึ่งกรณีที่เครือญาติหรือผู้เกี่ยวข้องสงสัยว่าทรัพย์ที่ได้มาอาจเกี่ยวข้อง กับการกระทำผิดสามารถติดต่อเพื่อขอคืนทรัพย์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจได้ เพราะหากภายหลังปปง.ตรวจสอบพบจะต้องถูกยึดและอายัดตามกฎหมาย

"ขณะนี้ปปง.ยังไม่ใช้อำนาจเข้าไปยึดหรืออายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมจากที่ ตำรวจดำเนินการไปก่อนหน้านี้แต่หลังจากนี้ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินจาก ข้อมูลของสถาบันการเงินว่าเงินที่โอนมานั้นเป็นเงินที่โอนจากการทำธุรกิจ อื่นหรือไม่ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเนื่องจากต้องตรวจสอบย้อนหลังไปถึง ต้นปี2557สำหรับคนที่เป็นผู้โอนเงินไปจ่ายค่าเข็มกลัด เชื่อว่าไม่มีเจตนาร่วมกระทำผิดแต่โอนเพราะเชื่อเป็นผู้แทนพระองค์" เลขาธิการปปง.กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : บี๊กตู่ สั่งเด็ดหัว แก๊งหมอหยอง ตำรวจสะดุด สาวไม่ถึง ไอ้โม่ง

view