สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปวีณ” แฉ"บิ๊กตำรวจ"คบแก๊งค้าโรฮีนจา? ท้าชนทำเพื่อตำรวจที่โดนรังแกทั้งประเทศ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       “ผม รักประเทศของผม ผมอยากทำเพื่อบ้านเพื่อเมืองของผม ผมเป็นตำรวจต้องปราบปรามโจรผู้ร้ายไม่ใช่เป็นพวกกับมัน อนาคตผมจะเป็นอย่างไรไม่รู้แต่ถ้าผมไม่ออกมาโวยวาย อันตรายจะเกิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาทีมงานคดีค้ามนุษย์ และผมทำเพื่อพี่น้องข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ไม่ยอมให้คนที่เข้ามาเบียดเบียน มาแย่ง มาปล้น ด้วยวัฒนธรรมแปลกๆ....”
       
        นี่คือคำพูดด้วยเสียงอัน สั่นเครือของพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผบช.ภ.8 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งเพียงก่อนหน้าไม่กี่วันได้ตกเป็นข่าวถูกผู้บังคับบัญชาย้ายไปอยู่ศูนย์ ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.)จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ปกป้องคุ้มครองคนของตัวเองซ้ำยังคล้ายกับมีขบวนการหนึ่งกำลังใช้อำนาจ “ล็อกเป้า”ให้หัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์อยู่ในแดนสังหาร หลังตกเป็นข่าวเพียงสัปดาห์เดียวพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาและจะมีผลภายในวันที่ 6 ธ.ค.2558หรืออีก 30 วันที่จะถึงนี้
       
        ทีมข่าวอาชญากรรม MGR ONLINEนัดหมายและมีโอกาสสัมภาษณ์แบบเปิดใจเมื่อตอนค่ำวันที่ 7 พ.ย.2558 โดยพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ตอบคำถามแรกถึงปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งประชาชนหลังทราบเรื่องการยื่นหนังสือลาออกจากราชการว่า มีเพื่อนๆทุกสาขาอาชีพ และผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งประชาชนที่รู้จักและไม่รู้จัก ไลน์ส่งข้อความ-โทรศัพท์มาให้กำลังใจจำนวนมากกว่าพันสาย ส่วนใหญ่ขอให้อยู่ต่อเพื่อพิสูจน์ความจริง ตำรวจบางคนบอกว่าขอให้ท่านสู้ต่อไปเพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นแนวทางแต่ก็มีบางคนเห็นด้วยที่ควรลาออกเนื่องจากระบบข้าราชการไทยโดย เฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีปัญหามากอีกทั้งการเดินทางไปทำหน้าที่ ศชต.นอกจากอันตรายจากการสวมรอยลอบปองร้ายแล้วยังติดขัดเป็นอุปสรรคต่อการทำ งานเป็นอย่างยิ่ง
       
        แม้จะยื่นใบลาออกแล้วแต่ พล. ต. ต. ปวีณยังได้แสดงสปิริตที่จะขอช่วยอัยการส่งคนเข้าคุกก่อนออก“ต่อนี้ไปผมคงทำ งานร่วมกับคณะอัยการสูงสุด อีกระยะหนึ่งเพื่อให้คดีอันถือเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทยสำเร็จลุล่วงไปก่อน เนื่องจากยังมีเอกสารจำนวนมากกว่า 2 แสนแผ่นอีกทั้งพยานหลักฐานต่างๆก็ต้องช่วยอธิบายความเป็นมา ความต่อเนื่องแก่คณะอัยการฯซึ่งในวันที่ 10 -13 พ.ย.นี้ศาลคดีค้ามนุษย์ จะนัดตรวจสอบพยานทั้งต่อหน้าจำเลยและทนายความ อัยการท่านให้ผมช่วยทำต่อหลังจากนั้นก็จะสู่ขั้นตอนการลาออกซึ่งต้องมีการ ตรวจสอบจาก ตร.ว่าผมมีปัญหาอะไรหรือไม่ เคยต้องคดีอาญา วินัย หรือแพ่ง หากเห็นว่าผมยังเป็นประโยชน์ต่อทางราชการอาจสั่งยับยั้งได้ หรืออนุมัติก็สุดแต่อำนาจผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ดีที่สุดของคนนอกจากช่วยทำคดีอย่างสุดความสามารถแล้วก็คงต้องประคับ ประคองไม่ให้ถูกดำเนินการทางวินัยฐานกระด้างกระเดื่องฯ”
       
        เมื่อถามถึงอิทธิพลคุกคาม ที่มองเห็นเป็นรูปธรรมมีอะไรบ้าง พล.ต.ต.ปวีณ ตอบว่าช่วงยังไม่มีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.ในตอนนั้นอยู่ในฐานะผู้ควบคุมคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาเมื่อเดินทางมา ยัง สตช.เพื่อบรรยายสรุปผลการดำเนินงานแก่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งทางรัฐบาลเขาส่ง ผมเป็นตัวแทน
       
       “ผมบรรยายกว่าครึ่งชั่วโมง พอลงมามีนายตำรวจระดับสูงเรียกผมไปบอกว่าทหารเขาไม่พอใจที่ไปจับทหาร ให้ผมแจ้งท่านเอก รีบไปเคลียร์กับฝ่ายนั้น ต่อมาวันที่ 4 ต.ค.ผมเดินทางมาร่วมฟังการแถลงนโยบายของท่านผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีนายตำรวจเข้ามาเตือนอีกว่าพวกผมไปจับทหารได้ไง ทหารเขาโกรธนะคุณไปกลั่นแกล้งเขาหรือเปล่า นายตำรวจคนเดียวกันบอกผมด้วยว่ามีนายทหารระดับสูงเตือนมา มันอันตราย ต้องระวังตัวนะ อย่าทำต่อเลย ผมไม่ได้พูดอะไร รวมทั้งไม่โต้แย้งแต่ก็กลับมาคิดเพราะช่วงหนึ่งที่สอบสวนพล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ท่านบอกว่าคุณตำรวจ ผมไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน ผมมีพรรคมีพวก ซึ่งท่านเป็นเตรียมทหารรุ่น 16 มีเพื่อนฝูงมากมายรวมทั้งท่านแม่ทัพ ภาค 4 ด้วย”
       
        ถามต่อว่า การคุกคามยังมีรูปแบบใดอีกหรือไม่เช่นโทรศัพท์ หรือส่งข้อความ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา กล่าวว่าไม่มีแบบนั้นแต่เป็นการคุกคามแบบเนียนๆที่สามารถสัมผัสได้ด้วย สัญชาติญาณ “ผมเป็นตำรวจมา 30 กว่าปีผ่านอะไรมามาก ถามว่ากลัวโจรไหมตำรวจต้องไม่กลัวโจรและผมไม่เคยคบโจร โจรต้องเป็นศัตรูกับตำรวจแต่การสู้กับคนไม่มีคุณธรรม มีสมัครพรรคพวกที่เห็นตัวและไม่เห็นตัวเป็นร้อยผมว่าเกินกำลังของผม ยิ่งสถานการณ์แบบนี้
       
        ปริศนา “โกโต้ง”ผู้ต้องหาสำคัญเป็นพวกบิ๊กตำรวจ
       
        จำได้ไหมครับตอนที่ นายปัจจุบัน อังคโชติพันธ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เข้ามอบตัว เขามอบตัวกับใคร และก่อนหน้ามีใครเคยมาอยู่ภาค 9 หลักของการเข้ามอบตัวของผู้ต้องหาระดับนี้อย่างหนึ่งคือเขาไว้ใจ เชื่อใจและสุดท้ายก็คือพรรคพวกกันใช่หรือไม่ พวกนี้ก็อันตราย
       
        ซ้ำ ยังมีเงาของใครไม่รู้ อาจจะเป็นพวกเดียวกับผมอยู่ข้างหลังผมก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว แบบนี้มันล็อกเป้าเราชัดๆ ลูกน้องผมก็มาเตือน บอกว่านายครับเปลี่ยนรถบ่อยๆนะครับ ผมจะเปลี่ยนอย่างไร รถมีคันเดียวถ้าประมาทเกิดพลาดไปจะมีใครมาขุดคุ้ยไหมครับ ก็คงต้องไปตามน้ำคือเกิดจากฝีมือก่อการร้าย
       
        สำหรับในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ พล ต. ต. ปวีณได้เปรียบเทียบถึงการทำงานของหน่วยงานยุติธรรมที่มีนโยบายให้การดูแล คุ้มครองชีวิตของเจ้าหน้าที่โดยเน้นความปลอดภัยไว้ก่อน ว่าศาล อัยการเขาก็รู้ว่าหากสืบพยานดำเนินคดีในพื้นที่จะเกิดอันตรายต้นสังกัดจึง สั่งให้มีการสืบพยาน และดำเนินคดีในส่วนกลางแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับคิดสวนทาง ทำไมไม่ดูแล หรือคุ้มครองสวัสดิการคนของตัว ส่วนคำที่บอกว่าตำรวจอยู่ที่ไหนก็ได้มันเป็นจริงครับ แต่ไม่ทั้งหมด เมื่อตำรวจปราบปรามโจรผู้ร้ายก็ต้องมีศัตรู แล้วศัตรูที่มีทั้งเป็นตัวไม่เห็นตัวร้อยกว่าคนมีอำนาจ อิทธิพลทั้งการเงิน อาวุธและอยู่ในพื้นที่ล่อแหลม ผมเป็นตำรวจไม่คบโจรจึงเป็นศัตรูกับโจร ส่วนตำรวจคบโจรนั้นเขาเป็นเพื่อนกับโจรจะไปกลัวอะไร
       
        ตำรวจ เป็นพวกกับโจรมีอยู่เยอะ สตช.ล้มเหลวเพราะเหตุนี้ด้วย คนวิ่งเต้น คนมีพวกไม่มีความสามารถ ไม่ทำงานกลับได้ดี ส่วนคนทำงานทุ่มเท มีความสามารถกลับมีภัย มันเป็นแบบนี้ ตำรวจดีๆจึงท้อแท้ ผมว่าถ้าจะปฏิรูปตำรวจให้ปฏิรูปหัวใจกันก่อน อย่าเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่พวกกู กูจับ ถ้าเป็นพวกกูไม่จับแบบนี้คนรับกรรมคือประชาชนครับ เมื่อได้ตำรวจไม่ดีลงพื้นที่ประชาชนก็แย่เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย คนพวกนี้ปล้นตำแหน่งเขามาทั้งนั้นทั้งไม่ควรมีสิทธิ์ เติบโตมาอย่างไม่มีความสามารถเพราะระบบแบบนี้ไง ขอให้มีช่อง มีพรรคพวก คนไม่มีพวกแม้จะดีแสนดีก็ไปไม่รอดตายอย่างเดียว
       
        ทีมข่าวอาชญากรรม MGR ONLINE ถามถึงความห่วงใยของครอบครัว พล.ต.ต.ปวีณ ตอบว่าพวกเขาไม่เคยนอนหลับเลยสักวัน พ่อแม่ ลูก ภรรยาไม่ให้สู้ต่อไปแล้วขอร้องให้ลาออก “ผมก็คงต้านไม่ไหวเมื่อเป็นตำรวจยังดูแลตัวเองไม่ได้จะไปปกป้องประชาชนอย่าง ไร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ครูบา อาจารย์อบรมให้ผมใช้กฏหมายด้วยความเท่าเทียม ตรงไปตรงมาเพื่อส่วนรวม เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น และอย่าเห็นแก่พวกพ้อง ประวัติการทำงานของผมสอบถามดูได้เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายสมัยเมื่อผมเป็น ผกก.ได้รางวัลโรงพักอันดับ 1 ของประเทศ เป็นข้าราชการดีเด่น ได้ครุฑทองคำจากนายกรัฐมนตรี สามารถลดอาชญากรรมที่ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างถล่มทะลาย สมัยเป็น ผบก.อำนวยการ ท่านปัญญา มาเม่น ใช้ให้ไปปราบแท็กซี่มาเฟียภูเก็ต ผมจับมา 200 คน ทำงานแบบนี้ตลอด ตรงไปตรงมา ถ้าผิดจับแต่ถ้าไม่ผิดเราต้องยกเว้น ผมไม่เคยรังแกใคร”
       
        เมื่อ ถามถึงความรู้สึกต่อสำนวน “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่าถ้า น้องดีพี่ต้องปกป้อง แต่ถ้าน้องคบกับโจร หรือทำตัวเป็นโจรเสียเองเราคงเป็นพี่เป็นน้องกันไม่ได้ คนดีต้องไม่คบคนพาลเป็นมิตร ครอบครัวผมสอนให้ซื่อสัตย์ ซื่อตรง อย่าคดในข้องอในกระดูก บ้านเราไม่เจริญเพราะมีพวกศรีธนญชัย เยอะ ชอบประดิษฐ์คำพูดให้ดูดีแต่เรื่องจริงคือทำลายชาติ กลับไปดูสิงค์โปร์ เขาสร้างชาติมาเมื่อปี 2508 ตอนนี้เขาอยู่ต้นๆของโลกแล้ว ความสำเร็จของเขาคือเน้นความซื่อสัตย์ไม่ใช่ ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ถ้าพวกนั้นไม่มีศีลธรรมก็โจรดีๆนี่เอง ทำไมต้องปกป้องคนชั่ว งั้นตาสีตาสา ชาวบ้านไม่มีพวกเขาจะทำอย่างไร
       
        พล.ต.ต.ปวีณ ยังวิจารณ์ถึงปัญหาข้าราชการตำรวจมีภาพพจน์ติดลบด้วยว่า ถ้าอยากให้ตำรวจทำงานดี ซื่อสัตย์ มีผลงานเป็นที่ยอมรับผู้มีอำนาจก็ต้องคำนึงถึงสวัสดิการความเป็นอยู่ เงินเดือน ถามว่าให้เขาพอไหม “ยกตัวอย่างง่ายๆเจ้านายเรียกประชุมวิดิโอ คอนเฟอเรนซ์ สั่งให้ทำโครงการนั้นโครงการนี้แต่ไม่พูดเรื่องเงินซักคำ ก็รู้ว่าต้องให้ลูกน้องไปไถเขา เมื่อเราไปรบกวนร้านค้า หรือปล่อยให้มีบ่อน มีซ่องพอเกิดเรื่องราวถูกด่า ถูกเล่นงานลูกน้องโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง มันต้องส่งเสริมให้ตำรวจทุ่มเทกับวิชาชีพ ต้องให้เกิดตำรวจคุณภาพครบถ้วนให้ได้ ส่วนจะมากจะน้อยเป็นอีกเรื่อง ผมไม่เคยเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าถ้าไม่พอกินให้หาอาชีพเสริม หาอาชีพที่สอง ตำรวจเรียนมาเพื่อเป็นตำรวจ จะไปทำอะไรได้ ผมขอเรียนอีกครั้งว่าที่ผมจำเป็นต้องออกมาแสดงจุดยืนก็เพราะ
       
       1.ผมมีสิทธิ์ต่อสู้ให้กับตัวผมเองตามสิทธิ์พึงมีพึงได้
       2.ผมต้องปกป้องทีมงานของผมไม่ให้เกิดอันตรายแก่เขา ถ้าผมไม่โวยวายพวกเขาอันตรายแน่ ส่วนผมยอมรับสิ่งที่จะเกิดได้เพียงคนเดียว
       3.ผม ทำเพื่อพี่น้องข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ ไม่ยอมให้คนที่เข้ามาเบียดเบียน มาแย่ง มาปล้นด้วยวัฒนธรรมแปลกๆ หากการแต่งตั้งได้ผู้บังคับบัญชาเลวๆก็จะเป็นวัฏจักรวนเวียนแบบนี้ตลอดไป และคนรับผลกรรมคือประชาชนจะเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปวีณ แฉ บิ๊กตำรวจ คบแก๊งค้าโรฮีนจา ท้าชน ทำเพื่อตำรวจ โดนรังแก ทั้งประเทศ

view