สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ถวายชีวิตเหนือหัว! คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี เด็กซนที่ พ่อหลวง ทรงอุ้ม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       “สองพระหัตถ์ที่อุ้มเรา กอดเราไว้อยู่ในอ้อมแขน พระบารมีท่านปกเกล้าปกกระหม่อมเรามาโดยตลอด เราเห็นภาพเรารู้สึกได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า ชีวิตเรา เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ถวายชีวิตเหนือหัวได้” บทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ ม.ล.สราลี กิติยากร หรือ คุณน้ำผึ้ง เล่าย้อนอดีตของตนเองเด็กน้อยในวัย 9 เดือน ได้รับพระเมตตาจากในหลวง ร.๙ รวมทั้งครอบครัวได้มีโอกาสถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดี
       
       
คุณน้ำผึ้ง เป็นธิดาคนเล็กของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร พระขนิษฐาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ส่วนบิดาเป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
       
       ทีมผู้จัดการ Lite ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์คุณน้ำผึ้งในวังเทเวศร์ ด้วยบรรยากาศร่มรื่นเปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งวันวาน และการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เมื่อเราไปถึงคุณน้ำผึ้ง ได้เชื้อเชิญให้นั่งและเดินไปหยิบรูปภาพที่ใส่กรอบสวยงามตั้งไว้เด่นเป็นสง่าบริเวณห้องรับแขก

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ในหลวง ร.๙ ทรงพระเมตตาอุ้มคุณน้ำผึ้ง ในวัย 9 เดือน

        “ภาพนี้น้ำผึ้งเอง ตอนอายุ 9 เดือน ที่พระราชวังภูพิงคราชนิเวศน์ ดูทีไรก็น้ำตาปริ่ม ในหลวง ร.๙ พระองค์ท่านทรงอุ้ม และสมเด็จพระนางเจ้าฯ สิริกิติ์ ก็ทรงอุ้มด้วย เป็นภาพที่คนในวังถ่ายให้”
       
       ที่สุดในชีวิต! สองพระหัตถ์อุ้ม กอดแนบพระวรกาย
       
       คุณน้ำผึ้ง เล่าว่า ตั้งแต่เด็กได้มีโอกาสติดตามคุณพ่อและท่านแม่ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยคุณพ่อ ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้พิพากษาอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ คุณพ่อ และท่านแม่จึงไปถวายงานรับใช้

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       “ท่านแม่เป็นคนเก็บรูปนี้ไว้ และท่านก็เล่าให้ฟังว่า ตอนน้ำผึ้งอายุ 9 เดือน ด้วยความไม่รู้เรื่องก็คลานไป แล้วก็ไปเขย่าเก้าอี้พระที่นั่งแล้วก็เรียก “จู่อั๋วจ๋า” ซึ่งก็คือคำว่า “พระเจ้าอยู่หัวจ๋า” แต่เราพูดไม่เป็นไง เด็ก 9 เดือน ยังคลานอยู่เลย เดินก็ยังไม่ได้ แต่สามารถพูดได้ว่า “จู่อั๋วจ๋า” พระองค์ท่านจึงเอ็นดูทรงอุ้ม แล้วเอาน้ำผึ้งมากอด ทรงอุ้มอยู่นาน

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

        ครอบครัวน้ำผึ้งผูกพันกับพระองค์ท่านมาก ท่านแม่น้ำผึ้งจะเอารูปพระองค์ท่านมาให้ดู เหมือนกับสอนลูก ว่านี่คือในหลวงของเรานะ นี่คือพระเจ้าแผ่นดินของเรา พระเจ้าอยู่หัว ตอนเด็กจำแม่นไง แม่ก็จะบอก นี่ใครลูก ธุจ้า เด็กก็จะต้องบอกว่า ธุจ้า พระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัว แต่เราลิ้นอ่อนไง เราก็จะจำได้ว่า แม่พูดว่าพระเจ้าอยู่หัว พอเจอพระองค์ท่านจริงๆ ก็เลยพูดว่า “จู่อั๋วจ๋า” พระองค์ท่านก็ทรงอุ้มด้วยความพระเมตตา

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอุ้มคุณน้ำผึ้ง

       สองพระหัตถ์ของพระองค์ที่อุ้มเรา พระเมตตาเราตั้งแต่เล็ก ทั้งสองพระหัตถ์ที่ทรงอุ้มเรา ทรงกอดเราไว้อยู่ในอ้อมแขน พระบารมีของพระองค์ปกเกล้าปกกระหม่อมเรามาโดยตลอด เราเห็นภาพมาเราจะรู้สึกได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า ชีวิตเรา คือคนของพระเจ้าแผ่นดิน ถวายชีวิตเหนือหัวได้ สามารถทำอะไรถวายท่านได้ทุกอย่าง คิดไว้อย่างนั้นเลยนะ ในชีวิตตัวเอง ทำจนลืมตาย บางคนนี่ยังบอกเลยว่า น้ำผึ้งไปในที่อันตราย ไปในจุดที่เสี่ยงต่อการเดินทาง แต่เราก็มีความรู้สึกว่า ทำไมพระองค์ท่านถึงเสด็จฯได้ เราทำงานเหมือนเป็นข้ารองบาทท่าน เราทำถวายพระองค์ท่าน เห็นพระองค์ท่านทรงทำมามาก ที่เราทำตรงนี้มันน้อยมากเลยกับสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ”
       
       ปลื้มปีติ ครอบครัวถวายงานรับใช้งานใกล้ชิด
       
       ความประทับใจและรอยยิ้มของคุณน้ำผึ้งฉายชัดขึ้นเมื่อเล่าถึงครอบครัวที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่สมัยเสด็จตา พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล (เสด็จตาคุณน้ำผึ้ง)

        “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับทางครอบครัวน้ำผึ้ง ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทมาตั้งแต่สมัยรุ่นเสด็จตา คุณยาย เลย เสด็จตาน้ำผึ้งคือ พระบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ท่านเป็นเจ้านายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางพระราชหฤทัย มีอะไรท่านก็จะปรึกษา ตั้งแต่ทรงครองราชย์ใหม่ๆ เลย ส่วนท่านแม่ของน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นพระธิดาองค์โตของเสด็จตาใหญ่ ท่านแม่น้ำผึ้งมาแต่งงานกับคุณพ่อ ซึ่งเป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งท่านแม่และคุณพ่อ ก็เลยได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังหนุ่มสาวเลย

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระรูปกับครอบครัวกิติยากร ที่สวิตเซอร์แลนด์ แถวบนจากซ้าย: ม.ล.บัว กิติยากร, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว,สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ(ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร), ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร แถวล่าง: ม.ร.ว.อดุลกิติ์ กิติยากร (คุณพ่อคุณน้ำผึ้ง), ม.ร.ว.บุษบา กิติยากร, ม.ร.ว.กัลยาณกิติ์ กิติยากร

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ครอบครัวคุณน้ำผึ้ง : ภาพจากซ้าย คุณพ่อ(ม.ร.ว.อดุลกิติ์ อุ้มคุณน้ำผึ้ง) ,ท่านแม่ ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี และพระองค์โสมฯ (วัยเด็ก)

        ฉะนั้นเวลาพระองค์ท่านเสด็จไปแปรพระราชฐานที่ไหน หรือแม้ในช่วง 14 ตุลาคม 16 ครอบครัวน้ำผึ้งจะไปอยู่กับพระองค์ท่านตลอด พระองค์ท่านเสด็จไหนครอบครัวเราไป พระองค์ท่านเสด็จแปรพระราชฐาน เหนือ ใต้ ออก ตก พวกเราต้องไปหมด ยกเว้นว่าถ้าน้ำผึ้งติดเรียน ก็จะไม่ได้ไป จะได้ไปช่วงวันหยุดเสาร์ -อาทิตย์ หรือปิดเทอม น้ำผึ้งก็จะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอยู่เรื่อยๆ เพราะคุณพ่อกับท่านแม่ทำงานถวายใต้เบื้องพระยุคลบาท เราจะเห็นการทรงงานของพระองค์ท่านมาตั้งแต่เราเล็กๆเลย ว่าท่านทรงงานยังไง ทรงเหนื่อยยังไง”
       
       ลูกหลับ…พ่อตื่น ทรงงานเกินร้อย

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ห้องทรงงานของในหลวง ร.๙

       “ตอนที่น้ำผึ้งยังเด็ก เราก็ไปวิ่งเล่นในวังของท่าน เราก็ไม่รู้อะไรหรอก ผู้ใหญ่พามา ดีใจเจอเพื่อน ที่เป็นลูกของข้าราชบริพารในพระองค์ เพื่อนฝูงอายุไล่เลี่ยกันมาเล่นกัน ซน สนุกสนาน ไม่ได้รู้เรื่องหรอกว่าผู้ใหญ่คุยกันเรื่องงาน มีเรื่องซีเรียสที่จะต้องคุยปรึกษา ต้องถวายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านก็ประทับอยู่ เราก็เห็นว่าผู้ใหญ่เขาอยู่กันทั้งวันทั้งคืน คุยเรื่องงานกัน ไม่ได้คุยเรื่องสนุกเลยนะ เป็นเรื่องงาน เรื่องแผ่นดินทั้งนั้นเลย
       
       มีบ้างทีพระองค์ท่านขอเวลาส่วนพระองค์อาจจะสัก 1-2 ชั่วโมง พระองค์ท่านจะไปทรงออกพระกำลัง จากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จฯ มาเสวย และพระองค์ท่านก็ทรงงานต่อ จนดึก ขนาดเราไปนอนแล้ว พระองค์ท่านก็ยังทรงงานต่อ แต่พอเราตื่นมาในตอนเช้า เช้ามาก กลับพบว่าพระองค์ท่านตื่นบรรทมก่อนแล้ว ทั้งๆที่เราก็ตื่นเช้าแล้วนะ เรียกได้เลยว่า ลูกหลับพ่อตื่น ลูกตื่นพ่อก็ตื่นก่อน

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       นั่นหมายถึงว่าพระองค์ท่านทรงงานเกินร้อย มีเวลาพักแค่นิดเดียว พระองค์ทรงพักนี่ก็คือไปขอออกกำลังกายเพื่อทรงผ่อนพระอิริยาบถ จากนั้นพระองค์ทรงงานต่อ แม้แต่จะทรงเล่นดนตรีก็อยู่ในช่วง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น พระองค์ท่านบริหารแผ่นดิน ลูก 70 ล้านคน ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ
       
       แต่ไม่ว่าพระองค์ท่านจะทรงงานอะไรเพื่อประเทศชาติก็ตาม พระองค์ท่านจะต้องขอความคิดเห็นหารือกับทุกฝ่ายเสมอ ทั้งฝ่ายพลเรือน ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายงาน
       
       พระองค์ท่านทรงรักประชาชนถึงขนาดนี้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่รักพระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประชาชน พระองค์ท่านทรงรักประชาชน พระองค์ท่านทรงรักลูกของพระองค์ท่านทุกๆ คน เรารักพระองค์ท่านมากๆ เทิดทูนไว้เหนือชีวิต”
       
       สุดซาบซึ้ง พระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอาหาร เรียนฟรี

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

บ้านคุณน้ำผึ้งในวังเทเวศร์ที่เคยถูกปั้นจั่นล้มทับ ปัจจุบันเป็นบริษัท ฮันนี่ แอนด์ เฟรนด์ เอ็นเทอร์เทนเมนต์ จำกัด

        “บ้านน้ำผึ้งก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณตั้งแต่สมัยที่บ้านพัง จากปั้นจั่นล้มทับ ตอนที่น้ำผึ้งอายุ 9 ขวบ ก็ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ พระเมตตาของพระองค์ท่าน รู้ว่าเราลำบาก รู้ว่าเราเป็นทุกข์ ตอนนั้นบ้านพังทั้งหลังพระองค์ ท่านพระราชทานอาหารมาให้ที่บ้านทุกมื้อจนถึงปัจจุบันนี้เราก็ยังได้รับประทานอาหารของพระองค์ท่านอยู่ ได้เรียนที่โรงเรียนจิตรลดา จำได้ว่าจ่ายแค่ค่าหนังสือเรียน ข้าวที่โรงเรียนก็ไม่เคยไปหาซื้อ กินข้าววังมาตลอด ข้าวหลวงมาตลอด ตั้งแต่วันที่พระองค์ท่านทรงอุ้มจนมาถึงทุกวันนี้เพราะพระองค์ท่านทุกอย่าง พระบารมีของพระองค์ท่านทุกอย่าง
       
       ข้าวแดงแกงร้อนทุกมื้อทุกเม็ด อาหารทุกจาน ก็ของพระองค์ท่านที่พระองค์ท่านทรงพระเมตตาให้พวกเราได้ทาน นอกจากนี้ อาหารทุกเม็ดที่เราทาน เราจะเก็บไว้ในส่วนที่เราทานพออิ่ม และแบ่งอีกส่วนให้ชาวบ้านที่อยู่แถวเทเวศร์ คนจนๆ เขาก็รับไปทานต่อ เท่ากับว่าอาหารของพระองค์ท่าน ที่พระองค์ท่านให้เรา เราก็แบ่งปันให้คนอื่นต่ออีก แล้วคนที่เขามารับคือเป็นคนจนๆทั้งนั้น เขาไม่มีเงินไปซื้อข้าวกิน พระบารมีแผ่ไปตลอดเวลา ทั้งอาหาร การเรียน ทุกอย่าง ชีวิตเราได้จากพระองค์ท่านมาทุกอย่าง”
       
       ทรงอบรม สอนเด็กซน!
       
       เหตุการณ์ที่คุณน้ำผึ้งจำฝังใจไม่เคยลืม เมื่อครั้งยังเด็ก วัยกำลังซนถึงขนาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมาจากห้องทรงงานพร้อมตรัสสั่งสอนอบรมเด็กๆ ที่แสนซน
       “จำได้แม่นเลยว่า สมัยเด็กๆ อายุประมาณ 8 ขวบ กำลังซนเลย ยิ่งอยู่ในแก๊งก๊วนของลูกข้าราชบริพารจะยิ่งซนกันมาก จำได้เลยว่า พระองค์ท่านทรงงานอยู่ห้องหนึ่ง ตรงนั้นก็จะมีระเบียง เด็กๆก็ไปเล่นกันอยู่อีกห้องหนึ่ง แล้วก็เบื่อ เลยเปิดหน้าต่างออกดูก็เห็นว่าปีนเล่นได้ ตอนนั้นอยู่ประมาณ ชั้น 3 เราก็จะเห็นทางที่เป็นปูนยื่นออกมาคล้ายกันสาดแล้วสามารถเดินได้ ความกว้างประมาณฟุตกว่าๆ แล้วคิดดูอยู่ชั้น 3 เด็กทั้งกลุ่ม 6 - 7 คน ปีนออกไปแล้วก็ไถๆ แล้วก็ปีนระเบียงเข้าไปอยู่ในระเบียงบริเวณห้องประทับพระองค์ท่าน เมื่อพระองค์ท่านทรงทอดพระเนตรเห็นก็ตกใจว่าเด็กมาได้ทั้งกลุ่ม ตัวเล็กๆ ทั้งนั้น เด็กอายุ 7-8 ขวบ หมดเลย มาได้ยังไง พระองค์ท่านก็รีบเสด็จออกมาเลย พร้อมผู้ใหญ่ที่กำลังหารือเรื่องงานอยู่ ทุกคนตกใจว่าเด็กๆออกมาได้ยังไง
       
       พระองค์ท่านทรงนิ่งๆ แต่พระสุรเสียงจะมีพลังและน้ำหนัก พระองค์ทรงรับสั่งและชี้มาทางพวกเราว่า “ซนไม่เข้าเรื่อง นี่ถ้าเผื่อตกลงไปจะเป็นยังไง แล้วพ่อแม่จะเป็นอย่างไรเมื่อเราตกลงไป ทำอะไรต้องรู้จักคิด ไม่ใช่นึกแต่สนุกอย่างเดียว”

       ทรงรับสั่งสั้น กระชับ เข้าใจง่าย กลัว ที่กลัวนี่ไม่ได้กลัวพระสุรเสียงพระองค์ท่าน แต่เกรงในพระบารมีของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงพระเมตตามากไม่ได้ทำให้กลัว เหมือนกับพระองค์ท่านสอนเราว่าเราทำไม่ถูกต้องจริงๆนะ แม้ว่าตอนนั้นเราจะยังเด็กแต่เราก็รู้เรื่องนะ ฟังรู้เรื่องเพราะเป็นความจริงทั้งหมด พระองค์ท่านรับสั่งมาเป็นอะไรที่เข้าใจได้ ว่าถ้าเราตกลงไปจะเป็นยังไง ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต จากนั้นก็โดนพ่อแม่ตีกันถ้วนหน้า”
       
       กราบแนบพื้นแผ่นดินพ่อ...ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยกับประชาชน
       
       ในวันเคลื่อนพระบรมศพ คุณน้ำผึ้งปฏิเสธการเข้าร่วมพระราชพิธี แต่ขอไปรวมอยู่กับประชาชนกราบพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เรื่องราวต่อจากบรรทัดนี้คุณน้ำผึ้งเล่าให้เราฟังทั้งน้ำตา

       “ย้อนไป 13 ตุลาคม วันที่พระองค์ทรงสวรรคต น้ำผึ้งทำงานอยู่ถ่ายรายการตามรอยพระบาทที่ท่าเสด็จ จ.หนองคาย คือจริงๆก็ทราบข่าวมาก่อนวันที่ 13 ว่าพระอาการของพระองค์ท่านทรงไม่ค่อยดี แต่น้ำผึ้งคิดอยู่อย่างเดียวว่า พระบารมีพระองค์ท่านมากมายนัก คิดอยู่ในใจ เข้าข้างตัวเองตลอด ว่าปาฏิหาริย์ต้องเกิด คิดอยู่ในใจ จนทราบว่าพระองค์ท่านไม่ไหวแล้ว เราก็ยังคิดอยู่อีกว่าตราบใดที่พระหทัยพระองค์ท่านยังเต้น ปาฏิหาริย์ต้องเกิด กระทั่งทราบว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ตอนนั้นช็อก ทุกอย่างหยุดไปหมดเลย เหมือนกับลมหายใจเราจะหยุดไปพร้อมกับพระองค์ท่านด้วย
       
       เพราะเราไม่ค่อยจะเชื่อ รู้ว่าจริง แต่ทุกคนเวลาเราไม่อยากให้อะไรเกิดขึ้นเรามักจะหลอกตัวเอง พอรู้ว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตเราก็กลับวันนั้นเลย นั่งเครื่องบินกลับไฟลต์ดึกมาถึงกรุงเทพฯ ตอนประมาณตีหนึ่ง
       
       วันรุ่งขึ้น วันที่ 14 ตุลาคม วันเคลื่อนพระบรมศพ จริงๆ จะตามพระองค์โสมฯ ไปร่วมพระราชพิธี แต่น้ำผึ้งขอท่านว่า ขอไปอยู่กับประชาชน ไปรอรับพระบรมศพอยู่กับประชาชน และขอกราบพระองค์ท่านที่พื้น รอรับพระองค์ท่านบริเวณพระบรมมหาราชวัง เห็นประชาชนนั่งกันเต็มไปหมด

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       เรารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุด จึงชวนหลานๆ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีท่านผู้หญิงสุธาวัลย์ เสถียรไทย และคุณหนูสิรินา เฝ้ารับพระบรมศพอยู่รวมกับประชาชน จะไม่ไปอยู่ในพระราชพิธี อยากนั่งกราบพระองค์ท่านตรงพื้นธรณี ของแผ่นดินที่พระองค์ท่านทรงดูแลไพร่ฟ้าแผ่นดินมาตลอดรัชสมัย คือ อยากกราบบนแผ่นดิน จากใจสู่พื้น สู่พระองค์ท่าน เพราะมือของเราจรดลงบนผืนดินศรีษะกับมือจรดชิดกัน พลังความรู้สึกที่เราได้ส่งกระแสจิตไปถึงพระองค์ท่าน
       
       วันนั้นทุกคนก็บอกว่าให้เรา 3 คน เข้าไปในพระราชพิธี เราก็บอกขออยู่ตรงนี้ ทั้งสามคนร้องไห้กราบพระองค์ท่านอยู่ที่พื้น ขอมากราบพระองค์ท่านกับพื้น กราบพระองค์ท่านครั้งสุดท้าย น้ำผึ้งว่าพระองค์ทรงรับรู้ด้วยญาณของพระองค์ท่านเอง น้ำผึ้งไม่ได้อาจเอื้อมแต่ความเป็นจริงของเราคือ เราก็เป็นหลานของพระองค์ท่านทางหนึ่ง พระองค์ท่านก็ทรงย่อมรู้ว่า ลูกหลานของพระองค์ท่านก็มาอยู่กับประชาชนตรงนี้

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

        วินาทีที่ขบวนพระบรมศพเคลื่อนมาเราได้ยินแต่เสียงสะอื้นร้องไห้ แม้จะแดดแรงทุกคนก็สู้ ประชาชนรักพระองค์ท่านมาก ไม่มีเหตุอะไรเลยที่เราจะไม่รักพระองค์ท่าน จนตอนนี้น้ำผึ้งเห็นรูปพระองค์ท่านก็ยังรู้สึกตื้อๆอยู่เลย 70 ปีที่พระองค์ท่านทรงอยู่กับประชาชนทรงทำอะไรให้ประชาชนมากมาย แม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นพระองค์ท่านทุกวัน ไม่เหมือนคุณพ่อและท่านแม่ที่ได้รับใช้ถวายงานพระองค์ท่าน แต่สิ่งที่เห็นคือพระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อประชาชน”
       
       ขอเป็นกระบอกเสียง...สืบสานพระปณิธาน
       
       ด้วยความที่คุณน้ำผึ้งทำงานในวงการบันเทิง ทั้งเป็นนักแสดง และพิธีกร ทำรายการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ มีโอกาสได้สัมผัสชาวบ้านในพื้นที่ จึงทำให้ทราบว่า พระองค์ทรงลำบากเพียงใดในการที่จะไปในเส้นทางแต่ละแห่งที่สุดทุรกันดารหลายสิบปีก่อน แต่พระองค์ทรงเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านให้กินดีอยู่ดีขึ้นในทุกที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       “น้ำผึ้งทำงานในวงการบันเทิง เป็นนักแสดง ทำรายการทีวี ซึ่งเป็นความตั้งใจของน้ำผึ้งที่อยากจะเป็นสื่อกลางในการที่จะเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงเพื่อเข้าถึงประชาชน หรือชุมชน ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และอยากให้ประชาชนซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงเป็นห่วงประชาชน อยากจะให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี บางพื้นที่พระองค์ท่านอาจจะยังไปไม่ถึง เราเป็นข้าพระบาทพระองค์ท่าน อะไรที่เราทำได้เราก็อยากจะทำเพื่อต่อยอดในสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำต่อชุมชนที่เป็นฐานรากในพื้นที่ที่พระองค์ท่านยังไปไม่ถึงพระองค์ ท่านเสด็จไปทุกที่ พระองค์ท่านจะเสด็จโดยเครื่องบินพระที่นั่ง รถไฟ รถพระที่นั่ง รถพังรถเสีย กว่าจะเสด็จไปถึงเชียงใหม่รถเสียกี่ครั้ง
       
       รายการเที่ยวละไมไทยแลนด์เวิลด์ ตามรอยพระบาทไปหลายที่ ล่าสุด ไปที่ท่าเสด็จ จ.หนองคาย พระองค์ท่านเสด็จมาเพื่อเปิดส่งกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ จ.ขอนแก่น ให้กับประเทศลาว โดยที่ทางประเทศลาวสามารถนำกระแสไฟฟ้าของประเทศไทยได้ พระองค์ท่านไม่ได้ทรงห่วงใยแค่ประเทศไทยอย่างเดียว ประเทศเพื่อนบ้านพระองค์ท่านก็ช่วยด้วย ทำให้เรียกที่ตรงนั้นว่าท่าเสด็จ มาจากที่พระองค์ท่านได้เสด็จมานั่นเอง”

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

        ด้วยน้ำพระทัยดุจสายธารพระเมตตาที่ทรงมีต่ออาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ คุณน้ำผึ้งเล่าว่า ได้มีโอกาสไปถ่ายรายการในพื้นที่ห้วยทราย จ.เพชรบุรี ที่เมื่อก่อนเป็นดินดานเพราะปลูกแต่สับปะรด ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด แต่เมื่อพระองค์ทรงเสด็จไปไม่นานนักพื้นที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทรงพัฒนาผืนดินที่ทำการเกษตรแทบไม่ได้เพราะเป็นดินดาน ด้วยการปลูก “หญ้าแฝก” นอกจากนี้พระองค์ท่านยังพระราชทานที่ทำกินให้ราษฎร และพื้นที่สร้างมัสยิด โดยเฉพาะสมัยก่อนโจรหรือเสือ ซึ่งจะมาคอยระรานชาวบ้านก็หายไปด้วย เพราะพระบารมีพระองค์ท่าน

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       “ ลุงยูซบ ที่บ้านห้วยทราย จะเรียกในหลวง ร.๙ ว่า พระราชา ลุงยูซบ และชาวบ้านแถวนั้น หากเราไปพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้เลยนะ ร้องไห้เลย ลุงยูซบย้อนเล่าเรื่องในอดีตว่า ตอนนั้นเขาทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมายังพื้นที่ตรงนี้ เขาจึงวิ่งขวางทางรถพระที่นั่ง เจ้าหน้าที่ไล่ให้ออกไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งให้ลุงยูซบมาเข้าเฝ้า ลุงยูซบก็บอกในหลวง ร.๙ ว่า ประชาชนที่นี่ลำบาก เพราะ 1.ไม่มีมัสยิด 2.ถูกเสือ(โจร)มารังควาน จนไม่มีที่ทำกิน 3.พื้นดินทำกินไม่ได้เลย เพราะเป็นดินดาน ท่านก็รับสั่งว่า อีก 3 วัน เดี๋ยวฉันจะมา ลุงยูซบพอได้ยินปุ้บก็ดีใจ ไปบอกชาวบ้านว่า พระราชาจะมาอีก 3 วัน ทุกคนบอกว่าแกฝันเฟื่องไปแล้ว พระราชาก็พูดไปอย่างนั่นแหละว่าจะมา ท่านจะมาทำไม ท่านมีงานเยอะแยะเราก็เป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ ท่านคงไม่มาหรอก
       
       3 วันผ่านไปพระองค์ท่านเสด็จมาจริงๆ พระองค์ทรงสร้างมัสยิด ทรงออกแบบ วางผัง วางแปลนเองด้วยนะ เชื่อไหม เมื่อเข้าไปในมัสยิดลมเย็น เข้าทุกทาง ร่มเย็นมาก นี่คือเรื่องแรกที่พระองค์ทรงแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน
       
       ส่วนเรื่องเสือมารังควานทำให้ไม่มีที่ทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องที่ 2 นั้น ลุงยูซบเล่าว่า เสือมักจะมาขู่ชาวบ้านว่า ที่ตรงที่พวกเอ็งปลูกสับปะรดอยู่เนี้ยมันเป็นที่ของข้า พวกแกไม่มีสิทธิ จากนั้นเอาปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า ใครเข้ามา กูจะจัดการ ชาวบ้านก็กลัว ไม่มีที่ทำกิน ปรากฏพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก้ปัญหาด้วยการพระราชทานที่ดินให้ชาวบ้านทุกคน คนละ 2 ไร่ แต่ห้ามซื้อห้ามขาย ให้อยู่และทำกินตลอดชีวิตชั่วรุ่นลูกรุ่นหลาน พระมหากษัตริย์ให้ประชาชนอยู่ และทำกินอย่างยั่งยืน พอเสือเข้ามาขู่อีก ลุงยูซบไม่กลัวเดินดุ่มๆไปพูดเลยบอกว่า กูไม่กลัวพวกมึงอีกต่อไปแล้ว เพราะที่ตรงนี้พระราชายกให้กูและชาวบ้านทุกคนอยู่และทำกินแล้ว เสือได้ยินดังนั้น ก็กลับกันไปเลยและไม่มาแตะชาวบ้านอีก พระบารมีคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อมชาวบ้านทุกคน

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       ส่วนเรื่องสุดท้าย ประชาชนบอกดินดานปลูกอะไรไม่ได้ พระองค์รับสั่งถามตอนนี้ปลูกอะไรกัน ประชาชนบอกปลูกสับปะรด พระองค์บอกสับปะรดทำให้หน้าดินเสีย ต้องพลิกหน้าดินใหม่แล้วต้องปลูกหญ้าแฝก ลุงยูซบปลูกสับปะรดอยู่เอารถมาไถสับปะรดออกหมดเลย ชาวบ้านก็ด่าว่า แกโง่ แกก็บอกว่า ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าพระราชาท่านมา ท่านให้แต่สิ่งที่ดีกับประชาชน ฉะนั้นพระราชาบอกอะไรผมทำแบบนั้น ปลูกหญ้าแฝกอย่างเดียว หลังจากนั้นดินก็ดีขึ้น สามารถปลูกพืชผสมผสาน อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ยั่งยืน ความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นเพาะปลูกอะไรก็ได้เพราะดินดีมาจนถึงทุกวันนี้"

King of Kings

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

       “ครั้งหนึ่งน้ำผึ้งไปถ่ายทำรายการที่ภูฏาน ไปเจอราษฎรภูฏานสองคน เขาเข้ามาถามน้ำผึ้งว่าเป็นคนประเทศอะไร เราก็บอกว่า เป็นคนไทย ก็ทักทายกัน สักพักเราก็บอกเขาว่า กษัตริย์ของคุณ กษัตริย์จิกมีคนไทยรักนะ เขาพูดขึ้นมาเลย
       
       “กษัตริย์ของคุณ ที่สุดแล้ว เหนือกษัตริย์อื่นๆ ยิ่งใหญ่ และเป็นกษัตริย์ที่ดีมาก"

       
       ทั้งๆที่เขาก็มีกษัตริย์และเขาก็รู้ว่ากษัตริย์ของเขาดี แต่เขาก็ยังยอมรับกษัตริย์ของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น King of Kings แท้จริง เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต ชาวภูฏานก็ไว้อาลัยถวายพระองค์ท่าน รวมทั้งกษัตริย์จิกมี พระองค์ก็ไว้อาลัยถวายพระองค์ท่าน เราเห็นได้ชัดเลยว่า ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ กษัตริย์ยังยอมรับกษัตริย์

ถวายชีวิตเหนือหัว! “คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี” เด็กซนที่ “พ่อหลวง”ทรงอุ้ม

      นอกจากนี้ ท่านยังมีพระอัจฉริยะรอบด้าน รู้ลึก รู้จริง พระองค์ท่านทรงศึกษาทุกอย่าง แม้พระองค์ท่านจะทรงมีพระชนมายุเยอะแล้ว แต่คอมพิวเตอร์ที่พวกคุณใช้กัน พระองค์ท่านใช้เป็นหมดนะ เทคโนโลยีทุกอย่างพระองค์ท่านเป็นหมดเลย อะไรมาใหม่พระองค์ท่านศึกษาทุกอย่าง เก่งกว่าเราๆด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นพระองค์ท่านจะมองในสิ่งที่เราคิดไม่ถึงเหรอ ในเรื่องของการทำฝนเทียม โครงการแก้มลิง กังหันชัยพัฒนา หญ้าแฝก พระองค์ท่านมองการณ์ไกล พระองค์ท่านศึกษาหมด เพราะพื้นดินของประเทศไทยในแต่ละพื้นที่มันมีความแตกต่างกัน บางพื้นที่ก็คือดินเค็ม บางพื้นที่ก็ดินเปรี้ยว บางพื้นที่ก็ดินดาน พระองค์ท่านทำยังไง พระองค์ท่านก็ต้องมาศึกษาทดลองในบ้านของพระองค์ท่านเอง นั่นก็คือ “สวนจิตรลดา”

     สำหรับน้ำผึ้ง จะชื่นชอบรู้สึกทึ่งในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ คือ โครงการฝนหลวง ของพระองค์ท่านมาก พระองค์ท่านคิดได้ยังไง แล้วน้ำเป็นอะไรที่เป็นปัจจัย 4 บางพื้นที่เขาไม่มีน้ำ ชีวิตเขาจะแย่แล้วพืชสวนไร่นาเขาจะไปหมดแล้ว แต่ฝนหลวง ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ พระองค์ท่านสร้างความร่มเย็น ไกลแค่ไหนพระองค์ท่านก็ไปถึง แผ่พระบารมีความชุ่มช่ำไปให้มีน้ำของพระราชหฤทัยไปถึงให้ชาวบ้านได้มีน้ำในการที่จะทำการเพาะปลูก มีน้ำกิน น้ำใช้ และยังเผยแผ่ไปถึงนานาประเทศที่ซื้อสิทธิบัตรไป ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ไปถึงต่างประเทศ เขายอมรับในสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อนำไปใช้ในประเทศเขาเอง”
       
       ดังนั้นนอกจากพระองค์ท่านจะทรงเป็น King of Kings แล้ว ตลอดระยะเวลาการครองราชย์กว่า 70 ปี พระบารมีและพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังขจรขจายไปทั่วโลกยิ่งใหญ่สมกับเป็น “King of The Word”

โดย : ผู้จัดการ Lite
       
       เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
       
       ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์
       
       ขอบคุณภาพบางส่วนจาก: เพจเฟซบุ๊ก คุณน้ำผึ้ง-ม.ล.สราลี กิติยากร


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ถวายชีวิตเหนือหัว คุณน้ำผึ้ง - ม.ล.สราลี เด็กซน พ่อหลวง ทรงอุ้ม

view