สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โอกาส ข้อจำกัดและความเสี่ยง

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ดุลยธรรม

โดย ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

นโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ขณะนี้แม้เป็นโครงการที่ดีและจะส่งผลด้านบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศในอนาคต แต่ที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญคือ ต้องไม่มุ่งเพียงแค่การดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ และกลุ่มทุนในประเทศ โดยละเลยในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการขับเคลื่อนประเทศในระยะยาวบนฐานการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทยเอง

โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม new S-curve ที่จะสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นกับภาคการผลิตของไทย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ไทยควรเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นและเติบโตในพื้นที่ EEC

อย่างไรก็ตาม เรามีข้อจำกัดเรื่องทักษะแรงงาน ขาดนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเอง จึงขอเสนอให้มีกฎระเบียบ กลไกและระบบในการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างชัดเจน การพัฒนาจัดตั้งศูนย์วิจัยและสถาบันการศึกษาขั้นสูงทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกและการลงทุนในพื้นที่ EEC จะทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยไม่ชักช้า

การกระหายอยากได้การลงทุนจากต่างชาติต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลโดยไม่เสนอให้สิทธิพิเศษและผลประโยชน์มากจนเกิดต้นทุนต่อประเทศในระยะยาวและคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไร

โดยเฉพาะสิทธิในการเช่าที่ดินและถือครองที่ดิน 99 ปี ควรต้องมีการทบทวน และไม่มีประเทศอาเซียนประเทศไหนที่ให้เช่าที่ดินหรือถือครองที่ดินยาวนานขณะนั้น ส่วนใหญ่จะให้เช่าที่ดินเพียง 50 ปี

โดยภาพรวม สิทธิประโยชน์ในการลงทุนใน EEC สามารถแข่งขันได้กับทุกประเทศในเอเชีย ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการถือครองที่ดินโดยนักลงทุนต่างชาติถึง 99 ปีเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ

แน่นอนว่า การลงทุนใน EEC ย่อมส่งผลกระตุ้นภาคการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวเศรษฐกิจภาคตะวันออก

นอกจากนี้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านกายภาพมูลค่าประมาณ 7.13 แสนล้านบาท ใช้เงินงบประมาณรัฐบาลราว 21% งบประมาณจากรัฐวิสาหกิจราว 12% และกว่า 60% ที่เหลือเป็นการร่วมลงทุนกับเอกชนและเอกชนลงทุนโดยตรง

ดังนั้นในส่วนของการใช้งบประมาณของรัฐต้องพิจารณาถึงการกระจายความเจริญไปยังส่วนอื่น ๆ ของประเทศด้วย ส่วนโครงการร่วมลงทุนกับเอกชนนั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนหลังได้รัฐบาลที่มีมาจากการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านกายภาพครั้งใหญ่นี้ จะไม่นำไปสู่ปัญหาฐานะทางการคลังในอนาคต หรือเป็นการลงทุนเกินความต้องการ ก็ต่อเมื่อโครงการ EEC ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นหลักประกันความสำเร็จ คือ โครงสร้างพื้นฐานด้านการกำกับดูแล ความต่อเนื่องของนโยบาย และเสถียรภาพทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

ที่สำคัญนักลงทุนใน EEC ได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากกฎหมายส่งเสริมการลงทุน 2560 กฎหมายส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และพระราชบัญญัติ EEC

เมื่อให้สิทธิพิเศษมากเช่นนี้ผ่านกฎหมายใหม่ ๆ ที่เพิ่งออกมา เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดถึง 13 ปี คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงควรกำหนดรูปแบบของการใช้สิทธิประโยชน์ตามความสำคัญคุณค่าของโครงการ (Merit-Based Incentives) ต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม และความกินดีอยู่ดีของประชาชนส่วนใหญ่ และต้องพิจารณาประเภทของกิจการ (activity-based incentives) ว่าเป็นไปตามอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือไม่เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล มีความสำคัญต่อพื้นที่ EEC ในการสร้างอุตสาหกรรม 4.0 และเทคโนโลยีดิจิทัลนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ที่ต้องตระหนักคือ แนวโน้มโรงงานอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นจำนวนมากในพื้นที่ EEC อาจเกิดความแออัด และการกระจุกตัวของโรงงานอุตสาหกรรม มีผลกระทบให้เกิดมลพิษต่าง ๆ ต่อชุมชนโดยรอบ

ส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่แย่ลงและค่าครองชีพสูงขึ้น รัฐจึงจำเป็นต้องออกระเบียบและเงื่อนไขเพิ่มเติมด้านสิ่งแวดล้อม ดูแลคุณภาพชีวิตและค่าครองชีพประชาชนในพื้นที่ สภาพการจ้างงาน

รวมทั้งการให้สัมปทานกลุ่มทุนในโครงการขนาดใหญ่จำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและโปร่งใส และต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในเตรียมรับการถ่ายโอนเทคโนโลยี และกระบวนการฝึกอบรมทักษะแรงงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ในอนาคต สินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงจะได้เป็นสินค้าที่ไทยผลิตเองได้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น

ขณะเดียวกันก็ต้องตระหนักด้วยว่า เราไม่ควรแลกการเติบโตทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการลงทุนของต่างชาติ กับความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของผู้คน ตลอดจนการยอมเป็น “สภาพกึ่งอาณานิคมทางเศรษฐกิจ” ของทุนข้ามชาติ โดยที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไร ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ได้กระจายไปยังประชาชนส่วนใหญ่ และกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มทุนขนาดใหญ่เท่านั้น


#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,#ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โอกาส ข้อจำกัด ความเสี่ยง

view