สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปฏิบัติการฝ่าวงล้อมแดง

จาก โพสต์ทูเดย์

ผมไม่สนใจ จะเรียกแตงโม มะเขือเทศ มะพร้าว เป็นอย่างไรผมไม่สนใจ อย่างมะเขือเทศผมก็กินอยู่ทุกวัน ผมไม่ได้ซีเรียส มันอยู่ที่เรา ผมเคยบอกแล้วว่าอยู่ที่เรา ใครทำงานให้ใคร ใครเรียกว่าอย่างไรก็ช่าง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

จากเหตุการณ์ตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชน กองกำกับการตำรวจตระเวนชาย แดนที่ 31 ค่ายเจ้าพระยาจักรี จ.พิษณุโลก (กก.ตชด.31) นำกำลังกว่า 150 นาย ตีฝ่าวงล้อมกลุ่มคนเสื้อแดงพิษณุโลกกว่า 100 คน ที่เดินทางมาปิดถนนทางเข้าออก กก.ตชด.31 หมู่ 2 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาสนับสนุนปฏิบัติการดูแลการชุมนุม ของกลุ่มเสื้อแดงย่านราชประสงค์

จนสุดท้ายภายหลังการปิดล้อมกว่า 5 ชั่วโมง ตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชนสามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ และเป็นเพียงหน่วยงานเดียวที่เดินทางมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยไม่ถูก เสื้อแดงสกัด เนื่องจากปรับเส้นทางเลี่ยงถนนสายหลักไปใช้เส้นทางสายรอง จนเป็นที่กล่าวขวัญ และหลายฝ่ายได้หันมาจับตาแนวความคิดของผู้บังคับบัญชา ตชด.31 ว่าเป็นอย่างไร

ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.ปรีชา หงษ์จร ผกก.ตชด.31 ค่ายเจ้าพระยาจักรี จ.พิษณุโลก เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำกำลังตำรวจเข้าไปสนับสนุนสับเปลี่ยน กำลังที่กรุงเทพฯ ภายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 26 เม.ย. จึงเตรียมกำลังพร้อมเพื่อออกเดินทางในเวลา 09.00 น. ซึ่งการมาปิดถนนทางเข้าออก กก.ตชด.31 มีสายข่าวรายงานให้ตนทราบแล้วว่าจะมีกลุ่มม็อบเสื้อแดงมาปิดถนนไม่ยอมให้ กำลังตำรวจเดินทางไป

ตอนแรกคิดว่าถ้าจะมาปิดก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าทำให้ใครต้องเดือดร้อน อีกอย่างมองว่าเสื้อแดงพิษณุโลกมีกำลังคนไม่มาก จึงไม่ได้วางแผนอะไรเป็นพิเศษ จนเมื่อถึงเวลาเดินทางก็พบว่ากำลังคนเสื้อแดงมีมาก จึงส่ง พ.ต.ท.|สมหวัง คำทอง รอง ผกก.กก.ตชด.31 เข้ามาเจรจากับกลุ่มเสื้อแดง โดยยืนยันว่าจำเป็นต้องส่งกำลังกองร้อยชุดควบคุมฝูงชนไปสับเปลี่ยนกำลังที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อเจอเหตุการณ์ข่มขู่ไม่ยอมให้เดินทาง พร้อมขอให้เดินทางในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 27 เมย. และจะกางเต็นท์ขวางทางเข้าออกไว้อีก

เมื่อวิธีการเจรจาไม่เป็นผล มีกลุ่มคนขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน จึงได้สั่งให้ใช้วิธีการอย่างไรก็ได้อย่าให้มีคนล้มตาย ในการสลายจึงตั้งรูปขบวนสามเหลี่ยมสามารถทลายออกมา ทำให้มีการปะทะกันบ้าง มีภาพคนแก่ถูกทำร้าย ลูกน้อง ตชด.บอกว่าไม่สบายใจที่พลาดตีถูกคนแก่ เราไม่เจตนา คนแก่ถ้าอยู่บ้านตีก็ผิดจริยธรรม แต่เมื่อคนแก่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นและลงมือทำร้ายเจ้าพนักงานของรัฐ ก็เป็นเหตุสุดวิสัย หลังจากกำลัง ตชด.31 เดินทางไปได้ กลุ่มเสื้อแดงก็ไม่แจ้งความว่า|ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย ซึ่งเราก็ไม่แจ้งความขัดขวางเจ้าพนักงานไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

“ตอนนั้นกลุ่มเสื้อแดงเองยังมีสองส่วนเลย ส่วนแรกก็เข้าใจยอมให้ไป แต่อีกส่วนจะไม่ยอมให้ไปอย่างเดียว ผมก็ไม่รู้เหตุผล เขาบอกว่าหากเป็นพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) จะยอมให้ไป แต่ผมก็บอกว่าถ้าเป็นพรุ่งนี้ก็เท่ากับขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ก็จะถูกผู้บังคับบัญชาเล่น แต่เมื่อเขาไม่ยอมก็ว่ากันไป แต่เราทำในนามรัฐบาล รัฐบาลสั่งให้ทำก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะทำอย่างไร ก็ผมรับเงินเดือนจากรัฐบาลอยู่ ส่วนจะทำมากทำน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้ฆ่าเขาให้ตายแล้วฝ่าออกไป เมื่อไปแล้วที่เหลือก็ว่ากัน หากบาดเจ็บไม่มีใครส่งไปรักษา เราก็ส่งไปรักษาดูแล นี่คือตัวอย่าง”

อย่างไรก็ตาม ในวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ พ.ต.อ.ปรีชา ติดภารกิจไปประชุมงานในโครงการการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไปทำหน้าที่รักษาราชการแทน ได้แต่กำชับไปว่าอย่าให้รุนแรงบาดเจ็บล้มตาย ดำดินได้ก็ดำดินไป ดำดินไม่ได้ก็หลบหลีกไป เพราะส่วนตัวไม่นิยมปะทะ ไม่เหมือนกับปราบ ผกค. ต้องปะทะ ต้องหาให้เจอ แต่นี่ไม่รู้จะไปปราบอะไรกัน เพียงแต่เขาสั่งให้ไปเฝ้ายาม ก็หลบหลีกไปให้ได้ หลบหลีกไม่ได้ก็แล้วไป จนสุดท้ายก็สามารถไปถึงจุดหมายได้เป็นกลุ่มแรก

“ผมรับราชการ คนรับราชการไม่กลัวคำสั่งผู้บังคับบัญชาจะกลัวใคร เพราะเมื่อถ้าคำสั่งผู้บังคับบัญชาชอบด้วยกฎหมายถูกต้องก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าขัดคำสั่ง มันมีระเบียบมีกฎหมายอยู่สำหรับราชการด้วย ถ้าไม่อยากผิดระเบียบกฎหมายก็ลาออก ถ้าลาออกก็ไม่มีใครมายุ่งกับเรา แต่จะทำไม่ทำแค่ไหนก็ดูว่าผิดระเบียบไหม ถ้าคำสั่งถูกระเบียบก็ขัดไม่ได้ ถ้าคำสั่งผิดระเบียบก็อีกเรื่อง”

ทว่าในสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แถม “ตี ตรา” ให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็น “ตำรวจมะเขือเทศ” จนย้อนมาเป็นแรงกดดันกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้น พ.ต.อ.ปรีชา ยืนยันว่าไม่สนใจกับคำเรียกขานต่างๆ ตราบใดที่เรายังสามารถทำงานในหน้าที่ได้อย่างดี และเปรียบเทียบกับหนังสือพิมพ์ว่าก็มีหลายฉบับ ใครชอบฉบับนั้นฉบับนี้ก็เลือกอ่าน ใครจะอ่านหนังสือบอล หนังสือพระ ก็แล้วแต่ความชอบ แต่จะให้แห่กันไปทำแต่หนังสือพระอย่างเดียวก็ขายไม่ออก

ไม่เช่นนั้นถ้าตำรวจทำเหมือนทหารเขาจะเรียกตำรวจทำไม ราชการเขาไม่ยุบไปเป็นทหารหมดแล้วหรือ แต่บทบาทก็แตกต่างกันไป เพราะอย่างนั้นสื่อจะเรียกอะไรก็แล้วแต่คนมอง หากรัฐบาลเห็นว่าไม่ดีเขาก็ปรับแก้กันไป นอกจากนี้ไม่รู้สึกกดดัน ยังทำงานตามปกติ งานเรื่องการ|ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนี้เป็นเพียงแค่งานส่วนน้อย แต่งานหลักของเราก็คือการพัฒนาช่วยเหลือประชาชน เราเป็น ตชด. ไม่ใช่เอากำลังคนไปปราบจลาจลหมดแล้ว ไม่ทำอย่างนั้น หนังสือก็ยังต้องสอน ประชุมงานในโครงการของสมเด็จ|พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ยังต้องไป งานถวายอารักขาก็ต้องไป นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ก็เหมือนกับคอลัมน์การ์ตูนเท่านั้น จะถือเป็นหัวใจของหนังสือพิมพ์ไม่ได้

“ผมไม่สนใจ จะเรียกแตงโม มะเขือเทศ มะพร้าว เป็นอย่างไรผมไม่สนใจ อย่างมะเขือเทศผมก็กินอยู่ทุกวัน ผมไม่ได้ซีเรียส มันอยู่ที่เรา ผมเคยบอกแล้วว่าอยู่ที่เรา ใครทำงานให้ใคร ใครเรียกว่าอย่างไรก็ช่าง เขาเรียก ตชด.ว่าเสื้อเขียว ทั้งที่ตำรวจต้องเสื้อกากี แต่เราก็ต้องยอมรับสภาพ

... นายเขายังโทร.มาบอกเลยว่า ทำถูกทำดีแล้ว เพราะเขาสั่งให้ไปเข้าเวรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ส่งไป ส่วนที่หากหลังจากนั้นเขาจะส่งไปทำอะไรก็แล้วแต่เขา แต่เขาสั่งมาให้ไปทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ว่ากันไป ไปเฝ้ายามก็ว่ากันไป แต่ว่าเขาจะสั่งให้ไปฆ่าคนอย่างนั้นขัดระเบียบเราก็ไม่ทำ ฆ่าคนผิดกฎหมายอยู่แล้ว ฆ่าคนถูกกฎหมายที่ไหนมี ใครมาสั่งให้ฆ่าคนผมไม่เอาเหมือนกัน แต่เขาสั่งให้ไปเข้าเวรก็ต้องไป ส่วนหลังจากนี้ผมไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องคนสั่งที่ต้องรับผิดชอบ พ้นจากผมไปแล้วไปขึ้นกับผู้บังคับบัญชาของเขาไป”

ผกก.ตชด.31 อธิบายต่อว่า หากต้องให้เขาไปเกี่ยวข้องกับการสลาย การชุมนุมก็คงไม่เอาด้วย และต้องย้อนไปว่ามีระเบียบไหม ถ้ามีระเบียบก็ว่ามา แต่ถ้าผิดระเบียบก็ไม่เอา เหมือนกับเขาให้ส่งคนไป เมื่อระเบียบทำได้ก็ส่งไป แต่ถ้าบอกให้ไปยิงคนนั้นคนนี้ ก็ให้ทำมาเป็นบันทึกมีลายเซ็น หากกรณีที่ถ้าต้องไปขึ้นศาลก็ต้องไปดูกันต่อว่าใครผิดใครถูก

ทั้งนี้ ทุกอย่างมีระเบียบ ทุกวันนี้เขาสั่งสลายเขายังไม่กล้าสั่งเลย ถามว่าทำไม ก็มันมีกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่ ถ้ามันถูกกฎหมายก็ทำไปแล้ว บางอย่างมันผิดกฎหมาย แต่ส่วนตัวไม่รู้รายละเอียด เพราะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่บางอย่างที่เขาไม่สั่งเขาให้สัมภาษณ์ว่านี่เป็นเรื่องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เมื่อกฎหมายมันให้เขาก็ไม่กล้าไปยุ่งอะไร แต่บางอย่างเขาก็รอ เหมือนเราตีลูก ถ้าตรงไหนมันผิดเราก็ตี ถ้าตรงไหนมันถูกก็ไม่ตี ไม่ใช่ว่าลูกไม่ทำงานเราก็ตี ลูกหลับเราก็ตี เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้าตีลูกทั้งวันทั้งคืน เราก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป

“ผมทำงานเพื่อชาติ ผมเป็นข้าราชการของในหลวงจะชั่วจะดีก็ว่ามา มีคนชวนให้ไปเคลื่อนไหวรักชาติ พระมหากษัตริย์ ผมบอกว่าผมรักแน่ แต่ผมไม่ไปแหกปาก แต่เรื่องหน้าที่ผมทำเต็มที่ เคยมีคนถามผมว่าสีอะไรผมบอกว่าผมมีเสื้อมาก ผมเลือกใส่เสื้อได้ทุกสี ผมยอมรับว่าชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะแนวคิดสั้น กะทัดรัด ไว แต่ไม่รัดกุม ก็เหมือนการทำงานของตำรวจอย่างเรา

...“อภิสิทธิ์” ผมก็ชอบที่ทำงานสุขุม แต่สุขุมเกินไป จ้องๆ จดๆ ไม่ชกสักที ถ้าเป็นมวยชกมาชกไป อาชีพตำรวจต้องไวเข้าว่า รอแบบนี้ขาดทุน แต่ถ้าปล่อยสถานการณ์ไปแบบนี้อีก 10 ปีก็ขาดทุน จะทำอะไรก็ต้องทำแต่แรก อย่ารอให้สายเกินไป ตระกูลผมไม่มีใครเล่นการเมือง ผมเป็นลูกชาวนา มีผมที่แหกคอกมาเป็นตำรวจ แต่พอถึงรุ่นลูกผมบอกลูกว่าอย่าเป็นตำรวจเลยเหนื่อยมาก แบบว่าสงสารไม่อยากเห็นลูกเหนื่อย ไม่ใช่ว่าอาชีพนี้ไม่ดีนะ” ผกก.ตชด.31 อธิบายความรู้สึกพร้อมหัวเราะ

สำหรับอนาคตต่อไป พ.ต.อ.ปรีชา ทิ้งท้ายว่า ไม่เคยคิดเล่นการเมือง ไม่เคยยุ่งกับใคร แต่สนใจดูว่าใครเป็นรัฐบาล ไม่อยากพูดอะไร อยากเห็นคนไทยรักกันให้มากๆ กว่านี้ การแก้ปัญหาบ้านเมืองต้องทำอย่างคนเป็นพ่อ ลูกทำผิดก็ต้องตี ส่วนลูกอีกคนไม่ได้ทำผิดก็ยังต้องตีเพื่อให้รู้ว่าผิด เพราะเป็นพี่น้องกันทะเลาะกัน แต่ปัญหาคนในครอบครัวเดียวกันเมื่อมีการพูดคุย มีการให้ความรักต่อกัน ปัญหาก็ยุติไปเอง เช่นกันการเลือกรัฐบาลก็เหมือนการเลือกเมีย ใครรักใครชอบใครก็เลือกแต่งงานอยู่กินกันไป การเลือกรัฐบาลเลือกผู้แทนเมื่อเรารักกันชอบกันก็เลือกคนนั้น แต่อย่าไปยุยงคนใกล้ชิดให้ต้องชอบหรือเกลียดไปด้วย


view