จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์

ในงาน แถลงข่าวของสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจย่านราชประสงค์ (RSTA) ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คลาคล่ำไปด้วยนักข่าวแทบจะทุกสำนักในประเทศและต่างประเทศที่ออกมาประกาศ

แผน งานสำหรับมาตรการช่วยเหลือความเดือดร้อนของบรรดาสมาชิก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการายย่อยที่กำลังลำบากหนักทั้งจำนวนสาขาน้อยและสาย ป่านทางธุรกิจไม่แข็งแกร่งพอที่อดทนรอได้นานกว่านี้ รวมทั้งนับตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เป็นต้นมายังไม่มีการแจ้งข่าวสารหรือความคืบ หน้าใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับสมาคม

เจอะหน้า "ชาย ศรีวิกรม์" ในฐานะนายกสมาคม ให้เหตุผลถึงการปิดตัว เงียบกริบตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า เพื่อความปลอดภัย พร้อมกับขออภัยที่ผ่านมา อาจให้ข้อมูลใด ๆ ณ ช่วงเวลาตอนนั้นได้เลย เพราะตอบอะไรไปบนเวที (เสื้อแดง) ก็ไปสื่ออีกอย่าง และที่เป็นแรงกดดันที่กลัวที่สุด คือการที่แกนนำประกาศบนเวทีว่า ถ้าศูนย์ไม่ให้เข้าห้องน้ำ ก็บุกเข้าไปเลย...จึงเลี่ยงที่จะพูดดีกว่า

"ตรง นี้ทำให้คิดว่าไม่ไหวแล้วนะ เราคุยกับสมาชิก...เกษรคุยกับลูกห้อง ทุกคนเห็น พ้องต้องกันว่าปิดเลยดีกว่า ส่วนห้องน้ำ เราก็เปิดให้เขาเข้า แต่ต้องอยู่ในจุดที่เราเตรียมให้เท่านั้น มาคิด ๆ ดูแล้ว...เอ๊ะ นี่มัน Democrazy แล้วนะ ไม่ใช่ Democracy"

ไล่ย้อนมาตั้งแต่จุดเริ่มวัน เสาร์ที่ 3 เมษายนผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นตัวเลขความเสียหายทางธุรกิจที่พอกสะสมต่อเนื่อง และส่งผลกระทบในวงกว้างเจอกันถ้วนหน้า ไม่ว่ารายใหญ่ หรือรายย่อย เบื้องต้นสมาคมได้ประมาณการสูญเสีย รายได้จากธุรกิจค้าปลีกและร้านค้า 5,244 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 174 ล้านบาทต่อวัน และ 600 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับธุรกิจโรงแรม

แต่การหยุดนิ่งไม่ให้ข่าวสารผ่านสื่อใด ๆ ของ "ชาย" กลับไม่ได้ทำให้การทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเงียบหายไปด้วย

วัน พุธที่ 21 เมษายน ได้พูดคุยกับ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาสอบถามว่า อยากให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรบ้าง วันรุ่งขึ้น 22 เมษายน เก็บข้อมูลและคุยกับผู้เช่าสมาชิก, 23 เมษายน ส่งเรื่องพร้อมยื่นข้อเสนอ 6 มาตรการ จนมาสู่วันที่ 26 เมษายน ครม.มีมติช่วยเหลือ 3 ข้อ คือบรรเทาสภาพคล่องทางธุรกิจ, ช่วยเหลือพนักงาน และเรื่องการสูญเสียรายได้

"ทุก คนได้รับความเสียหาย การทำงานร่วมกันเร็วมาก เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันทันที ภาพนี้อาจเห็นไม่บ่อยนักในช่วงสถานการณ์ปกติก็ตาม (ยิ้ม)"

การปิด โรงแรม, ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และร้านค้ารายย่อยกว่าพันรายในย่านนี้ ส่งผลต่อลูกจ้างกว่า 2.44 หมื่นชีวิต ต้องขาดรายได้ในแต่ละวัน ไม่รวมถึงการสูญเสียวิถีชีวิต, ความสงบสุข อิสรภาพของกลุ่มคนทำงาน และกลุ่มคนที่อาศัยในชุมชนย่าน ราชประสงค์ ซึ่งแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าความเสียหายนี้จะยุติลงเมื่อใด

แต่ ความอดทนของคนมีขีดจำกัด และขีดจำกัดของแต่ละคนก็ย่อมไม่เท่ากัน "คุณชาย" เล่าว่า ถ้าจบตอนนี้ได้เร็ว ก็ยังพอที่จะรับได้ แม้ว่าตัวเลขล่าสุดของร้านค้าต้องปลดพนักงานไปแล้ว 45 รายในย่านนี้ แต่ถ้ายืดออกไปอีก 1 เดือน คงไม่ต้องสงสัยว่าตัวเลขทะลุ 1 พันคนที่ต้องตกงานจะมีให้เห็นแน่ แต่ก็แอบตั้งความหวังนิด ๆ ว่าจะจบเร็ววัน ตามที่ "คุณกอร์ปศักดิ์" ประเมินว่า ม็อบเสื้อแดงน่าจะสลายตัว วันอาทิตย์นี้ (ประมาณ 9 พฤษภาคม)

ต่อข้อถามว่า ถ้าไม่จบ แล้วทางสมาคมมีแผนสำรองรองรับการยืดเยื้ออย่างไรต่อ

"(นิ่ง)...ถ้า อาทิตย์นี้ไม่จบ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่จบ ก็คือไม่จบ...แต่การประท้วงคงจะลามต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ อีก และคงไม่แปลกที่จะเกิดสีลมแพลตเทิร์น หรือว่า ร.พ.จุฬาฯ แพลตเทิร์น"

แต่ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือการเร่งช่วยเหลือร้านค้า ด้วยการตั้ง RSTA Call Center เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับขึ้นทะเบียนขอรับการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ ประกอบการในย่านราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง

ต่อจากนั้นจะเป็น มาตรการฟื้นฟูย่านราชประสงค์ภายหลังจากการชุมนุมยุติ สมาคมได้วางแผนการสร้างความมั่นใจ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ให้กลับมามีไลฟ์สไตล์ที่มีอิสรภาพในย่านราชประสงค์อีกครั้ง ด้วยแผนปรับปรุงพื้นที่และสิ่งแวดล้อมในย่านราชประสงค์ และแผนกิจกรรมการตลาด-แคมเปญการตลาด ช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และที่พัก ที่ผู้ประกอบการจะรวมตัวกันจัดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศการจับจ่ายและท่องเที่ยวในย่านนี้ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

"ลูกค้า คนไทยไม่ห่วงหรอก เชื่อว่าเข้าใจและมีมู้ดอยากออกมาจับจ่ายอยู่แล้ว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างน้อยต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน กว่าที่เขาจะพร้อมและมั่นใจกลับมา"