สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สุดารัตน์ จ่อฟ้อง มาร์ค - อนุพงษ์

จาก ไทยรัฐออนไลน์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ กริ๊ด รับไม่ได้ถูก ศอฉ.ขึ้นบัญชีตัดท่อน้ำเชื่อเป็นการกลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง ฮึ่ม ฟ้องกลับ "อภิสิทธิ์-อนุพงษ์"...

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่ถูก ศอฉ.ออกคำสั่งควบคุมธุรกรรมทางการเงิน ว่า ตนรับไม่ได้กับการพฤติการณ์การกล่าวหาโดยไม่มีข้อเท็จจริงเช่นนี้ โดยกล่าวหาว่าตนเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะแน่นอนว่าโดยส่วนตัวไม่ว่าตนจะอยู่สังกัดพรรคใดตั้งแต่สมัยพรรคพลัง ธรรมหรือพรรคไทยรักไทยก็ถือเป็นแกนนำหลักในการดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้มีการใช้วีธิการกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างนี้

ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ระบุว่าตนไปสนับสนุนให้มีการก่อการร้าย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมากที่สุด เนื่องจากตลอดชีวิตการทำงานการเมืองมา 16- 17 ปี เรามีแต่คิดทำความดีสนองคุณแผ่นดิน ทำงานเพื่อรักษาปกป้องสถาบัน ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายบ้านเมือง การที่มาเหวี่ยงแห กล่าวหาใช้อำนาจรัฐบาลที่มีอยู่ในมือ มากลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง นี้เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้

"สิ่งที่นายกฯและรัฐบาลพยายามทำอยู่ทุก วันนี้ แม้กระทั่งการใช้อำนาจกลั่นแกล้งทำลายคู่แข่งทางการเมืองอย่างที่โดนอยู่ เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความพยายามที่นายกฯทำเพียงเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง รัฐบาลควรจะห่วงความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของส่วนรวม ไม่ใช่ห่วงความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯ การเหวี่ยงแหกล่าวหาแบบนี้ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สะสมมาเป็นอย่าง ยิ่ง ทั้งที่ 4 ปีที่ผ่านมาก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมมาแล้วก็พยายามเก็บตัว เงียบ ปลีกวิเวกไปทำงานด้านสังคม ทำโครงการแก้วตา ดวงใจฯ เพื่อผ่าตัดหัวใจและดวงตา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ ยังมาถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่รู้ว่าผู้ก่อการร้ายเป็นใคร ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้ที่ปรึกษากฎหมายและทนายความไปพิจารณาฟ้องร้องดำเนิน คดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เป็นคนออกคำสั่งเรื่องนี้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว


"เจ๊หน่อย"เล็งฟ้องรัฐคุมการเงิน-"จรัล"รับมีท่อน้ำเลี้ยงจริง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

"สุดารัตน์"โวยรับไม่ได้ ศอฉ.สั่งคุมธุรกรรมการเงินลั่นเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองเล็งฟ้องเอา ผิด"นายก-อนุพงษ์"ส่วนด้าน "จรัล" ยอมรับม็อบได้เงินหนุนจากหลายฝ่าย ทั้งจาก"แม้ว-เจ๊หน่อย"

      วันนี้(17พค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่ถูก ศอฉ.ออกคำสั่งควบคุมธุรกรรมทางการเงิน ว่า ตนรับไม่ได้กับการพฤติการณ์การกล่าวหาโดยไม่มีข้อเท็จจริงเช่นนี้ โดยกล่าวหาว่าตนเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะแน่นอนว่าโดยส่วนตัวไม่ว่าตนจะอยู่สังกัดพรรคใดตั้งแต่สมัยพรรคพลัง ธรรมหรือพรรคไทยรักไทยก็ถือเป็นแกนนำหลักในการดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้มีการใช้วีธีการกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างนี้
       
       คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ระบุว่าตนไปสนับสนุนให้มีการก่อการร้าย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมากที่สุด เนื่องจากตลอดชีวิตการทำงานการเมืองมา 16- 17 ปี เรามีแต่คิดทำความดีสนองคุณแผ่นดิน ทำงานเพื่อรักษาปกป้องสถาบัน ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายบ้านเมือง การที่มาเหวี่ยงแหกล่าวหาใช้อำนาจรัฐบาลที่มีอยู่ในมือ มากลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมืองนี้เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้
       
       "สิ่งที่นายกฯและรัฐบาลพยายามทำอยู่ทุกวันนี้ แม้กระทั่งการใช้อำนาจกลั่นแกล้งทำลายคู่แข่งทางการเมืองอย่างที่โดนอยู่ เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความพยายามที่นายกฯทำเพียงเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง รัฐบาลควรจะห่วงความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของส่วนรวม ไม่ใช่ห่วงความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯ การเหวี่ยงแหกล่าวหาแบบนี้ทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สะสมมาเป็นอย่าง ยิ่ง ทั้งที่ 4 ปีที่ผ่านมาก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมมาแล้วก็พยายามเก็บตัว เงียบ ปลีกวิเวกไปทำงานด้านสังคม ทำโครงการแก้วตา ดวงใจฯ เพื่อผ่าตัดหัวใจและดวงตา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมาถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่รู้ว่าผู้ก่อการร้ายเป็นใคร ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้ที่ปรึกษากฎหมายและทนายความไปพิจารณาฟ้องร้องดำเนิน คดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เป็นคนออกคำสั่งเรื่องนี้” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
       
        ส่วนทางด้านเวทีราชประสงค์ เมื่อเวลา 20.00 น.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) มีคำสั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ของบุคคลและนิติบุคคล 106 รายซึ่งมีชื่อนายจรัล ด้วยว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และคิดว่าเป็นความต้องการของรัฐบาล ที่ต้องการจะตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุม แต่ไม่มีความวิตกกังวลอะไร
       
       นายจรัลยังกล่าวอีกว่า ผมยอมรับว่าการชุมนุมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ อดีต นักการเมือง อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือแม้กระทั่งตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ ส่วนจะให้มากน้อยเท่าไรผมไม่ทราบรายละเอียด เพราะการชุมนุมมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง ขนาดตัวผมเอง ยังต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างการ์ดหนึ่งคน หรือให้การสนับสนุนนักศึกษาที่เข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งก็ไม่ได้เงินมากอะไร มีเงินเก็บจากการเป็นอาจารย์สอนหนังสือไม่กี่บาทเท่านั้น ส่วนแกนนำทั่วประเทศก็ทราบ แต่ละคนก็นำเงินส่วนตัวมาใช้จ่าย แต่ละคนก็หมดเงินไปมาก บางรายเกือบล้านบาท


"จรัล"แฉแดง"รับเงิน"เจ๊หน่อย -ทักษิณ"

จาก เดลินิวส์ออนไลน์

วันนี้(17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศอฉ. มีคำสั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ของบุคคลและนิติบุคคล 106 รายว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และคิดว่าเป็นความต้องการของรัฐบาล ที่ต้องการจะตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุม แต่ไม่มีความวิตกกังวลอะไร และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการชุมนุม เพราะยังมีเงินบริจาคที่แต่ละวัน จากบุคคลทั่วไปที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ และการสนับสนุนเงินที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มากถึงหลักล้านบาท น่าจะแค่หลักหมื่นหรือแสนบาทเท่านั้นเอง
 
นายจรัล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของศอฉ. ดังกล่าวแม้จะมีอำนาจพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินรองรับ และเมื่อมีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้ว อำนาจเรื่องนี้ก็จะหมดไป  แต่ก็น่าจะเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ เป็นการละเมิดสิทธิบุคคลด้านทรัพย์สิน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีโอกาสหารือร่วมกับแกนนำ นปช. หลายคน ที่ถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน และเห็นร่วมกันที่จะนำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาศึกษาในรายละเอียด หากพบว่ามีช่องที่อุทธรณ์คำสั่งได้ก็จะดำเนินการทันที แต่หลายคนก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร บางคนยังมีการนำเรื่องนี้ ไปแซวกันหลายก็มี และแกนนำบางคน บัญชีก็ยังติดโอดี หรือตัวแดงก็มี 
 
“ผมยอมรับว่า การชุมนุมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ อดีตนักการเมือง อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  หรือแม้กระทั่งตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ ส่วนจะให้มากน้อยเท่าไรผมไม่ทราบรายละเอียด เพราะการชุมนุมมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง ขนาดตัวผมเอง ยังต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างการ์ดหนึ่งคน หรือให้การสนับสนุนนักศึกษาที่เข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งก็ไม่ได้เงินมากอะไร มีเงินเก็บจากการเป็นอาจารย์สอนหนังสือไม่กี่บาทเท่านั้น  ส่วนแกนนำทั่วประเทศ ก็ทราบแต่ละคนก็นำเงินส่วนตัวมาใช้จ่าย แต่ละคนก็หมดเงินไปมาก บางรายเกือบล้านบาทก็มี” นายจรัลกล่าว
 
นายจรัล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าจะมีอย่างช้าที่สุดไม่น่าจะเกินวันพรุ่งนี้ ส่วนการเจรจาที่เกิดขึ้น หากรัฐบาล ยอมรับข้อเสนอเรื่องการหยุดยิง และถอดกำลังออกไป ก็มีการเตรียมการไว้หลายเรื่องแล้ว และน่าจะเป็นทางออกสำหรับประเทศไทย ในการยุติความรุนแรง และนำประเทศไปสู่สันติ (ข้อมูลมิติชนออนไลน์)


"จรัล"รับ"ม็อบแดง"รับเงิน"เจ๊หน่อย -แม้ว" จ้างการ์ด-ให้ นศ. ไม่สนถูกอายัดยังมีเงินบริจาครายวัน

จาก มติชนออนไลน์

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 พ.ค. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.) มีคำสั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ของบุคคลและนิติบุคคล 106 รายว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และคิดว่าเป็นความต้องการของรัฐบาล ที่ต้องการจะตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุม แต่ไม่มีความวิตกกังวลอะไร และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการชุมนุม เพราะยังมีเงินบริจาคที่แต่ละวัน จากบุคคลทั่วไปที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ และการสนับสนุนเงินที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มากถึงหลักล้านบาท น่าจะแค่หลักหมื่นหรือแสนบาทเท่านั้นเอง

นายจรัลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของศอฉ. ดังกล่าวแม้จะมีอำนาจพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินรองรับ และเมื่อมีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้ว อำนาจเรื่องนี้ก็จะหมดไป  แต่ก็น่าจะเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ เป็นการละเมิดสิทธิบุคคลด้านทรัพย์สิน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีโอกาสหารือร่วมกับแกนนำ นปช. หลายคน ที่ถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน และเห็นร่วมกันที่จะนำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาศึกษาในรายละเอียด หากพบว่ามีช่องที่อุทธรณ์คำสั่งได้ก็จะดำเนินการทันที แต่หลายคนก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร บางคนยังมีการนำเรื่องนี้ ไปแซวกันหลายก็มี และแกนนำบางคน บัญชีก็ยังติดโอดี หรือตัวแดงก็มี

ผมยอมรับว่า การชุมนุมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ อดีตนักการเมือง อย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  หรือแม้กระทั่งตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ ส่วนจะให้มากน้อยเท่าไรผมไม่ทราบรายละเอียด เพราะการชุมนุมมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง ขนาดตัวผมเอง ยังต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างการ์ดหนึ่งคน หรือให้การสนับสนุนนักศึกษาที่เข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งก็ไม่ได้เงินมาก อะไร มีเงินเก็บจากการเป็นอาจารย์สอนหนังสือไม่กี่บาทเท่านั้น  ส่วนแกนนำทั่วประเทศ ก็ทราบแต่ละคนก็นำเงินส่วนตัวมาใช้จ่าย แต่ละคนก็หมดเงินไปมาก บางรายเกือบล้านบาทก็มี” นายจรัลกล่าว

นายจรัล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าจะมีอย่างช้าที่สุดไม่น่าจะเกินวันพรุ่งนี้ ส่วนการเจรจาที่เกิดขึ้น หากรัฐบาล ยอมรับข้อเสนอเรื่องการหยุดยิง และถอดกำลังออกไป ก็มีการเตรียมการไว้หลายเรื่องแล้ว และน่าจะเป็นทางออกสำหรับประเทศไทย ในการยุติความรุนแรง และนำประเทศไปสู่สันติ

ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร แต่แกนนปช. กำลังพยายามที่จะเจรจาอยู่ ทั้งกับตัวแทนรัฐบาล หรือแม้กระทั่งคนในกองทัพเอง ซึ่งเรื่องของกองทัพ ก็เป็นภารกิจส่วนหนึ่งที่นายวีระ สมความคิด กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งหากรัฐบาลสั่งหยุดยิงเมื่อไร แกนนำ ก็จะเรียกตัวผู้ชุมนุมต้องจุดที่มีการปะทะกลับมาร่วมตัวที่สี่แยกราชประสงค์ ทันที ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลไม่กล้าที่จะใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม ก่อนหน้านี้ ก็มาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ อาทิ ทหารไม่ต้องการที่จะใช้กำลังมาสลายการชุมนุม ความเกรงกลัวเรื่องกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย และที่สำคัญบริเวณนี้เป็นย่านธุรกิจมีห้างร้านสำคัญจำนวนมาก หากมีการสลายอาจจะถูกเผาทำลายได้ รัฐบาลจึงไม่กล้าที่จะสูญเสีย และหันไปใช้วิธีการสไนเปอร์ ยิงประชาชน ซึ่งได้ผลดีมากกว่า เพราะทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนกลัว ไม่กล้าที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุมเหมือนเดิม


"จรัล"ยอมรับการชุมนุมรับเงิน "ทักษิณ-สุดารัตน์"

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

     นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศอฉ.สั่งระงับการทำธุรกรรมการเงิน และทรัพย์สิน ของบุคคลและนิติบุคคล 106 รายว่า ทราบแล้ว คิดว่าเป็นความต้องการของรัฐบาลที่จะตัดท่อน้ำเลี้ยงการชุมนุม แต่ไม่วิตกอะไร เพราะยังมีเงินบริจาคแต่ละวันจากบุคคลทั่วไป และการสนับสนุนเงินที่ผ่านมาก็ไม่ได้มากถึงหลักล้านบาท น่าจะแค่หลักหมื่นหรือแสนบาทเท่านั้น การดำเนินการของ ศอฉ.ดังกล่าวแม้จะมีอำนาจ พรก.ฉุกเฉินรองรับ เมื่อมีการประกาศยกเลิกพรก.ฉุกเฉินอำนาจนี้ก็จะหมดไป แต่น่าจะเป็นการกระทำที่เกินอำนาจ ละเมิดสิทธิบุคคลด้านทรัพย์สิน ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือร่วมกับแกนนำ นปช.หลายคน เห็นร่วมกันที่จะนำพรก.ฉุกเฉินมาศึกษาในรายละเอียด หากมีช่องอุทธรณ์คำสั่งได้ก็จะดำเนินการทันที
    นายจรัล กล่าวยอมรับว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากหลายฝ่าย ทั้งนักธุรกิจ อดีตนักการเมืองอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือแม้แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ ส่วนจะให้มากน้อยเท่าไรนั้นไม่ทราบ เพราะการชุมนุมมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง ขนาดตนเองยังต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างการ์ด หนึ่งคน หรือให้การสนับสนุนนักศึกษาที่เข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งก็ไม่ได้เงินมากอะไร มีเงินเก็บจากการเป็นอาจารย์สอนหนังสือไม่กี่บาทเท่านั้น ส่วนแกนนำทั่วประเทศ ก็ทราบแต่ละคนก็นำเงินส่วนตัวมาใช้จ่าย แต่ละคนก็หมดเงินไปมาก บางรายเกือบล้านบาทก็มี

 

view