สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ตามกระแส เสธ.ไก่อู ไปสู้ความเสียวในค่ายทหาร

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ปืนชนิดต่างๆใน พิพิธภัณฑ์กองทัพบก
       แม้เวลานี้จะมีสาวๆหลายคน ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวแก่ แม่หม้าย สาวโสด สาวไม่โสด และสาวเทียม พยายามเจาะเขตความเป็นทหารบุกเข้าไปยึดพื้นที่ในหัวใจของ"เสธ.ไก่ อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ชายหนุ่มผู้ฮอตฮิตจากสถานการณ์นำความสงบกับคืนสู่ประเทศไทย
       
       แต่ในความเป็นจริงคนทั่วไปรับรู้กันมาช้านานว่า “เขตทหาร ห้ามเข้า”!!!
       

       แต่นั่นก็ไม่ใช่เขตทหารจะห้ามเข้าไปเสียทุกแห่ง เพราะปัจจุบันนโยบายทหารยุคใหม่เขาหันมาเป็นมิตรกับประชาชนมากขึ้น ดังนั้นเขตทหารหลายแห่งจึงปรับเปลี่ยนจากเขตทหารห้ามเข้ามาเป็น “เขต ทหารยินดีต้อนรับ” ด้วยการเปิดพื้นที่ในเขตค่ายทหาร ให้ประชาชนภายนอกได้เข้าไปท่องเที่ยวทำกิจกรรมผจญภัยอันตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมรับรู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของทหารหาญผู้สละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
       
       และนั่นจึงเป็นที่มาของการเดินทางไปผจญภัย ท้าทายความหวาดเสียวในค่ายทหารของ“ตะลอนเที่ยว”ในทริปนี้ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางหลักอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
       
       อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการปูพื้น ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) และสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวทหารบก ผู้เป็นโตโผหลักในการเดินทางครั้งนี้ ได้พาเราไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ(ทบ.) กันก่อน

ข้าวของเครื่องใช้ใน พิพิธภัณฑ์กองทัพบก
       พิพิธภัณฑ์กองทัพบกฯ ตั้งอยู่ในกองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก ได้รับการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2539 โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเป็นวันแรก ในวันที่ 9 มิ.ย. ปีเดียวกัน ซึ่งตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีพอดี
       
       ภายในพิพิธภัณฑ์กองทัพบกแบ่งส่วนจัดแสดงเป็นห้องต่างๆ มีห้องน่าสนใจ อาทิ ห้องธงและเครื่องมือเครื่องใช้ทางทหาร จัดแสดงธงชัยเฉลิมพลและเครื่องมือเครื่องใช้ทางการทหารต่างๆ ห้องพระบารมีปกเกล้า ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 พร้อมด้วยภาพผบ.ทบ.ในแต่ละยุคสมัย
       
       ห้องอาวุธ มีอาวุธสงครามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงสมัยสงครามเวียดนามให้ชมกัน ห้องจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นการจำลองวีรกรรมการรบตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน พร้อมด้วยการจัดแสดงอาวุธในสมัยโบราณ ห้องเครื่องแบบและเครื่องหมายทหาร จัดแสดงเครื่องแบบที่ใช้ในกองทัพบกตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน

อนุสาวรีย์ของเจ้า พระยาสุรสีห์
       หลังรับรู้เรื่องราวน่าสนใจบางส่วนของทหารหาญกันพอหอมปากหอมคอเราก็ ออกเดินทางไปยัง กองพลทหารราบที่ 9 หรือ "ค่ายสุรสีห์" ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระยับตับแล่บ
       
       ค่ายสุรสีห์เดิมชื่อค่ายกาญจนบุรี ต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2533กองทัพบกได้มีประกาศขอพระราชทานเปลี่ยนนามค่ายใหม่มาเป็น "ค่ายสุรสีห์" อันเนื่องมาจากสถานที่ตั้งเคยเป็นสมรภูมิสงครามทุ่งลาดหญ้าในสงครามเก้า ทัพ(พ.ศ.2328)มาก่อน โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 1(เจ้าพระยาสุรสีห์)เป็นแม่ทัพ นำการรบแตกหักมีชัยชนะแก่ข้าศึกอย่างสมบูรณ์ ณ พื้นที่แห่งนี้
       
       ด้วยเหตุนี้ทางค่ายจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ของเจ้าพระยาสุรสีห์ขึ้น เพื่อสดุดีวีรกรรมของท่านและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารในค่ายแห่งนี้

ตื่นเต้นไปกับการผจญ ภัยในค่ายสุรสีห์
       เมื่อมาถึงเราจึงตรงดิ่งไปสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาสุรสีห์เอาฤกษ์ เอาชัยก่อนจะไปเปิดประเดิมความตื่นเต้นกันด้วยการกระโดดหอในระดับความสูง 34 ฟุต ที่ถือเป็นความสูงในระดับความเสียวสูงสุดในความรู้สึกของมนุษย์(ตามทฤษฎี) เพราะถ้าสูงกว่านี้หรือต่ำกว่านี้ก็จะไม่รู้สึกน่าหวาดหวั่นเท่านี้ นั่นจึงทำให้เพื่อนร่วมทริปบางคนเมื่อขึ้นไปยืนบนจุดกระโดดหอถึงกับขาสั่น พั่บๆกันเลยทีเดียว
       
       สำหรับวิธีการกระโดดหอที่ดีคือต้องเก็บคอแล้วกระโดดลงมา แล้ววินาทีวัดใจก็มาถึงเมื่อเราต้องกระโดดลงมา ที่หลังจากตั้งตัวได้มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังบินได้ ซึ่งก็ทำให้เราสามารถฆ่าความกลัวในหัวใจ ชนะใจตัวเองและกล้าที่จะตัดสินใจที่จะโดดลงมาจากหอได้ ต่อจากนั้นก็เป็นการข้ามลำน้ำด้วยเลื่อน ซึ่งให้ความสนุกสนานตื่นเต้นไม่แพ้กัน

สาวน้อยโรยตัวท่าม กลางกองเชียร์
       ส่วนกิจกรรมต่อมาก็คือ การโรยตัว โดยมีอุปกรณ์ล๊อคเอวล๊อคขาแบบสำเร็จรูปและสแนปลิงค์ จากนั้นจึงค่อยๆโรยตัวปล่อยลงมา โดยให้มือซ้ายจับเชือกหลวมๆมือขวาอยู่ที่สะโพกคอยบังคับมาจะไปหรือหยุดถ้าไป ก็ปล่อยมือให้หลวมถ้าหยุดก็กำเชือกให้แน่นๆ ท่ามกลางการดูแลของครูฝึกและการเอาใจช่วยลุ้นระทึกของกองเชียร์

อุปกรณ์ดำรงชีพในป่า
       นอกจากกิจกรรมชวนตื่นเต้นหวาดเสียวแล้ว ทางค่ายสุรสีห์ยังมีกิจกรรมน่าสนใจอย่าง การดำรงชีพในป่า ที่พี่ทหารมาสอนให้รู้จักวิธีการประกอบอาหารรับประทานเองในป่าด้วยกระบอกไม่ ไผ่ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างว่า อะไรในป่าที่กินได้บ้าง
       
       โดยวิธีการประกอบอาหารด้วยกระบอกไม้ไผ่เราสามารถทำได้ทั้งต้ม ทั้งหุง ถ้าเป็นการหุงข้าวให้ใส่ข้าว 1 ส่วน น้ำ 3 ส่วน แล้วเอนกระบอกให้ข้าวกระจายไปทั่วๆ กระบอกจะทำให้ข้าวสุกอย่างทั่วถึง และข้าวจากกระบอกไม้ไผ่นี้จะมีความหอมกว่าข้าวที่หุงแบบปกติ และที่สำคัญคนทำจะรู้สึกภูมิใจว่าเราทำได้

ทหารสาธิตวิธีการจับ งู
       ส่วนการสอนวิธีการดำรงชีพในป่าอื่นๆก็มี วิธีการหาน้ำกินจากสิ่งต่างๆ การกินน้ำจากเถาวัลย์ การกินน้ำจากเต่า วิธีการหาอาหาร เลือกอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ อุปกรณ์ล่าสัตว์ และรู้จักสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่างๆ รวมถึงสอนวิธีจับงูอันชวนระทึกใจ โดยสอนให้ดูลักษณะความแตกต่างของงูชนิดต่างๆ ว่าชนิดไหนมีพิษชนิดไหนไม่มีพิษ อย่างเช่น งูเห่ามี 2 ประเภท คือแบบกัดแล้วปล่อยพิษ และงูเห่าแบบพ่นพิษได้ในระยะทั้งใกล้และไกล

การโรยตัวอย่างมือ อาชีพของทหาร
       นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมการการเดินป่ากลางคืน ที่เวลาเจอสัตว์ร้ายควรทำอย่างไร เพราะป่าในตอนกลางคืนนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ทั้งมืด ทั้งเงียบ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีสติไม่ประมาท ช่างสังเกตุ มีความสามัคคีและเชื่อใจเพื่อนร่วมทางก็จะทำให้การเดินทางในป่าตอนกลางคืน ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย
       
       และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการท่องเที่ยวในค่ายสุรสีห์ที่นอก เหนือไปจากที่เล่ามา ค่ายสุรสีห์ยังมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การขี่จักรยานเสือภูเขา การยิงเป้าหุ่นล้มลุก การยิงปืน การยิงปืน การเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึกเวียดนาม

เมืองหงสาวดี กองถ่ายพระนเรศวร
       ส่วนที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ กิจกรรมท่องกองถ่าย“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”ของท่านมุ้ยหม่อมเจ้าชาตรี เฉลิม ยุคล ที่หลายคนกำลังรอภาค 3 อย่างใจจดจดจ่อ
       
       กองถ่ายหนังแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่าง มาก ในกองถ่ายมีฉากต่างๆที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ให้เลือกเที่ยวกัน โดยมีเจ้าหน้าที่กองถ่ายนำชม ซึ่งสถานที่เด่นๆก็มี วัดมหาเถรคันฉ่อง เมืองหงสาวดี เมืองอโยธยา และท้องพระโรงหงสาวดี

ท้องพระโรงหงสาวดี กองถ่ายพระนเรศวร
       สำหรับสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือเป็นเสน่ห์ความน่าสนใจในค่ายสุรสีห์ ที่หากใครได้ไปสัมผัสแล้วจะรู้ว่า นอกจากความตื่นเต้นสนุกสนานแล้ว การเที่ยวในค่ายทหารยังช่วยกระตุ้นจิตสำนึกของเราให้รู้ว่า เหล่าทหารหาญนับจากอดีตถึงปัจจุบันได้เสียสละชีวิต เลือดเนื้อ เพื่อปกปักรักษาอธิปไตย ทำให้คนไทยมีชาติไทยมาจนถึงทุกวันนี้


      
       
พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ในกองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร กทม. เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเป็นหมู่คณะทุกวันเวลาราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้สนใจสามารถหนังสือผ่านกรมยุทธการทหารบก ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน โดยประสานรายละเอียดที่ โทร.0-2297-7380
       
       ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ตั้งอยู่ที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้สนใจกิจกรรมท่องเที่ยวในค่ายทหาร สามารถติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวกองทัพบก โทร.0-2297-5904,0-2282-6835,0-2297-5831
       
       กองถ่ายทำภาพยนตร์“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”ตั้งอยู่ในค่ายสุ รสีห์ ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3453-2057-8

view