จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ใครก็อยากผิวสวย ไม่ดำคล้ำเป็นเนื้อแดดเดียว สาวชาวนายังคว้าผ้าขาวม้าพ่อมาคลุมหน้าสวมงอบ สาวกรุงคลุมกายด้วยครีมกันแดด อย่าว่าแต่สาวออฟฟิศเลย

เมื่อเกิดมาใช้ชีวิตอยู่กับประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเพียง 13 องศาเหนือ มันคงเลี่ยงหลบแดดไม่พ้น พญ.ดวงกมล ทัศนพงศากุล อายุรแพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลเวชธานี เฉพาะเจาะจงพลังแดดแรงฤทธิ์ช่วง 10.00 น -16.00 น. เป็นจังหวะที่ควรหลีกเลี่ยง

 ในความเป็นจริง คนเราเลี่ยงแดดได้ยากยิ่งกว่าเลี่ยงจ่ายภาษี ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทาทุกวัน แม้จะอยู่ในห้องเพราะแสงแดดสามารถสะท้อนเข้ามาทางหน้าต่าง ซ้ำยังโดนรังสียูวีจากหน้าจอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือหลอดไฟภายในห้องพ่นใส่ไม่รู้ตัว ครีมกันแดดจึงเป็นของพกติดตัวเหมือนบัตรพนักงาน

 ยามต้องออกไปติดต่องานนอกสำนักงาน ควรทาครีมกันแดดรอท่าไว้อย่างน้อย  30 นาที   การทาครีมกันแดดให้ได้ผลดีควรทาให้เพียงพอ ไม่บางหรือหนาจนเกินไป

 สำหรับการเลือกใช้ครีมกันแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีความคงตัวสูงไม่ว่าจะโดนน้ำ  หรือเหงื่อ ไม่เหนียวเหนอะหนะ

    โดยทั่วไปสำหรับคนที่อยู่ในอาคาร  ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) ประมาณ 15 แต่ถ้าต้องออกไปโดนแสงแดดจัด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพี เอฟประมาณ 30 จะได้ผลลัพธ์กว่า 

 นอกจากแสงแดด อากาศร้อนยังส่งผลต่อผิวพรรณ ปัญหาสุขภาพผิวในหน้าร้อนที่มักพบบ่อย คือ ผื่นผิวหนังอักเสบที่ต่อมไขมัน, ภูมิแพ้ผิวหนัง  และผื่นภูมิแพ้

 ผื่นผิวหนังอักเสบที่ต่อมไขมัน จะทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นขุย ขณะที่ภูมิแพ้ผิวหนังและผื่นภูมิแพ้ จะมีผื่นแดงพร้อมอาการคัน โรคผิวหนังเหล่านี้  อายุรแพทย์ผิวหนังชี้ว่า ไม่ได้เกิดเฉพาะหน้าร้อน แต่สามารถพบได้ในกรณีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนจัดหรือหนาวจัด  ผู้ที่มีอาการของโรคทางผิวหนัง จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย รักษาและให้ยาที่เหมาะสมกับอาการ ไม่ควรไปซื้อยามาทาหรือกินเอง

 ถึงจะร้อนตับแลบ แต่พอกลับถึงบ้านหนุ่มสาวหลายคนติดนิสัยอาบน้ำอุ่น พลอยทำให้ผิวหนังแห้งตึง อาบนำเสร็จหยิบแป้งมาโรยคลายร้อน ลดความเหนอะหนะจากเหงื่อ โดยไม่รู้ว่า ยิ่งทำให้ผิวหนังแห้งไปใหญ่ จะเหมาะกว่าหากเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีคำว่า Hypoallergenic (ทำให้เกิดการแพ้ได้น้อย) หรือ  Noncomedogenic (มีสารสกัดที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ลดเสี่ยงการเกิดสิว)

 สำหรับคนที่อยากให้หน้าดูขาวสดใส นอกจากการทาครีมกันแดดอยู่เป็นประจำแล้ว  การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

 ส่วนเทคโนโลยีไอพีแอล (IPL: Intense Pulse Light ) เป็นที่พึ่งเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ เป็นเทคโนโลยีความงามโดยการใช้คลื่นแสงธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวสวยใส ดูอ่อนวัย คืนความเนียนใสให้กับใบหน้า ลบเลือนจุดด่างดำ ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ พร้อมกับการทำลายเฉพาะเม็ดสีส่วนเกินในชั้นหนังกำพร้า ไม่มีอาการเจ็บและไม่ทำให้เกิดแผล หลังการรักษายังสามารถแต่งหน้าได้
 
         ส่วนไมโครพีล (Micropeel) เป็นการปรับสภาพและฟื้นฟูผิวพรรณด้วยผงคริสตัลขนาดเล็ก ขัดนวดเบาๆ เพื่อขจัดผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกอย่าง อ่อนโยน ทำให้ผิวนุ่มเนียน และกระจ่างใสขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่สดใส โดยไม่ทำให้เกิดแผล สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น และยัง ปลอดภัยแม้แต่สภาพผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย สามารถใช้รักษารอยหลุม รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิว ลดริ้วรอยตื้นๆ ลบเลือนรอยแตกลายที่หน้าท้อง สะโพก และต้นขา อีกทั้งยัง ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน  มีสีผิวที่สม่ำเสมอ
 
  สำหรับ เอเอชเอทรีทเมนต์ (AHA Treatment) เป็นการปรับสภาพผิวโดยใช้กรดผลไม้เอเอชเอ (Alphahydroxy Acid) ซึ่งสกัดจากผลไม้ในธรรมชาติ โดยสารเอเอชเอจะ ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ เกิดการหลุดออกได้เร็ว ทำให้ความหมองคล้ำ และริ้วรอยจุดดำต่างๆ จางหายไป และยังมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ที่ทำให้ ผิวพรรณเต่งตึงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยให้ความมันของผิวหน้าลดลง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวมัน

 สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณตามวิถีธรรมชาติ อายุรแพทย์ผิวหนังแนะนำให้รับประมานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็ ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมให้ยุ่งยาก เปลืองงบประมาณอีกต่อไป