จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ L&S Hub

โดย สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย



ใน ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานในทุกธุรกิจ ก่อให้เกิดศักยภาพการแข่งขันและสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในเวทีการค้า โลก ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ ผู้ประกอบการจะต้องติดตามและเรียนรู้เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำ มาประยุกต์ใช้งานอย่างเหมาะสมกับธุรกิจ ของตน

เทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) นับเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงพาณิชย์ การบริการ และในอุตสาหกรรม เป็นเทคโนโลยีที่สามารถบ่งชี้ หรือระบุตัวสินค้า รวมทั้งติดตามและตรวจสอบย้อนกลับมาหาแหล่งที่มาของสินค้าได้ตลอดทั้งซัพพลาย เชน ไม่ว่าจะเป็น ณ จุดขายจุดกระจายสินค้า หรือการขนส่งโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเทคโนโลยี RFID เป็นการระบุหน่วยสินค้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ โดยเครื่องอ่าน (reader) จะส่งสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุ (RF, Radio Frequency) ไปยัง RFID tag ซึ่งภายในมีไมโครชิปที่บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วยสินค้า เช่น เลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, วันเดือนปีที่ผลิต หรือ Batch/Lot Number จากนั้น RFID tag จะสะท้อนคลื่นความถี่วิทยุกลับมายังเครื่องอ่าน พร้อมทั้งข้อมูลที่บรรจุอยู่ภายในไมโครชิป ทำให้ทราบว่าหน่วยสินค้านั้นคืออะไร

ความสามารถในการระบุตัวสินค้า ของเทคโนโลยี RFID มีด้วยกันหลายประการ เช่น

- สามารถอ่านข้อมูลของสินค้าได้ในระยะไกล

- สามารถอ่านข้อมูลสินค้าได้ในทุกทิศทางที่อยู่ในรัศมีสัญญาณ

- สามารถอ่านข้อมูลของสินค้าได้อย่างรวดเร็วพร้อมกันครั้งละหลายชิ้น

- สามารถบันทึกข้อมูลได้ปริมาณมาก

RFID tag ภายในจะประกอบด้วย IC ship ทำหน้าที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้า เช่น เลขหมาย EPC, วันเดือนปีที่ผลิต หรือ Batch/Lot Number และ Antanna ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุ

เทคโนโลยีมาตรฐานสากล EPC/RFID คือการใช้งานเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification) ร่วมกับเลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (EPC, Electronic Product Code) ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ในการกำหนดเลขรหัสให้กับสินค้าที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Auto-ID Center เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้การกำหนดเลขรหัสเพื่อบ่งชี้สินค้าแต่ละหน่วย แต่ละชิ้นมีความแตกต่างกัน

มาตรฐาน EPC จะมีลักษณะการนำไปใช้งานได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด เพราะ EPC จะมีโครงสร้างเลขรหัสที่มีจำนวนตัวเลขมากกว่า จึงสามารถนำไปกำหนดให้กับสินค้าทุกชิ้นที่มีเลขรหัสต่างกันทั้งหมดได้ ทำให้สินค้าชนิดเดียวกันที่มีวันผลิตและ วันหมดอายุต่างกัน จะมีเลขรหัสที่ต่างกัน เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่ง ที่เห็นได้ชัดเจนคือความสะดวกรวดเร็วในการบ่งชี้สินค้า, ความสามารถในการอ่านข้อมูลครั้งละมาก ๆ, มีระยะทางและรัศมีในการบ่งชี้สินค้าที่ไกลกว่าการสแกนบาร์โค้ดแบบเดิม ดังนั้น เทคโนโลยี EPC/RFID จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้งานอย่างหลากหลายในปัจจุบัน โดยเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งเทคโนโลยี EPC/RFID สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการผลิตภายในองค์กร และการสื่อสารข้อมูลระหว่างองค์กรเป็นอย่างดี

สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นนายทะเบียนในการออกเลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (EPC) ในประเทศไทยถือเป็นองค์กรหนึ่งที่ส่งเสริมและสนับสนุนในการนำเทคโนโลยี มาตรฐานสากล EPC/RFID ไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร จัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของประเทศไทย