คืบหน้าไปอีกระดับต่อความพยายามของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในการเดินแผน ปรองดองเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย
จาก โพสต์ทูเดย์
โดย ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
คืบหน้าไปอีกระดับต่อความพยายามของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในการเดินแผนปรองดอง เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ล่าสุดวานนี้ อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงนามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการปฏิรูป พ.ศ.2553 ซึ่งระเบียบดังกล่าวจะรองรับการทำงานของคณะกรรมการปฏิรูป ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ เป็นประธาน และยังรองรับการทำงานสมัชชาเพื่อการปฏิรูปที่มีนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นประธาน
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ที่น่าสนใจ ระเบียบสำนักนายกฯ ให้คำนิยาม การปฏิรูป ครอบจักรวาลทีเดียว โดยระบุว่า “ การปฏิรูป” หมายความว่า การใดๆ ที่กระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเชิงระบบและโครงสร้าง ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบคุณค่าของสังคม ระบบการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ระบบภาษีและการเงินการคลัง ระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ระบบยุติธรรม ระบบการเมืองและการจัดการภาครัฐ ระบบการสื่อสาร ระบบสุขภาพ ระบบสวัสดิการสังคมและระบบอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มสุขภาวะ ความเข้มแข็ง และความเป็นธรรมในสังคม
ขณะที่ นิยาม “สมัชชาปฏิรูป” หมายความว่า กระบวนการทางสังคมที่ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชนและชุมชน ภาคธุรกิจ ภาควิชาการ และภาครัฐ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างหลากหลายและกว้างขวาง บนฐานของปัญญา ความรู้ และความสมานฉันท์ โดยมีการจัดกระบวนการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การมีข้อเสนอเชิงนโยบายให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปปฎิบัติหรือนำไป พิจารณากำหนดเป็นนโยบายสาธารณะสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย นำไปปฏิบัติหรือนำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบายสาธารระสำหรับการปฏิรูปประเทศ
ระเบียบฉบับนี้ยังนำไปใช้สำหรับ การตั้งสำนักงานปฏิรูป การกำหนดที่มา คุณสมบัติผู้อำนวยการสำนักงาน และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป
สำหรับอำนาจหน้าที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ มีดังนี้ 1.กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ และกระบวนการต่างๆเกี่ยวกับการปฏิรูป 2. จัดทำข้อยุติและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปเสนอต่อสาธารณชนและภาครัฐ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง 3. ประสานงานกับคณะกรรมการสมัชชา ในการให้ได้มาซึ่งข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสาธารณชนเกี่ยวกับการปฏิรูป 4. ประสายงานกับคณะกรรมการสมัชขา ในการสนับสนุน ติดตาม ผลักดันการขับเคลื่อนของสาธารณชน และภาครัฐต่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม 5. แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะประเด็นหรือเฉพาะด้าน คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์มอบหมาย
ขณะที่อำนาจหน่าที่ของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป มีดังนี้ 1. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับ เคลื่อนเพื่อการปฏิรูป ตลอดจนสนับสนุนการสื่อสารทางสังคมเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้ เข้าใจ และเข้าร่วมในการปฏิรูปอย่างกว้างขวาง 2. ประสานงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อดำเนินการให้ไดด้มาซึ่งข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของสาธารณชน และภาครัฐเกี่ยวกับการปฏิรูป 3. จัดให้มีสมัชชาปฏิรูประดับชาติ และสนับสนุนให้มีการจัดให้มีสมัชชาปฏิรูปเชิงประเด็น และเชิงพื้นที่ ตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย 4. ประสานการดำเนินงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ในการสนับสนุน ติดตามผลักดันการขับเคลื่อนของสาธารณชนและภาครัฐต่อการปฏิรูปประเทศไทยให้ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และ 5. แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะประเด็นหรือเฉพาะด้าน คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการ สมัชชามอบหมาย
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯที่นายอานันท์ คุมบังเหียน หรือคณะกรรมการสมัชชาฯ ของนพ.ประเวศ ยังได้ถูกขีดเส้นตายการทำงานไว้ตามระเบียบนี้ในหมวด 4 บททั่วไป ให้คณะกรรมการทุกชุดและสำนักงานยุบเลิกไปภายในเวลาไม่เกิน 3 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลไฟเขียวงบประมาณหมวดอุดหนุนทั่วไป ประเดิมการทำงาน 200 ล้านต่อปี หากทำงาน 3 ปีตามระเบียบนี้ ต้องทุ่มทุนสร้างถึง 600 ล้านบาท เพื่อสร้างความฝันปฏิรูปประเทศให้เป็นจริง