จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ HR Conner
โดย โจนาธาน ฮอร์นบี้ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทแซส
มีคำถามว่าในปัจจุบันนี้หากพิจารณาถึงภาค ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งแล้วจะมองเห็นสิ่งใด
คำตอบคือผู้คนส่วนใหญ่และ ธุรกิจทั้งหลายต่างกำลังมองหาโอกาส แต่จะเป็นโอกาสประเภทไหนยังเป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ อาจจะเป็นการลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ หุ้นที่ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง พันธมิตรทางกลยุทธ์ก็เป็นได้
ทว่า สิ่งที่ได้ยินกันอย่างแพร่หลายเมื่อไม่นานมานี้ คือ องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ต่างกำลังรอคอยจังหวะที่เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ประธานคณะกรรมการบริหารฝ่ายเทคโนโลยีของธุรกิจค้าปลีกแห่ง หนึ่งสรุปความได้ดีมากในงานประชุมครั้งหนึ่งของแซส จากคำพูดของเขาที่กล่าวว่า
"เราไม่ต้องการที่จะผ่านสถานการณ์นี้ไป อย่างยากลำบากและถูกแขวนไว้ด้วยปลายนิ้วของเราเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ขึ้น แต่เราต้องการเข้มแข็งขึ้นมากกว่า"
การคิดแบบระยะยาวนี้ได้ทำ ให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธุรกิจค้าปลีกรายนี้เฝ้าสังเกตการซื้อ อสังหาริมทรัพย์ในอัตราที่ต่ำ แล้วกว้านซื้อเครื่องมือระดับสูงในขณะที่ราคายังต่ำอยู่
แล้วผู้ ประกอบการรายอื่นจะสามารถหากลยุทธ์แบบระยะยาวที่เหมาะกับธุรกิจของตัวเองได้ อย่างไร
วันนี้ลองพิจารณาแนวคิด 11 ข้อนี้
1.จดจำไว้ว่า การตกต่ำทางเศรษฐกิจทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
คาร์ล ชแรมม์ นักเศรษฐศาสตร์เคยกล่าวไว้ว่า การตกต่ำทางเศรษฐกิจเป็นส่วนหนึ่งของวงจรที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เหตุการณ์นี้จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นและบังคับให้เราจดจ่ออยู่กับพลังความ เข้มแข็งนี้ มันอาจจะเป็นการอยู่รอดของคนที่เก่งที่สุด แต่ก็ไม่สายเกินไปที่ผู้ประกอบการรายใดจะจัดการสะสางแก้ไขปัญหาของตนเอง
2.ระวัง ผลลัพธ์ที่ร่วงลงอย่างมาก
โจเอล บาร์เกอร์ ผู้ทำนายอนาคตและนักเขียนได้เตือนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ ตั้งใจ เมื่อแผนหรือความคิดสร้างสรรค์ได้ถูกดำเนินการ และท่านได้รับผลกระทบจากระลอกคลื่นของผลที่บางครั้งอาจจะดี ขณะที่บางครั้งอาจจะแย่ โชคร้ายที่องค์กรธุรกิจเพียงไม่กี่แห่งที่พิจารณาผลกระทบจากระลอกคลื่นนี้ ไว้ล่วงหน้า การตัดสินใจที่ทำให้เกิดผลเชิงบวกในครั้งแรก อาจจะเป็นตัวการที่นำไปสู่ผลเชิงลบได้ในเหตุการณ์ครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ได้
3.ทำความเข้าใจว่าสิ่งใดที่สร้างมูลค่าได้
เป็นที่น่า ตกใจ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำหรือไม่ องค์กรธุรกิจจำนวนมากทำนายกำไร ของปีก่อนหน้าไป 400% โดยไม่ตระหนักถึงมัน นายปีเตอร์ เทอร์นีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคอสต์ เทคโนโลยี แนะนำให้ใช้เทคนิคการบริหารเชิงกิจกรรมในการจดจำว่ากิจกรรมใดของธุรกิจและ ลูกค้ารายใดเป็นสาเหตุให้เกิดการรั่วไหลออก ที่สุดเมื่อรับรู้แล้วให้รีบปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดี ที่สุด
4.ปรับการผลิต
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่มความ สามารถในการผลิต นายทอร์ ดาห์ล ระบุว่า มีเพียง 8% เท่านั้นของสิ่งที่เราทำในงานจะสมบูรณ์แบบตามมุมมองของความมีประสิทธิภาพ อย่างที่ดาห์ลได้กล่าวมีสิ่ง ต่าง ๆ มากมายอยู่ตรงกลางระหว่างเราและจุดมุ่งหมายของเรา ให้นำสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้วท่านจะมีเวลามากขึ้นที่จะเน้นไปในการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ ๆ เริ่มต้นจากการถามคำถามง่าย ๆ ว่า
ฉันกำลังทำอะไรที่ไม่ มีใครในองค์กรนี้ควรทำ ?
5.สร้างกลยุทธ์
นายการ์เบอร์ จอร์จ เบิร์ท แนะนำให้องค์กรธุรกิจลองทำในสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เคยปฏิบัติกันอยู่ และจากนั้นลองชักชวนให้เกิดกลยุทธ์ที่แตกต่างที่มีค่าใช้จ่ายต่ำไปพร้อม ๆ กัน เมื่อท่านได้ทำอย่างถูกต้อง ท่านจะหลุดพ้นจากทะเลเลือดสีแดงแห่งการแข่งขันไปสู่โอกาสแห่งทะเลสีฟ้าคราม ที่ แสนสงบหรือบลูโอเชี่ยน
6.สร้างสรรค์นวัตกรรมให้รวดเร็ว
นาย โจแอล บาร์เกอร์ กล่าวว่า ท่านสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เร็วขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลงและเสี่ยงน้อยลงโดยการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำ หน้า การจะทำสิ่งนี้ได้จะต้องรวมสองสิ่งที่แตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อที่จะสร้างการ นำเสนอสิ่งใหม่อย่างสมบูรณ์และตรงกับความต้องการที่แท้จริง
7.สร้าง สรรค์สิ่งใหม่อย่างสม่ำเสมอ
ไม่มีนวัตกรรมใดที่จะเป็นสิ่งใหม่ไป ตลอดกาล เป็นคำกล่าวของนักเขียนและที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างนายจีออฟฟรีย์ มัวร์ ท่านต้องเข้าใจวงจรชีวิตของนวัตกรรม สิ่งนี้เริ่มต้นด้วยการกำหนดขอบเขตของ ส่วนหลักและบริบทของตัวบริษัท แล้วมุ่งเน้นถึงวิธีการที่จะทำให้ท่านหมุนเวียนทรัพยากรจากการสร้างสรรค์มา ใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหลักนี้คือสิ่งที่สร้างให้บริษัทแตกต่างอย่างแท้จริง
8.ทำ ตัวให้พิเศษกว่าองค์กรอื่น
นายเควิน เฟรเบิร์ก ได้ค้นพบว่าคนธรรมดาสามารถประสบผลสำเร็จที่พิเศษสุดได้ เริ่มต้นด้วยการสร้างวัฒนธรรมในการกระตุ้นพนักงานให้ทำในสิ่งที่เหมาะกับ ลูกค้า
สำหรับพนักงานคนหนึ่งในเว็กแมนส์ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความท้าทายบนสิ่งซึ่งเขานำเสนอออกไป
9.ทำ ทุกอย่างให้ง่าย
นักเขียน เช่น นายมาร์ค ธอมป์สัม สนับสนุนให้ท่านมองกลับไปที่พื้นฐานและให้บริการต่อลูกค้าในสิ่งที่พวกเขา ต้องการ เป็นการนำเสนออย่างง่าย ๆ ที่มากเกินกว่าความคาดหวัง ตัวอย่างเช่น แค่คลิกเดียวสามารถเข้าถึงกองทุนต่าง ๆ กว่า 1,000 รายการ หรือการบริการที่ดีเยี่ยมเป็นพิเศษสำหรับราคาที่ต้องจ่ายไป เมื่อตั้งความคาดหวังไว้แล้วต้องทำงานให้ได้เหนือความคาดหมายตลอดเวลา
10.มุ่ง เน้นที่ผลตอบแทนจากลูกค้า
ลูกค้าเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เป็นคำกล่าวของนายมาร์ธา โรเจอร์ส ผู้ร่วมก่อตั้งเปปเปอร์ แอนด์ โรเจอร์ส กรุ๊ป ถ้าท่านตั้งงบประมาณและตั้งรางวัลให้กับพนักงานบนพื้นฐานของคุณค่าแห่ง ลูกค้าในระยะยาวกล่าวคือ การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานรักษาลูกค้าให้อยู่ไปนาน ๆ คุณจะปกป้ององค์กรของคุณในวันนี้และสร้างอนาคตที่ดีเพื่อวันข้างหน้า
ธนาคาร สัญชาติแคนาดาแห่งหนึ่งนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับเรื่องเช็คที่ธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน แทนที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมลูกค้า "ดี" เพื่อให้มีรายได้ค่าธรรมเนียมตามเป้า พวกเขากลับส่งคำขอร้องถึงกันเองให้ฝากเงินเพิ่มขึ้นในกองทุนแทน ทำให้แนวโน้มที่ลูกค้าเหล่านั้นจะทำธุรกิจร่วมกับพวกเขาในอนาคตจึงพุ่งสูง ขึ้น
11.มุ่งสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้น
นายแกรี่ ฮูเวอร์ เจ้าของธุรกิจเขามีกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จ เริ่มจากความสนใจอยากรู้ของคนที่เป็นผู้นำ การศึกษาเรื่องราวในอดีต การไม่มองข้ามความคิดเล็ก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นแนวคิดใหม่ขึ้นมาจริง ๆ ได้ ถัดมาคือการมองไปที่ยุคเริ่มต้นของอุตสาหกรรมของคุณ และมองหาวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด ซึ่งกลายเป็นของที่ต้องจ่ายในราคาแพงเพื่อที่จะรักษาเอาไว้ในระหว่างยุค ทศวรรษที่ 60 และ 70 สุดท้ายคือเรื่องของเทคโนโลยี