สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ถึงเวลาพญามังกรหดตัว

จาก โพสต์ทูเดย์

ปัญหาเรื่องความร้อนแรงของสินทรัพย์ทั้งอสังหาริมทรัพย์และตลาด หุ้น จนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ ก็ยังเป็นประเด็นที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งต้องดำเนินการควบคุมอย่างต่อเนื่อง

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ประกาศการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ออกมาที่ 10.3% แม้จะเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่า 10% และย้ำให้เห็นถึงความร้อนแรงของเศรษฐกิจแดนมังกร ทว่าในขณะเดียวกันก็เป็นความร้อนแรงที่ “เริ่มชะลอตัวลง” ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และจากไตรมาสแรกของปีนี้ที่พุ่งไปถึง 11.9%

นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า รีบประกาศทันทีว่าจีดีพีที่หดตัวลงครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับบรรยากาศการลงทุนใน จีน ที่ยังปกติหรือยังคงร้อนแรงเหมือนเดิมทุกประการ ทว่าเป็นผลพวงของรัฐบาลเองที่ต้องควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจมังกรร้อนแรงจนเกินไป ซึ่งเห็นได้จากมาตรการต่างๆ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทั้งการคุมการปล่อยสินเชื่อใหม่ การลดมาตรการช่วยเหลือภาคการส่งออก และการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์

แม้จะเป็นเหตุผลที่เชื่อถือได้และสอดรับกันเป็นเหตุเป็นผล ทว่านักวิเคราะห์บางสำนักกลับเห็นเรื่องนี้ในมุมที่ต่างกันออกไป

เรื่องนี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “มังกรอ่อนตัว”...!

ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังคงมีการขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลก และเป็นที่ที่เงินทุนต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามามากที่สุดทั้งในแง่ของตลาดทุน และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทว่าการขยายตัวของจีดีพีกว่า 8% ติดต่อกันมานานหลายปี ก็ทำให้จีนเองเริ่มถึงทางตันในวันหนึ่ง อย่างเช่นวันนี้ ที่ต้องเบรกตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดฟองสบู่สินทรัพย์แตก และภาวะเงินเฟ้อรุมเร้า

หลี่ชานตง นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาในจีน กล่าวกับวอลสตรีต เจอร์นัล ว่า การเติบโตแบบที่ผ่านมาไม่สามารถคงอยู่ไปได้ตลอด จีนในวันนี้ถึงเวลาที่ต้องปรับตัวสู่อนาคตใหม่ โดยต้องลดสัดส่วนพึ่งพาภาคการส่งออกและสาธารณูปโภคพื้นฐาน และหันไปพึ่งพาเศรษฐกิจที่อิงกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมแทน ซึ่งแม้อาจจะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ไม่รวดเร็วเท่ากับในอดีต แต่จีนก็ไม่สามารถดำเนินรูปแบบเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมาได้อีก

“ไม่มีประเทศไหนที่เศรษฐกิจจะโตถึง 8–10% ไปได้ตลอด ในประวัติศาสตร์ทุกประเทศที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวของจีดีพีเช่นนี้จะต้องสิ้นสุดลงในวันใดวันหนึ่ง” ดไวท์ เพอร์กินส์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว และว่าโดยปกติแล้วการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างร้อนแรงของแต่ละประเทศ จะมีช่วงเวลามากสุดที่ราว 10 ปีเท่านั้น

รูปแบบของเศรษฐกิจแดนมังกรนั้น สามารถพุ่งทะยานได้อย่างร้อนแรงตลอด 30 ปีที่ผ่านมา จากการปฏิรูปตลาดและการเปิดตลาดเสรี และจีดีพีของจีนก็โตเหนือระดับ 9% มาตลอดนับตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมา หรือรวม 32 ปี

จึงไม่แปลกหากนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักจะเริ่ม “นับถอยหลัง” ถึงเศรษฐกิจที่อิ่มตัวจนถึง “วันถดถอย”

แม้จะไม่ใช่การดิ่งลงฉับพลันทันที แต่ก็จะค่อยๆ เติบโตลดน้อยลง ซึ่งบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วทั้ง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ หรือสหรัฐ ต่างก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้วทั้งสิ้น

32 ปีที่ผ่านมาแห่งนโยบายการเปิดตลาดของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน บวกกับความได้เปรียบเรื่องประชากร สภาพภูมิรัฐศาสตร์ และทรัพยากรธรรมชาตินั้น ทำให้จีนกลายเป็นโรงงานผลิตอันดับ 1 ของโลก และเป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ร้อนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่ซีกโลกตะวันตกเกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงิน และลุกลามสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของจีนในวันนี้ ซึ่งสั่งสมการเติบโตมานานถึงกว่า 30 ปี ก็เริ่มพบกับปัญหาหลายด้านที่มาพร้อมกับความมั่งคั่งในวันนี้ อาทิ ปัญหาค่าแรงต่ำที่ทำให้เกิดการสไตรก์ในโรงงานหลายแห่ง หลายประเทศจึงผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งใหม่ในเรื่องแรงงานราคาถูกแทน และทำให้จีนยิ่งเผชิญความท้าทายในการคงภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งต่อไป

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องความร้อนแรงของสินทรัพย์ทั้งอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น จนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ ก็ยังเป็นประเด็นที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งต้องดำเนินการควบคุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสี่ยงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในวันนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะตามเมืองใหญ่ อย่าง กรุงปักกิ่ง หรือนครเซี่ยงไฮ้ แต่ยังกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ อาทิ เกาะไหหลำ จึงเป็นที่มาของมาตรการควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจหลายด้าน และทำให้จีดีพีไตรมาส 2 เติบโตลดลงมา

ขณะที่ความได้เปรียบเรื่องประชากร ซึ่งทำให้จีนเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ก็เริ่มพบความตีบตันเช่นกัน โดยรายงานของสหประชาชาติ ได้ระบุเอาไว้ว่า เนื่องจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาล ทำให้จีนจะมีช่วงตลาดแรงงานพุ่งถึงขีดสุดในปี 2558 ก่อนจะเริ่มลดลงมาตามลำดับ ขณะที่ประชากรสูงวัยก็จะมีอายุเกษียณงานก่อนวัย 65 ปี

นอกจากนี้ ยังลืมไม่ได้เช่นกันถึงปัญหาด้านสังคม โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยที่สูงมากขึ้นทุกปีและมาพร้อมกับปัญหา สังคม ทางการจีนต้องเร่งยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เท่าเทียมกันมาก ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ารัฐบาลกรุงปักกิ่งจะไม่ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น วอลสตรีต เจอร์นัล ระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการจีนต่างก็ประสานเสียงถึงความจำเป็นที่ต้องมีการยก เครื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจในวันนี้ และต้องมีแผนการรองรับรูปแบบทางเศรษฐกิจใหม่ในอนาคต

เพราะประวัติศาสตร์ได้ตอกย้ำความจริงมาตลอดว่า ไม่มีใครครองความเป็นมหาอำนาจเบ็ดเสร็จไปได้ตลอด

Tags : ถึงเวลา พญามังกร หดตัว

view