จาก โพสต์ทูเดย์
นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2503 ที่สายการบินเที่ยวแรกของบริษัท การบินไทย ให้บริการกับนักเดินทาง ถึงวันนี้ก็มีอายุการดำเนินการมาถึง 50 ปีเต็ม
โดย......ทีมข่าวการเงิน
ในรอบครึ่งศตวรรษของการบินไทย ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างแสนสาหัส ผ่านจุดสูงสุด ถูกจัดเป็นสายการบินชั้นนำของโลกทั้งด้านการบริการและความปลอดภัย และผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของบริษัท ที่ฐานะการเงินย่ำแย่อย่างไม่เคยมีมาก่อน จนบริษัทอยู่ในสถานภาพที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง
รอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา ฐานะของบริษัท การบินไทย อยู่ในภาวะเลวร้าย ถึงขั้นเริ่มขาดสภาพคล่อง รายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงินมาใช้ชนิดเอาตัวรอดไปวันๆ
สาเหตุที่บริษัท การบินไทย อยู่ในภาวะเป็นเครื่องบินหัวทิ่มลงทะเลรอวันตายเช่นนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากนักการเมืองแทรกแซง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหาร หาผลประโยชน์กันทุกหย่อมหญ้าในบริษัทการบินไทย กันมาอย่างช้านาน ทำให้ 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัท การบินไทย เหลือแค่ร่างไร้วิญญาณ ถูกปลิงรุมดูดเลือดโชก
หลังจากที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ก็เห็นว่าหากปล่อยบริษัท การบินไทย เป็นเช่นนี้ต่อไป ในไม่ช้าบริษัท การบินไทย คงอยู่ในสภาพล้มละลายเป็นภาระภาษีของคนทั้งประเทศ
จึงไฟเขียว กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หารือกับ โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแลบริษัท การบินไทย เพื่อ “ยกเครื่อง” โดยขอให้ฝ่ายการเมืองทิ้งผลประโยชน์ส่วนตัวในบริษัท การบินไทย ไว้ข้างหลัง เพื่อให้การฟื้นฟูการบินไทยให้พ้นจากหายนะได้แท้จริง
แน่นอนว่าการพลิกฟื้นบริษัท การบินไทย ต้องได้มือบริหารชั้นเยี่ยม ความรู้ครบเครื่อง เพื่อแก้ไขบูรณาการบริษัทให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
โจทย์ที่ท้าทายเช่นนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็น กรณ์ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทุ่มความไว้ใจให้กับ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยเพียงผู้เดียวให้มานั่ง เป็นกรรมการผู้อำนวยการ (ดีดี) ของบริษัท การบินไทย เป็นหัวเรือใหญ่กู้วิกฤตการบินไทยให้พ้นจากหายนะ
ขณะที่ โสภณ ส่งให้ อำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มือดีอีกคนมานั่งเป็นประธานบริษัท การบินไทย ประสานกับฝ่ายบริหารในการฟื้นชีพบริษัท การบินไทย
การเปิดตัวของ ปิยสวัสดิ์ ต้องถือว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะในการพิจารณาคัดเลือกเป็นดีดี บริษัท การบินไทย สามารถแซงคู่แข่งที่เข้าชิงทิ้ง 10 คน ชนิดขาดลอย ได้คะแนนสูงสุด 4 ด้าน ทั้งภาวะผู้นำ ประสบการณ์ ผลสำเร็จของงานที่เคยทำ และวิสัยทัศน์ ลบข้อครหาการเมืองดันส่ง เพราะการหาดีดีการบินไทยเที่ยวนี้ฝีมือต้องมาที่หนึ่ง การเมืองหนุนเป็นเรื่องรอง
ปิยสวัสดิ์ สร้างผลงานในบริษัท การบินไทย ในช่วงเวลาเข้าดำรงตำแหน่งสั้นๆ อย่างไม่น่าผิดหวัง ในฐานะที่เป็นนักการเงิน นักยุทธศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน สามารถพลิกฐานะของบริษัท การบินไทย ที่ขาดทุน 2 หมื่นล้านบาท ไม่มีสภาพคล่อง กลับมายืนด้วยขาตัวเองได้อีกครั้ง มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย และมีกำไรล้างขาดทุนได้
ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัท การบินไทย จาก 7 บาท มาเป็น 40 บาท ในปัจจุบัน เป็นเครื่องหมายการันตีในฝีมือ ทำให้นักลงทุนสนใจที่จะลงทุนในหุ้นบริษัท การบินไทย เพื่อกิน “เงินปันผล”
แต่ก็เป็นงานยาก เริ่มต้นก็ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะต้องเข้าไปลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับบริษัท การบินไทย ย่อมไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มฝ่ายการเมือง หรือแม้แต่พนักงาน หรือผู้บริหารของบริษัท การบินไทยเอง ที่ต้องถูกหั่นสิทธิต่างๆ ไปอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ก็ถือว่าสามารถผ่านเขี้ยวเล็บมาได้
แน่นอนว่าการบินไทยไม่ใช่แก้ปัญหาฐานะการเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การปรับกระบวนยุทธศาสตร์การบิน เป็นที่มาของการร่วมทุนกับสายการบินต้นทุนต่ำ ไทเกอร์ แอร์เวย์ส ของประเทศสิงคโปร์
ด้วยการร่วมทุนตั้งบริษัท ไทย ไทเกอร์แอร์ เพื่อให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำอย่างแท้จริงในประเทศ เป็นการอุดช่องโหว่การหารายได้ของการบินไทยที่เพลี่ยงพล้ำให้กับสายการบิน ต้นทุนต่ำของเอกชน
แม้ว่าที่ผ่านมา บริษัท การบินไทย จะมี “นกแอร์” เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ แต่นกแอร์ก็ยังไม่สามารถชิงเค้กสายการบินราคาถูกได้อย่างแท้จริง การดันไทย ไทเกอร์แอร์ ก็จะเป็นการแบ่งตลาดลูกค้าของบริษัท การบินไทย ชัดเจน คือ บริษัท ไทย ไทเกอร์แอร์ ลุยตลาดล่าง นกแอร์ลุยตลาดกลาง และการบินไทยลุยตลาดบน
ถือเป็นสามประสานดันการบินไทยให้กลับมายิ่งใหญ่เป็นสายการบินชั้นนำของภูมิภาคและโลกอีกครั้ง
แต่การดำเนินการก็ต้องมาสะดุด เมื่อ โสภณ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการตั้งสายการบินดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมยังไม่ได้เห็นชอบ ทั้งที่การดำเนินการดังกล่าวฝ่ายกรรมการและบริหารของบริษัทสามารถตัดสินใจ ดำเนินการเองได้
ผลประโยชน์ได้เสียของการตั้งไทย ไทเกอร์แอร์ ไป “กระตุกหนวด” ทำให้เสือทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของบริษัท การบินไทย อีกครั้ง
เหตุการณ์ที่ทำท่าจะบานปลาย เป็นที่มาของการเดินทางของ อภิสิทธิ์ ไปตรวจเยี่ยมบริษัท การบินไทย ร่วมกับ โสภณ และกรณ์ เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลในซีกของนายกฯ และกระทรวงการคลัง สนับสนุนการทำงานของผู้บริหารการบินไทย ต่อหน้าซีกของกระทรวงคมนาคมที่มองเห็นตรงกันข้าม
ภาพดังกล่าวจึงกลายเป็น “สงครามตัวแทน” ทางการเมือง ที่ฝ่ายหนึ่งยังอดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานของบริษัท การบินไทย ขณะที่อีกฝ่ายต้องการป้องกันให้การบินไทยปลอดจากการเมืองอย่างแท้จริง เหมือนที่ทำได้ในช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมา จนบริษัท การบินไทย พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ที่สำคัญ การเพิ่มทุนของบริษัท การบินไทย 1.5 หมื่นล้านบาท ได้รับไฟเขียวจากกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ในแง่ของเงินทุนที่จะพัฒนาการบินไทยแข่งกับสายการบินคู่แข่งไม่ใช่ ปัญหาอีกต่อไป
ก็ต้องถือว่า บริษัทการบินไทยวันนี้ มีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะความแข็งแกร่งของบริษัท เงินทุนที่ต้องลงทุนใหม่ ยุทธ์ศาสตร์การเดินหน้าขององค์กร ที่สำคัญคนทำงานฝีมือดีที่พร้อมจะต่อสู้กับฝ่ายการเมืองที่เข้ามาหาผล ประโยชน์
ปัญหาตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะหาญกล้าอย่างต่อเนื่องหรือไม่ที่จะ สนับสนุนให้ ปิยสวัสดิ์ ทำงานปลอดจากการเมืองเข้ามาแทรกตัดแขนตัดขา เพื่อทำให้บริษัท การบินไทย เป็นสายการบินแห่งชาติ ที่เป็นอันดับ 1 ทั้งภูมิภาค
ไม่ใช่เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของนักการเมืองที่มาหาผลประโยชน์ใส่ตัวเหมือน ก่อนหน้านี้ ที่ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนต้องการให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม
