อานันท์ ปันยารชุน : 'ความยุติธรรม...หัวใจลดความเหลื่อมล้ำ'
โดย : เสถียร วิริยะพรรณพงศา - ณัฐพล หวังทรัพย์
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
'อานันท์ ปันยารชุน' ประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯเปิดใจ หลังทำงานมาแล้ว 3 เดือน ระบุการปฏิรูปเป็นเรื่องใหญ่ ต้องช่วยกันคิด เป็นระดับโครงสร้าง
หมายเหตุ : ค่ำวันที่ 20 ก.ย. 2553 นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะปฎิรูป เปิดบ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานที่ที่ 19 กรรมการปฏิรูปใช้ทำงาน ให้ผู้สื่อข่าวภาคสนามจากหลายสำนักประกอบด้วยสำนักข่าวเนชั่น นสพ.กรุงเทพธุรกิจ นสพ.ไทยรัฐ นสพ.มติชน สำนักข่าวทีนิวส์ นสพ.บางกอกโพสต์ ได้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าที่ในงานปฏิรูปและทัศนะอื่นๆต่อสถานการณ์บ้านเมือง
คนที่ไม่ชอบรัฐบาลจะวิจารณ์ว่าคณะกรรมการปฏิรูปเป็นเครื่องมือซื้อเวลาของรัฐบาล ?
ทุกสังคมไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ถ้าความชอบไม่ชอบอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อมูลถูกต้องก็สบายใจ แต่ถ้าอยู่บนพื้นฐานอคติ หรือการคาดคะเน ก็มีปัญหา แต่ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจ ข้าราชการ การเมือง ภาคประชาชน เพราะถือว่าการทำงานของผมตั้งอยู่บนความบริสุทธิ์ใจ เราตั้งใจว่าเราทำให้ดีที่สุด หวังว่ามันอาจจะมีผลลัพธ์ไปในทางที่ดี ความคิดที่แตกต่างกันไปส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอคติของแต่ละคนที่มีต่อรัฐบาล ไม่แน่ใจว่าได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์หรือไม่ ผมไม่มีปัญหากับคนที่มองเห็นไม่ตรงกัน ผมไม่ชอบการโต้ตอบด้วย ขอให้ดูการทำงานดีกว่า กรรมการชุดนี้เป็นอิสระ ผมเลือกมาเอง ระหว่างทำงานไม่มีการปรึกษาหารือรัฐบาล ส่วนคนจะคิดไปเองมันช่วยไม่ได้
คณะกรรมการได้ทำงานไปแล้ว 2-3 เดือนมีมาตรการอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม ?
ถ้าถามถึงรูปธรรมคงยาก แต่เราต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปคืออะไร การปฏิรูปไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระดับผิวเผินแต่เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่จากขาวเป็นดำ แต่เปลี่ยนแปลงมโหฬาร ไม่ใช่แก้วันสองวัน แต่ต้องช่วยกันคิด ทั้งหมดเป็นกระบวนการที่ไม่มีการกำหนดเวลา ยกตัวอย่างสหรัฐ ปัญหาผิวดำขาว ใช้เวลา 50 ปีกว่าจะได้พ.ร.บ.ปกป้องสิทธิคนผิวดำ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด ใครคิดว่ามีประธานาธิบดีผิวดำบารัก โอบามา แล้วจบ แต่ความจริงทุกวันนี้ก็ยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่
การปฏิรูปใช้เวลานาน ชาวบ้านที่มีปัญหาเฉพาะหน้าจะทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่าการปฏิรูปจะช่วยเขาได้ ?
จริงๆแล้วปัจจุบันหน่วยงานต่างๆแม้แต่ภาคประชาชน ก็ทำงานปฏิรูปอยู่แล้ว เช่นกระทรวงศึกษา กระทรวงยุติธรรม เราก็หาข้อมูลว่าเขาทำอะไรอยู่แล้วเราสู่จุดนั้นได้หรือไม่ ที่ผ่านมาสังคมไทยมีการปฏิรูปอยู่เรื่อยๆเป็นการทานแอสไพริน พาราเซตามอน ทายาแดง แต่ของเราหนักไปในทางของการผ่าตัด เพราะฉะนั้นการผ่าตัดต้องเตรียมทุกยอ่างให้ครบสมบูรณ์ และผลก็ไม่เห็นทันตา มันต้องใช้เวลา เราไม่ได้ปฏิรูปเฉพาะเรื่องแต่ทำพร้อมกันหลายเรื่องมันต้องใช้เวลา
การแก้ความเหลื่อมล้ำในสังคมตามแนวทางของกรรมการฯจะเริ่มต้นจากจุดไหน ?
การปฏิรูปเรามองหลายมิติ เช่น ความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ ความเหลื่อมล้ำในด้านสิทธิ แม้จะมีบัญญัติในรัฐธรรมนูญแต่ถามว่ามันเป็นจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเห็นชัดเจนในกรณีมาบตาพุด และความเหลื่อมล้ำในด้านโอกาส เช่นการศึกษา การรักษาพยาบาล ส่วนใหญ่มันกระจุกอยู่ในกทม.ต้องกระจายออกตามต่างจังหวัด แต่เป้าหมายขั้นต้นคือสร้างความยุติธรรมในสังคม เพื่อนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมถือเป็นหัวใจของคณะกรรมการ โลกเราถ้าไม่มีความยุติธรรมมันจะเกิดปัญหาน้อยใหญ่ เกิดความขัดแย้ง การนำสังคมเข้าสู่ความยุติธรรมจะลดความเหลื่อมล้ำได้
ประชาชนจะมีส่วนร่วมกับกรรมการฯได้อย่างไร ?
ในวันที่ 17 ตุลานี้จะมีการจัดเวทีชาวบ้าน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ให้ชาวบ้านเป็นผู้นำเสนอปัญหาเพื่อให้เขามีพื้นที่ที่จะพูดถึงปัญหาของตัวเอง ในตอนบ่ายจะมีแบ่งกลุ่มย่อยระดมปัญหา ที่ดิน การศึกษา แรงงาน ข้อสำคัญคือการจัดเวทีนี้ไม่ใช่ว่ากรรมการไปเล่าให้ฟังแต่กรรมการจะรับฟังให้เขาคุยกัน ตกลงกันเองว่าจะมีข้อเสนออย่างไร และสุดท้ายให้แสดงออกมาว่าจุดยืนอยู่ตรงไหน เหมือนเป็นเวทีที่เราจัดให้ชาวบ้านมีพื้นที่จะพูด ปรึกษาหารือกันโดยไม่ทะเลาะกัน
ในสมัยที่ท่านเป็นนายกฯเคยพูดว่าสถาบันทหารควรที่จะปฏิรูป วันนี้ยังมีความคิดอยู่หรือไม่ ?
ทหารต้องปฏิรูปแน่ แต่คุณก็รู้ในปัจจุบันใครจะไปปฏิรูปได้นอกจากตัวเอง ถ้าสถาบันทหารไม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ผมว่าไม่มีอนาคต เขาต้องปฏิรูปตัวเอง ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องช่วยปฏิรูป ปัญหามันยิ่งใหญ่มีหลายแง่มุม หลายมิติ การปฏิรูปทหารไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของกรรมการชุดนี้ ถ้าปฏิรูปทหารด้วยคงเหนื่อย คนที่เป็นคริสเตียนเวลาสวดมนต์กับพระเจ้า ขอให้พระเจ้าประทานพรให้เขามีความกล้าเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ และขอให้มีความสุขุมพอที่จะรู้ว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หลายสิ่งควรปฏิรูป แต่เราต้องรู้ตัวเองว่าเราอยู่ในฐานะที่จะไปปฏิรูปเขาได้หรือไม่
มีหลายอย่างหรือไม่ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ?
ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จะใช้เวลา 2 วันหรือ 50 ปีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างเรื่องกองทัพผมไม่ทราบว่าภายในเขาเปลี่ยนแปลงอะไรแน่ชัด แต่เรื่องหนึ่งที่เห็นแน่ชัด พูดด้วยการมีความลำเอียงอยู่ในใจว่าทหารปฏิวัติไม่ได้อีกแล้ว ประชาชนไม่รับ ทหารคนไหนที่ยังคิดเรื่องปฏิวัติอีกผมว่ายาก อาจจะมีบางคนที่ยังหมกมุ่นว่าการปฏิวัติจะเป็นการแก้ปัญหาประเทศชาติ แต่คนทั่วไปไม่รับ ปฏิวัติมา 18 ครั้ง ถามว่าประเทศไทยดีขึ้นหรือไม่ มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าประเทศชาติถึงทางตันอย่าคิดว่าการรัฐประหารเป็นทางออกทางหนึ่ง มันไม่ใช่ทางออกมีแต่จะเป็นทางตันมากขึ้น
หลังจากรัฐประหารปี 2434 หลายคนก็คิดว่าไม่มีการปฏิวัติ แต่ปี 2549 ก็เกิดขึ้น ?
แต่ตอนนั้นก็ไม่มี 15 ปี แต่ปรากฏว่ามีสิ่งอื่นมาเกิดขึ้น
การสร้างความยุติธรรม จะแก้ปัญหาสองมาตรฐานที่เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งทุกวันนี้หรือไม่ ?
เรื่องสองมาตรฐานก็พูดกันไป ถ้าเผื่อไปดูข้อเท็จจริง คนที่พูดก็ไม่รู้ว่าตัวเองก้ได้ประโยชน์จากการเป็นสองมาตรฐาน เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องความไม่นิ่งในจิตใจของตัวเอง ถ้าเป็นมาตรฐานที่ให้ประโยชน์กับตนเองเราก็รับ แต่ถ้ามาตรฐานนี้ไปให้ประโยชน์คนอื่นก็ไม่รับ