สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

2554 ปีทองของ คนมีความสามารถ

จากประชาชาติธุรกิจ

แม้ ว่าปีนี้การปรับค่าจ้างจะไม่สูงนัก ทั้ง ๆ ที่ค่าครองชีพปรับเพิ่มขึ้นถึง 3% โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5% กว่า แต่ก็มีสัญญาณหลายประการที่ทำให้นักบริหารทรัพยากรบุคคลต้องจับตาเป็นพิเศษ ว่า อาจมีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางปี 2554 เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว ประเทศของเราขาดแคลนแรงงานฝีมือ หรือแรงงานที่มีทักษะทางวิชาชีพ

"วิศรุต รักษ์นภาพงศ์" วิทยากรที่ปรึกษาด้านการบริหารค่าจ้าง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) วิเคราะห์ว่า หากในปีหน้าภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2553 มีการขยายงาน ขยายความต้องการกำลังคนมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการแย่งตัวบุคลากรกันรุนแรงมากขึ้นไปด้วย และก็คงเป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน เมื่อมีความต้องการมาก แต่คนมีน้อย ก็ย่อมจะเกิดการปรับฐานค่าจ้าง ปรับค่าจ้างเริ่มต้น เพื่อแย่งคนกัน

นอก จากนี้ ยังมีสัญญาณหลายประการที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาดังกล่าวอีก นั่นคือการที่ภาครัฐปรับฐานค่าจ้างเริ่มต้นข้าราชการพลเรือนขึ้นมามีอัตรา สูงสุดของวุฒิปริญญาตรีถึง 9,570 บาท ในช่วงเดือนตุลาคม 2553 และจะมีการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการอีก 5% ในเดือนเมษายนปีหน้า โดยมีเป้าหมายจะแข่งขันในการว่าจ้างคนเก่งคนดีเข้าสู่ภาคราชการให้มากขึ้น

ใน ขณะที่แรงงานจากภาครัฐวิสาหกิจก็ได้มีการปรับค่าจ้างประจำปีเฉลี่ยสูงกว่า เอกชนมาโดยตลอด 5 ปีหลัง เนื่องจากมีระเบียบการปรับค่าจ้างประจำปีในอัตรา 6.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เป็นเชิงสังคมไม่มีผลกำไร หรือ 7.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไร ทำให้ค่าจ้างเฉลี่ยของภาครัฐวิสาหกิจที่เคยคิดว่าต่ำกว่าเอกชน กลับมาสูงเทียบเท่า หรือสูงกว่าเอกชนเสียด้วยซ้ำไป

"โดยส่วนตัว แล้ว ผมค่อนข้างเห็นด้วย ที่ภาครัฐและภาครัฐวิสาหกิจจะกำหนดค่าจ้างให้เทียบเท่าเอกชน เพื่อพัฒนาระบบราชการให้เข้มแข็ง แต่ก็ยังเป็นห่วงว่า ทั้งสองภาคก็ต้องควบคุมระดับค่าจ้างของผู้ที่มีผลงานไม่ดี หรือปฏิบัติงานที่มีคุณค่าน้อย ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วยความจริงจังด้วย มิใช่เอาแต่ปรับค่าจ้างแบบเท่า ๆ กันไป โดยไม่สนใจคุณค่าของงาน หรือระดับผลงาน ดังที่เคยทำมาในอดีต เพราะในที่สุดแล้ว ก็จะเป็นการถมไม่เต็ม และมีค่าใช้จ่ายแรงงานที่ปรับสูงขึ้นมากอย่างไม่สมควร ดังเช่นที่เราพูดติดตลกกันว่า พนักงานขับรถมีค่าจ้างกว่า 30,000 บาท นักการกว่า 20,000 บาท ในขณะที่ภาคเอกชนจ้างต่ำกว่านี้ครึ่งหนึ่ง ทั้งสองงานนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังมีงานอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องทบทวนปรับปรุงให้งานกับค่าจ้างนั้นเป็นไป อย่างเหมาะสมกัน ประเด็นนี้เป็นโจทย์ที่ภาครัฐคงต้องหาทางปรับปรุง เพื่อจะได้มีงบประมาณมาปรับค่าจ้างให้ผู้ที่ทำงานมีคุณค่าสูง แต่มีค่าจ้างต่ำ ซึ่งมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก"

"วิศรุต" บอกต่อไปถึงแนวคิดที่จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นไปเป็นวันละ 250 บาททั่วประเทศว่า เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ค่าจ้างแรงงานไร้ทักษะถูกปรับกระตุ้นสูงขึ้น ไม่ว่าจะได้ตามตัวเลขที่ภาครัฐชี้นำออกมาหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือค่าแรงขั้นต่ำคงจะถูกปรับขึ้นไปอีกแน่นอน เพราะในกรณีนี้ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการจ้างแรงงานไร้ทักษะ แต่คงมีผลกระทบไม่มากกับระดับแรงงานทักษะ โดยข้อมูลจากการสำรวจค่าจ้างจะพบว่าภาคธุรกิจจ้างแรงงานทักษะในอัตรากว่า 9,000 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำมาก สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือหากปรับค่าจ้างขั้นต่ำโดยเร่งร้อนจนเกินไป นายจ้างอาจเลิกจ้างแรงงานไทย และหันไปใช้แรงงานต่างด้าวราคาถูกแทน หรือในระยะยาว ก็ส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกัมพูชา ลาว หรือเวียดนาม ที่มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในระดับ 2-3 พันบาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าเรามากแทน

ซึ่งจากเหตุผลในด้านความต้องการผู้มีความสามารถและแรงงานทักษะ การ แข่งขันในด้านการว่าจ้างของตลาดแรงงาน จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการปรับฐานค่าจ้าง หรือปรับอัตราค่าจ้างเริ่มต้นกันเป็นจำนวนมากในช่วงปีหน้า

อย่าง ไรก็ตาม การปรับฐานค่าจ้างนี้ คงเป็นไปอย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่การปรับให้แก่ทุกคน ดังเช่นการขึ้นค่าจ้างประจำปี แต่จะมุ่งเน้นในกลุ่มผู้มีความสามารถ มีผลการปฏิบัติงานดี มีระดับค่าจ้างต่ำกว่างานที่ปฏิบัติอยู่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้ใน สงครามชิงตัวคนเก่ง คนดี ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะหมดไปในระยะเวลาอันสั้น ตราบใดที่ประเทศยังขาดแคลนแรงงานทักษะ และระบบบริหารค่าจ้างขององค์กรต่าง ๆ ยังไม่เป็นธรรมตามผลงาน สุดท้ายแล้ว คนทำงานที่มีฝีมือย่อมจะแสวงหาหนทางใหม่ ๆ กับองค์กรอื่น ๆ ได้ตลอด

Tags : 2554 ปีทอง คนมีความสามารถ

view