3 โรงพยาบาลใหญ่ "กรุงเทพ-พญาไท-เปาโล"จับมือควบรวมกิจการ แถลงใหญ่วันนี้
จากประชาชาติธุรกิจ
3โรงพยาบาลใหญ่ พญาไท และเปาโลของวิชัย ทองแตง ประกาศเข้าควบรวมกิจการกับ รพ.กรุงเทพ ของนายแพทย์ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หวังเพิ่มศักยภาพแข่งขันกับคู่แข่ง นัดแถลงใหญ่วันนี้
เมื่อวันที่ 15ธ.ค.2553 บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) (PYT) หรือโรงพยาบาลพญาไท แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ได้มีมติรับทราบการที่บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (HN) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของPYT ซึ่งถือหุ้นใน PYTจำนวน 1,151,171,044 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49.17ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯมีความประสงค์จะดำเนินการ ร่วมกิจการระหว่างเครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียลกับเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยการขายและโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer ) ให้แก่บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือBGH ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและเพิ่มเครือข่ายทางด้านธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญในการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันกับคู่แข่งของบริษัท ฯและโอกาสทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติในการให้ความร่วมมือต่อ BGH ในการตรวจสอบข้อมูล(due diligence) ของบริษัทฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ BGH มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ PYT จำนวน 734,305,123 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 31.36 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เนื่องจากภายหลังการรับโอนกิจการทั้งหมดสำเร็จลุล่วงจะเป็นผลให้BGH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน PYT ในจำนวนเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ PYT BGH จึงมีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่องการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ โดยหาก BGH มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ BGHอาจกำหนดสิ่งตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยของ PYT เป็นเงินสดที่ราคา 3.71 บาท ต่อหุ้น หรืออาจพิจารณากำหนดสิ่งตอบแทนเป็นสองทางเลือก คือ เป็นเงินสดที่ราคา 3.71 บาท ต่อหุ้นหรือเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BGH ที่ราคา 37.75 บาทต่อหุ้น โดย BGHจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ PYT เป็นจำนวน 72,198,801 หุ้นซึ่งเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 2,725,504,738 บาท หรือคิดเป็น 10.1706 หุ้นของ PYT ต่อ 1 หุ้นของ BGH ซึ่งBGH จะเป็นผู้กำหนดสิ่งตอบแทนดังกล่าว และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้มูลค่าของสิ่งตอบแทนในแต่ละกรณีดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนได้
โดย BGH จะมีหน้าที่ดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BGH มีมติอนุมัติการรับโอนกิจการทั้งหมดและการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ HNและธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จ และ/หรือ BGH ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.ให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ PYTและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ (หากมีหน้าที่ต้องดำเนินการ) รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้จากข่าวของ BGH แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจโรงพยาบาลเปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลกรุงเทพ จะมีการลงนามและเปิดแถลงข่าวการเข้าร่วมกิจการกันอย่างเป็นทางการ โดยใช้วิธีการควบกิจการในลักษณะของการแลกหุ้น (สวอป) ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยกลุ่มนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด จะเข้าไปถือหุ้นใหญ่บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ ขณะเดียวกันกลุ่มดุสิตเวชการจะเข้าไปถือหุ้นในบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค เต็ม 100% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด โดยนางกัญญาภัค โกธรรม รองผู้อำนวยการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล ได้แจ้งเอกสารแจ้งว่า ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ และบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล จะมีการแถลงข่าวการร่วมกิจการกัน โดยมีนายแพทย์ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และนายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) และประธานบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แถลงข่าว
ดีลประวัติศาสตร์!รพ.กรุงเทพฮุบรพ.พญาไท
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ดีลประวัติศาสตร์!ปิดท้ายปีเสือ "หมอปราเสริฐ"ผนึก"วิชัย ทองแตง" แถลงควบกิจการรพ.กรุงเทพ-สมิติเวชกับเครือพญาไท-เปาโล วันนี้ รับแข่งขันเสรี
แหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาการเงินรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ธ.ค.) จะมีการลงนามร่วมกิจการระหว่างบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลสมิติเวช กับบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลเครือพญาไทและโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ด้วยวิธีการแลกหุ้น หรือสวอปหุ้น ซึ่งการรวมกิจการในครั้งนี้ จะเป็นลักษณะ Entire Bussiness Transfer หรือเป็นการถ่ายโอนธุรกิจทั้งหมด หรือการรวมกิจการ ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียภาษี โดยการรวมกิจการครั้งนี้ มี บล. ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาการเงิน
ตามขั้นตอนกลุ่มนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) จะสวอปหุ้นกับกลุ่มนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นใหญ่aบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หลังสวอปหุ้นแล้ว กลุ่มนายวิชัยจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ขณะที่บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ที่มีกลุ่มนายแพทย์ปราเสริฐ ถือหุ้นใหญ่จะเข้ามาถือหุ้น 100% ในบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน)
บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ของนายวิชัย ทองแตง อดีตทนายความผู้โด่งดังในคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 เป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 49.17% ในบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลพญาไท ขณะบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) จำนวน 19.43% ขณะเดียวกันบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ยังถือหุ้นอยู่ในบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลสมิติเวช จำนวน 95.76%
การรวมกิจการของ 4 โรงพยาบาลใหญ่ของไทยครั้งนี้ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลสมิติเวช ทำให้ครอบคลุมทุกตลาดสุขภาพของไทย โดยโรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลสมิติเวช จับตลาดบนอยู่แล้ว ส่วนโรงพยาบาลเปาโล จะมุ่งตลาดระดับกลางถึงล่าง
รองรับเปิดเสรีโรงพยาบาลปี 2555
แหล่งข่าวระบุว่าการรวมกิจการโรงพยาบาล ระหว่างบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ของนายวิชัย และนายแพทย์ปราเสริฐ ครั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกันของทั้งสองกลุ่ม คือ ต้องการสร้างความแข็งแกร่งในการธุรกิจ รองรับการเตรียมความพร้อมเปิดเสรีธุรกิจโรงพยาบาลปี 2555 หากเปิดเสรีแล้วจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจโรงพยาบาลได้ในสัดส่วนถึง 70% ของทุนจดทะเบียนจากปัจจุบันมีเพดานถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักภายหลังรวมกิจการของทั้งสองกลุ่มเพื่อต้องการเป็นผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสมิติเวช ภายใต้การถือหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)ถือว่าเข้าไปรุกธุรกิจโรงพยาบาลในต่างประเทศหลายแห่งแล้วการจับมือกับกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทจะทำให้การเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลเปาโล จะเป็นตัวขับเคลื่อนลูกค้าระดับกลางได้ดี
สินทรัพย์ขึ้นเบอร์ 2 ของเอเชีย
แหล่งข่าว กล่าวว่า การรวมกิจการของทั้งสองโรงพยาบาลในครั้งนี้จะทำให้มีขนาดสินทรัพย์ และรายได้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากโรงพยาบาลในออสเตรเลีย ซึ่งการควบรวมครั้งนี้ โรงพยาบาลมีเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย
“การควบรวมของสองโรงพยาบาลดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการรักษาพยาบาลในภูมิภาคเอเชีย เป็นการสร้างชื่อให้กับประเทศชาติอีกด้วย และการรวมกิจการกันในครั้งนี้ ทำให้ขนาดของโรงพยาบาลกรุงเทพ มีขนาดใหญ่กว่าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มาก และยังเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปิดเสรีในปี 2555 อีกทั้งเป็นการสร้างเกราะป้องกัน โรงพยาบาลต่างชาติ ที่ต้องการจะเข้ามาฮุบกิจการในไทย” แหล่งข่าวกล่าว
การควบรวมครั้งนี้จะทำให้โรงพยาบาล กรุงเทพมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และเตรียมความพร้อมยุคโลกาภิวัตน์
ข้อมูลที่บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์งวดล่าสุด 30 ก.ย. 2553 มีสินทรัพย์จำนวน 31,256 ล้านบาท บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์ในงวดเดียวกันจำนวน 8,790 ล้านบาท และโรงพยาบาลสมิติเวช มีสินทรัพย์รวม 6,393 ล้านบาท รวมเฉพาะ 3 โรงพยาบาลนี้หลังควบรวมกิจการ จะมีสินทรัพย์รวมกัน 46,439 ล้านบาท ขณะที่จำนวนเตียงคนไข้รวมกัน
เผยรพ.กรุงเทพมีขนาดใหญ่สุดในไทย
ปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ของไทย ทั้งในเชิงรายได้ และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในหมวดธุรกิจการแพทย์ มีโรงพยาบาลในเครือ 17 แห่งในไทย และ 2 แห่งในกัมพูชา โดยโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่ซอยศูนย์วิจัยมีเตียงคนไข้ 446 เตียง
ส่วนโรงพยาบาลสมิติเวช มีเตียงรวม 675 เตียง แบ่งเป็นโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 275 เตียง และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ จำนวน 400 เตียง ขณะที่โรงพยาบาลพญาไท 1 พญาไท 2 และพญาไท 3 มีจำนวนเตียงรวมกัน 640 เตียง ทำให้หลังควบรวมกิจการในครั้งนี้ จำนวนเตียงของกลุ่มนี้ที่ยังไม่รวมเครือข่ายของโรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลเปาโล จะมีจำนวนถึง 1,761 เตียง
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อ 30 ก.ย. 2552 มีจำนวนผู้ประกอบการสถานพยาบาลเอกชนในไทยรวม 322 แห่ง รวมจำนวน 33,405 เตียง สถานพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่มีจำนวนไม่เกิน 50 เตียงมากที่สุดถึง 115 แห่ง และมีจำนวนเตียง 51-100 เตียงมี 107 แห่ง สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่มีจำนวนเตียงมากกว่า 100 เตียงขึ้นไปมี 100 แห่ง
พญาไทผลประกอบการเริ่มฟื้น
สำหรับฐานะการเงินของบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อหลายปีก่อน ผลประกอบการค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา โดยงบการเงินล่าสุด 30 ก.ย. 2553 ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,273 ล้านบาท จาก 2,489 ล้านบาท เมื่อ 30 มิ.ย. 2553 ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 ก.ย.มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 1,954 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37% ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้รายได้ จำนวน 5,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28%
ส่วนกำไรสุทธิ จำนวน 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 119.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 122% ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 246 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 117% แม้ผลประกอบการจะดีขึ้น แต่หุ้นของบริษัทก็ยังติดอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ยังแก้ไขผลประกอบการไม่ได้ตามกำหนด
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี งวดล่าสุด 30 ก.ย. 2553 มีกำไรสุทธิ 733 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 568 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,315 ล้านบาท โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นกลุ่มเดียวที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 และเป็นกลุ่มเดียวที่มีเงินสดในมือและลงทุนกับการซื้อกิจการโรงพยาบาลหลายแห่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ราคาหุ้นบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ปิดตลาดวานนี้ (14 ธ.ค.) ที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท ส่วนราคาหุ้นบริษัทสมิติเวช จำกัด (มหาชน) ปิดตลาดที่ 81 บาท ลดลง 1 บาท ส่วนหุ้นประสิทธิ์พัฒนา ยังถูกห้ามการซื้อขาย
รพ.กรุงเทพคาดรายได้พุ่ง!หลังควบรพ.พญาไท
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพคาดรายได้-กำไรพุ่ง! หลังควบกิจการกลุ่มโรงพยาบาลพญาไท มองอนาคตเตรียมรุกต่างประเทศ
นางนฤมล น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH)กล่าวว่า ภายหลังโรงพยาบาลกรุงเทพควบรวมกิจการกับกลุ่มโรงพยาบาลพญาไท คาดว่าจะทำให้รายได้ขยายตัว 43% และกำไรเพิ่มขึ้น 40%
"การรวมกิจการกับทางบริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จะทำให้กลุ่มโรงพยาบาล สามารถขยายฐานคนไข้ไปสู่ระดับล่างมากขึ้น เช่น ประกันสังคม จับภาพตลาดรวมได้กว้างขึ้น เนื่องจากกลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลพญาไท มีฐานลูกค้าระดับล่าง ขณะที่ลูกค้าของ BGH ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับบน
นอกจากนี้ หลังจากควบรวมแล้วจะทำให้มูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,946 ล้านดอลาร์ จากปัจจุบัน 1,563 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มโรงพยาบาลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยป็น 0.7 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.6 เท่า
สำหรับในปี 2554 บริษัทจะมีแผนขยายลงทุน โดยเน้นในประเทศเป็นหลัก ส่วนโอกาสการลงทุนต่างประเทศกำลังพิจารณาอยู่ โดยเบื้องต้นมองว่ามีโอกาสเข้าบริหารกิจการโรงพยาบาลในเมืองอะบูดาบี