สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มองการศึกษาและอ่านอนาคตจากค่าของฮิลลารี

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โดย : ดร.ไสว บุญมา


มื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมเสนอว่าในสายตาของผู้ที่มีความเป็นกลาง ชีวิตของฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน มีค่า
และในสายตาของผมค่าสูงสุดของเธออยู่ที่การมุ่งทำตามอุดมการณ์ซึ่งวางอยู่บนฐานของการหาทางเพิ่มค่าให้เยาวชน  เราทราบกันดีว่าการเพิ่มค่าให้เยาวชนอาจทำได้หลากหลายทางทั้งในระดับบุคคล ระดับชุมชนและระดับนโยบายของชาติ และอาจครอบคลุมจากการเลี้ยงดูตรงตามหลักสุขอนามัย การให้ความปลอดภัย การให้สวัสดิการไปจนถึงการให้ศึกษา เรื่องเหล่านี้มีความสำคัญและเชื่อมโยงกันสูงมากจนยากแก่การจะแยกแต่ละเรื่องออกเป็นเอกเทศ อย่างไรก็ตาม ขอแยกเรื่องการศึกษาออกมาพิจารณาต่างหาก
 

เรื่องการศึกษากว้างลึกมากเพราะมันเริ่มจากวันที่เราอยู่ในครรภ์แม่ไปจนถึงวัยแก่เฒ่า สำหรับผมซึ่งไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการศึกษามองว่า ส่วนที่มีความสำคัญสูงสุดน่าจะเป็นการศึกษาซึ่งมาจากการทำตามตัวอย่างแม้โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีผู้ให้ความใส่ใจนักก็ตาม ฉะนั้น ผมจึงมองว่าค่าของฮิลลารีอีกส่วนหนึ่งซึ่งสำคัญมากมาจากการเป็นสตรีผู้มีความกล้าหาญที่จะเลือกทำงานตามอุดมการณ์ในด้านการใช้ความสามารถชั้นเลิศของตนบริการสังคมแทนการมุ่งสร้างความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้น เมื่อผันตัวมาเป็นนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองที่เดินตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยซึ่งสหรัฐใช้เป็นแนวบริหารประเทศโดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์อดทนและยินดีร่วมงานกับผู้ที่ชนะการแข่งขันหลังจากตนพ่ายแพ้  

ขอเรียนว่า ผมไม่ได้มองการสร้างความมั่งคั่งว่าเป็นสิ่งไม่ดี ตรงข้าม ผมมองว่าเนื่องจากโลกของเราบริหารจัดการเศรษฐกิจตามแนวคิดตลาดเสรี ผู้มีความสามารถย่อมสร้างความมั่งคั่งได้ตามใจปรารถนา แต่มีข้อแม้ว่าการสร้างนั้นต้องวางอยู่บนฐานของการยึดคุณธรรมและการทำตาม กฎเกณฑ์ของสังคม  นอกจากนั้น ผมมองต่อไปอีกว่าค่าของผู้มีความมั่งคั่งจะเพิ่มขึ้นมากหากเขาใช้ความ มั่งคั่งให้เป็นแบบอย่างแก่เยาวชน ผู้ติดตามข่าวคงทราบแล้วว่า มาร์ค ซุกเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเฟซบุ๊คขณะนี้อายุเพียง 26 ปีแต่เป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้เขียนคำมั่นสัญญาว่าเขาจะบริจาคทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีอเมริกันอีกกว่า 50 คนนำโดย บิล เกตส์ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เทด เทอร์เนอร์ เดวิด ร็อกกี้เฟลเลอร์ จอร์จ ลูกัส และ บารอน ฮิลตัน (รายละเอียดของคำมั่นสัญญาหาอ่านได้ในเว็บไซต์ www.givingpledge.org

ผมมองว่าการใช้ความมั่งคั่งเช่นนั้นเป็นตัวอย่างอันดีแบบเป็นที่ประจักษ์ อยู่แล้ว แต่สังคมไทยยังไม่นิยมทำกันอย่างกว้างขวางและยังไม่มีมหาเศรษฐีไทยคนใดออกมา ให้คำมั่นสัญญาเช่นเดียวกับมหาเศรษฐีอเมริกัน นอกจากนั้น นักการเมืองของเราจะเทียบรอยเท้าของฮิลลารีได้สักกี่คนโดยเฉพาะในด้านการยึด อุดมการณ์ในการทำงานเพื่อชาติด้วยความซื่อสัตย์อดทนและเสียสละ ส่วนใหญ่ดูจะให้แบบอย่างที่เลวทรามเสียมากกว่า  ยิ่งกว่านั้น เราให้ความสำคัญแก่การศึกษาน้อยกว่าการทำพิธีกรรมจำพวกเฉลิมฉลองและการทำบุญ แบบเทียบกันไม่ติด จริงอยู่พิธีกรรมจำพวกการเฉลิมฉลองมีความสำคัญโดยเฉพาะในวันสำหรับการแสดง ความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ผมมองว่าเราทำกันพร่ำเพรื่อตลอดทั้งปีถึงขนาดกู้หนี้ยืมสินจนสิ้นเปลือง เกินไปยังผลให้เกิดความสูญเปล่าสูงมาก จะเห็นว่าเราเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองของฤดูกาลกฐิน ตามด้วยการลอยกระทงและวันเฉลิมพระชนมพรรษาและอีกไม่ช้าพิธีขึ้นปีใหม่ก็จะมา ถึง 

พิธีและการเฉลิมฉลองเหล่านี้มีความอลังการเพิ่มเรื่อยๆ พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่หมดไปในแต่ละงาน ผมจึงมองว่าถ้าเราจะตัดการใช้จ่ายในด้านนี้ลงมาสักครึ่งหนึ่งแล้วนำเงินส่วน ที่เหลือไปใช้ในด้านการสนับสนุนการศึกษาโดยเฉพาะของเด็กในชนบท ผลตามมาน่าจะดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ด้านการสร้างความเป็นธรรมในสังคม และด้านการพัฒนาซึ่งการศึกษาเป็นหัวใจ  ปราศจากสิ่งเหล่านี้ ความสุขและความสนุกสนานจากงานพิธีและการเฉลิมฉลองจะไม่เป็นไปอย่างจริงใจและ กว้างขวางแบบยั่งยืน

ลองพิจารณาการบริจาคเงินให้วัดซึ่งมีอยู่เกือบสามหมื่นแห่งและโรงเรียน ระดับประถมศึกษาที่มีอยู่สองหมื่นกว่าแห่ง ในชนบทโรงเรียนประถมศึกษาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในหรือใกล้วัด ทุกคนคงเคยสังเกตแล้วว่า โดยทั่วไปวัดมีอาคารอันสง่างามขนาดใหญ่แต่มักถูกปิดไว้ครั้งละนานๆ และกลายเป็นที่อาศัยของนก นอกจากนั้น วัดจำนวนมากยังสร้างพุทธรูปงดงามขนาดใหญ่ไว้อีก ส่วนอาคารโรงเรียนมักจะเล็กกว่าและไม่สง่างาม บางแห่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมเสียด้วยซ้ำ โรงเรียนเหล่านี้มักมีอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอนเพียงจำกัด ทุกปีวัดมีพิธีทอดกฐินและงานเทศกาลหลายครั้งซึ่งมีการเรี่ยไรจนได้เงินรวม กันเป็นก้อนโต ถ้าผู้บริจาคเงินเข้าวัดตัดลงเสียสักครึ่งแล้วนำครึ่งนั้นไปบริจาคให้ โรงเรียน ผมเชื่อว่าการศึกษาของเราจะก้าวหน้ากว่าที่เราเห็นกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง 

นอกจากนั้น หากเราลดการเฉลิมฉลองลงและนำเงินที่ประหยัดได้ไปสนับสนุนการศึกษา ผมที่ตามมาน่าจะยิ่งดีขึ้น ผมมองว่าการทำเช่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการย้อนกลับไปใช้ปรัชญาไทยที่ฮิลลารี เสนอให้สังคมอเมริกันยึดเป็นหลัก นั่นคือ สมาชิกในสังคมทุกคนร่วมกันเลี้ยงดูเยาวชนอย่างจริงจัง เท่าที่ผ่านมา ผมพยายามใช้แนวคิดนี้เป็นฐานของการชักชวนมิตรสหายให้ปันทรัพย์สินมาร่วมกัน สนับสนุนการศึกษา ผลปรากฏว่ามีผู้คนเห็นด้วยเพียงจำกัด ส่วนใหญ่ยังต้องการบริจาคให้วัดหรือพระเพราะคิดว่านั่นจะเป็นการปูทางไปสู่ สวรรค์หลังสิ้นชีวิต ผมพยายามชักชวนให้คิดกันว่าการช่วยกันสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนอย่างจริง จังจะเป็นการช่วยกันสร้างสวรรค์ในสังคมไทยในชาตินี้ แต่ยังไม่ค่อยมีผู้เห็นด้วย ฉะนั้น ในเร็ววันนี้คงยากที่จะเห็นเมืองไทยพัฒนาไปเป็นเมืองสวรรค์ตามที่เราใฝ่ฝัน อยากให้เป็น

Tags : มองการศึกษา อ่านอนาคต ฮิลลารี

view