สิทธิมนุษยชนกับความมั่นคง
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม
ทั้งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น และเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของบ้านเราที่ต่อเนื่องมาโดยตลอด
ส่ง ผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้คนมากมาย ทำให้คิดถึงความมั่นคงของบ้านเมืองและความมั่นคงของความเป็นมนุษย์ที่ต้อง ควบคู่กันไป เพราะเพียงเสี้ยววินาทีของภัยธรรมชาติหรือปัญหาที่เรื้อรัง เช่น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
ความมั่นคงของความเป็นมนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางและสาระสำคัญของสถาบันทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของการอยู่ร่วมกันเป็นประชาชาติ
การดำรงชีวิตของประชาชนอย่างผาสุก จึงเป็นแก่นแท้ของนโยบายความมั่นคงของชาติด้วยกฎธรรมชาติที่รู้สึกและเข้าใจ กันได้ทั่วไป เมื่อความผาสุกของประชาชนเป็นเป้าหมายของความมั่นคงในการมีชีวิตอยู่ของทุก คน หลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์จึงน่าจะเป็นหลักพื้นฐานที่สำคัญของความมั่นคง ของชาติด้วยอย่างแน่นอนเช่นกัน
เมื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวถึงการอยู่ร่วมกันด้วยความเสมอภาคและไม่เลือก ปฏิบัติ ดังนั้น การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจึงน่าจะส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความ สงบสุข หากเกิดความขัดแย้งขึ้นไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจ หรือเมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้น และไม่ว่าจะเกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ก็ตาม การอยู่ร่วมกันด้วยความเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติจะเป็นพื้นฐานของความมั่น คงของสังคมอย่างแน่นอน
เมื่อหันมาเจาะลึกกับสังคมไทยในยุคนี้ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น วิธีการและกระบวนการจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จึงเป็นเสมือนเครื่องมือที่สำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของประชาชาติ และการจัดการความขัดแย้งที่ยั่งยืนดั่งที่เราเรียกกันว่าเป็นกระบวนการ สันติภาพ เพื่อสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมที่สันติยุติธรรมจึงน่าจะเป็นหนทางนำไปสู่ ความมั่นคงในยุคปัจจุบันควบคู่ไปกับความมั่นคงด้านเขตแดน
ในชีวิตประจำวันของการดำรงชีพทั่วไปมนุษย์ย่อมมุ่งคิดถึงความมั่นคงที่ ครอบคลุมไปทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงในชีวิตและร่างกาย ซึ่งมักจะควบคู่ไปกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความเชื่อมั่นในระบบงานยุติธรรม ความมั่นคงของสภาพแวดล้อมทางการเมือง ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านสังคม และความมั่นคงในด้านวัฒนธรรมความเป็นอยู่
การมีมุมมองให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของความหมายของความมั่นคงจึงเป็นมุม มองที่น่าจะทำให้นิยามและความหมายตลอดจนกระบวนการนำไปสู่ความมั่นคงของประชา ชาติมีความสมบูรณ์ และสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และการอยู่ร่วมกันในยุคของโลกไร้พรมแดนได้อย่างยั่งยืนและสันติ
หากเป็นเช่นนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างหลักการสิทธิมนุษยชนหรือพื้นฐานความเป็นมนุษย์จึงเป็น สาระสำคัญหรือแก่นของความมั่นคงของประชาชาติดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นอย่าง แน่นอน ดังนั้น เนื้อหาสาระของความมั่นคงของประชาชาติ จึงน่าจะเป็นเรื่องของการส่งเสริมความมั่นคงให้แก่ภาคพลเมืองซึ่งรวมถึงความ เชื่อมั่นในระบบงานยุติธรรม ความมั่นคงทางการเมือง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางสังคม และส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งความมั่นคงทุกด้านนั้นจะต้องได้รับการส่งเสริมอย่างสมดุล เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
ปัญหาอยู่ที่ว่าจะสร้างกระบวนการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงอย่างไรให้สอด คล้องกับเนื้อหาและวิธีการที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางตามแนวคิดข้างต้น ด้วยเป็นเพราะว่าสถานะและกระบวนการเกี่ยวกับความมั่นคงดังที่เป็นอยู่ ปัจจุบันเน้นไปในด้านของการทหารและการป้องกันอธิปไตยของเขตแดน ดังนั้น การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสสะท้อนความต้องการ และความคาดหวังของความมั่นคงในการดำรงชีวิต จึงน่าจะเป็นมิติใหม่ของการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงของประชาชาติ
แม้ในระยะหลังจะมีการยอมรับความหมายของความมั่นคงครอบคลุมไปถึงความมั่น คงของมนุษย์แต่ในวิธีคิดและในทางปฏิบัติกลับแบ่งแยกความมั่นคงของชาติ ซึ่งเน้นไปในด้านการทหารเท่านั้นออกจากความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเน้นไปในด้านสวัสดิการสังคมและการสงเคราะห์เท่านั้นเช่นกัน ส่งผลให้ทิศทางและกระบวนการกำหนดนโยบายความมั่นคงที่ควรจะครอบคลุมซึ่งกัน และกัน และมีวิธีคิดไปด้วยกันกลับคิด และทำแบบแยกส่วน
การมีมุมมองงานด้านความมั่นคงแบบแยกส่วนจึงเป็นการคิดและทำที่ขัดกับ ธรรมชาติและความเป็นจริงของชีวิตประจำวัน สิ่งที่ทำจึงไม่อาจส่งผลเชิงบวกต่อประชาชนอย่างรอบด้านและก่อให้เกิดความขัด แย้งในสังคมตามมา รวมทั้งส่งผลให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปแบบไม่ยั่งยืน เพราะขาดความเชื่อมโยงไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง
ความมั่นคงหากคิดแบบแยกส่วนขาดเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำอย่างไรก็ไม่มั่นคงอย่างยั่งยืน