สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คำประกาศ อภิสิทธิ์ พรรคอันดับหนึ่งได้ตั้งรัฐบาลก่อน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คำประกาศ"อภิสิทธิ์" พรรคอันหนึ่งได้ตั้งรัฐบาลก่อน มั่นใจเลือกตั้งครั้งนี้สูสี 2พรรคใหญ่รวมกัน 400 เสียง
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในฐานะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ช่อง 3 รายการ "เจาะข่าวเด่น"

ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบัน เอาเสียงข้างมาเป็นหลัก

ถูกต้อง และผมคิดว่าการพูดอะไรต่างๆ ก็ต้องอยู่กับร่องกลับรอย ให้มันเป็นไปตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมยืนยันว่า กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่มีความถูกต้องชอบธรรม ผมพูดโดยที่ผมไม่ต้องรู้ว่าผมจะได้ที่หนึ่ง ได้ที่สอง หรือได้ที่สาม แต่ผมพูดในเชิงหลักการ เพราะฉะนั้นถ้าเราเอาหลักการณ์มาพูดกันทุกอย่างก็จบ หลักการก็คือเป็นตามสากลตามระบบรัฐสภา และเพิ่มประเพณีไทยเข้าไปว่า พรรคอันหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน

เรื่องนโยบาย คิดจะปรับตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น 25 เปอร์เซ็นภายใน 2 ปี

ไม่ครับ เพราะผมถือหลักว่า พูดแล้วต้องทำ ปี 2550 พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า เบี้ยยังชีพ 500 พรรคอื่นบอก 1,000 บาท 2,000 บาท พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ไปเป็นรัฐบาลตอนแรก เบี้ยยังชีพเหล่านั้น 1,000 บาท 2,000 บาท จ่ายได้หรือไม่ จ่ายไม่ได้ แต่ปี 2552 นโยบาย 99 วัน เราทำตามคำพูด เพราะฉะนั้น เมื่อเราพูดแล้วเราต้องทำได้ ผมเห็นว่า 25% ภายใน 2 ปี ทำได้ อันแรกที่ต้องเข้าใจ ค่าแรงไม่ได้เท่ากันทุกจังหวัด เขาจะคิดตามค่าครองชีพ ตามความเป็นจริงที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ 215 บาท ค่าแรงไม่ได้สูงสุด จ.ภูเก็ตสูงสุด แต่บางจังหวัดขณะนี้ 160 บาท ผมถามว่า 160 ขึ้นไปเป็น 300 บาท 1.ธุรกิจที่อยู่ๆ แล้วจะอยู่อย่างไร 2.ธุรกิจที่คิดจะไป จะไปหรือไม่ ค่าแรงเท่ากับกรุงเทพฯเขาก็ต้องอยู่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นนโยบายเมื่อพูดแล้วต้องทำได้จริง ของผมไม่กล้าพูดมากกว่า 25% ภายใน 2 ปี เพราะผมคำนวณแล้วว่า จะมีปัญหาในเรื่องของการอยู่รอดของธุรกิจ และผมก็ต้องเอามาตรการอื่นเข้ามาดูว่าธุรกิจอยู่ได้อย่างไรกับการก้าวกระโดด 25% ภายใน 2 ปี

 เขาบอกเขาลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 30 เหลือ 23% เพื่อจะไปจ้างค่าจ้างขั้นต่ำหรือให้เงินปริญญาตรี จบการศึกษา 15,000 บาท เขาอ้างว่าเขาทำได้ ใช้ลดภาษี แล้วบริษัทก็จะได้ลดภาษีนิติบุคคลลงแล้วมาขึ้นค่าจ้าง

วผมได้สอบถามบริษัทต่างๆ แล้ว เขาบอกว่ามันชดเชยกันไม่ได้ เพราะว่าต้นทุนมันสูงขนาดนั้นแล้วเจ๊ง คุณไม่เสียภาษีอยู่แล้ว ไม่ต้องมาพูดว่า 30 % หรือ 23% เรื่องจริงเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น มาตรการที่จะมารองรับเรื่องค่าแรง เราถึงเสนอให้ครบถ้วนทั้ง 4 ด้าน ทั้งในเรื่องของการที่จะมีการเพิ่มทักษะ 2 ด้าน คือ สถานะคุณวุฒิวิชาชีพ มีกองทุนมาปรับในเรื่องของทักษะแรงงาน แล้วไปลดต้นทุนในเรื่องของวัตถุดิบ เครื่องจักร ส่งเสริมให้มีการนำเข้าเครื่องจักรบางส่วน เพราะต้องมีการปรับตัวของธุรกิจ ภาษีก็ต้องทำ แต่ภาษีเป็นภาษีตัวหลักไม่ใช่ภาษีเงินนิติบุคคล เพราะอย่างที่ผมบอกอาจจะไม่ได้ไปแก้ปัญหาตอบโจทย์กับคนซึ่งไม่สามารถแบกรับค่าแรงที่สูงได้ สิ่งที่เราจะทำเป็นมาตรการชั่วคราว ระหว่างที่มาตรการอื่นอาจจะไม่มีผล ที่จะมาช่วยชดเชยกับค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นไปได้ ก็คือการเพิ่มการหักค่าลดหย่อนสำหรับค่าแรงที่จ่ายเพิ่มขึ้น อันนี้ทำได้จริง 25% ภายใน 2 ปี

กำลังจะบอกว่าคนอื่นทำไม่ได้เลย

 อยู่ที่ประชาชนที่จะไปสอบถาม ถามนายจ้าง ถามธุรกิจก็ได้ แต่บางกรณี ผมคิดว่า ใช้สามัญสำนึกได้ ถ้าค่าจ้างซึ่งปัจจุบันห่าง กันระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดในภาคเหนือ หรือภาคอีสาน ห่างกันอยู่ 50 บาท วันนี้ต้องมาจ่ายเท่ากัน จะมีธุรกิจไหนไปลงทุนต่างจังหวัดในเมื่อความพร้อมทุกอย่างอยู่ที่นี่ ค่าครองชีพ ต้นทุนอะไรต่างๆ ที่นี่ก็แตกต่างจากที่ต่างจังหวัด

ไม่เชื่อว่าเขาทำได้

ผมบอกว่า มันเป็นนโยบายที่ยังไม่มีคำตอบ ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร รวมไปจนถึงว่า การคิดคำนวณออกมาว่า ภาระงบประมาณทั้งหมดของแต่ละพรรคเป็นอย่างไร ประชาธิปัตย์ที่บอกตัวเลขต่ำกว่าพรรคอื่น เพราะได้คำนวณแล้วทำได้อยู่ในกรอบของงบประมาณที่เราเตรียมไว้ สำหรับงบประมาณปี 2555 ซึ่งยังมุ่งหน้าไปสู่การที่จะมีงบประมาณ สมดุลภายใน 4 ปีข้างหน้า

แต่ยอมรับว่า สิทธิ์ประโยชน์น้อยกว่า

ใช่ เพราะว่าให้จริง ถามว่า ประชาธิปัตย์ถ้าตั้งรัฐบาล อาจจะเป็นรัฐบาลผสม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมเชื่อว่าเวลานี้อย่างไรก็เป็นรัฐบาลผสม

 ภูมิใจไทย ยังอยู่แน่

เวลานี้ตอบอะไรไม่ได้ ต้องดูผลการเลือกตั้ง

ภูมิใจไทย หาเสียงขึ้นป้าย ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 7% เหลือ 5% สินค้าจะถูกทันที ถ้าร่วมรัฐบาลกัน ภูมิใจไทยบอกว่าได้หาเสียงไว้ จาก 7% เหลือ 5% ประชาธิปัตย์จะว่าอย่างไร

ผมก็ต้องยืนยันนโยบาย เพราะผมไปดูมาแล้ว ผมเห็นสินค้าส่วนใหญ่ที่ประชาชน คนยากคนจนใช้ จริงๆแล้วไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น เรื่องอาหารสด ไม่ได้มองว่าการแก้ปัญหาตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญ แล้วการที่ใครจะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันว่า เราจะเป็นที่จะต้องยึดเอานโยบายของเราเป็นหลัก ถ้ามีนโยบายเสริมบางเรื่อง หรือว่าทำได้ และไม่กระทำกับทิศทางภาพรวม อันนี้ก็ต้องมาเจรจากัน

ลด VAT 7% เหลือ 5 ของภูมิใจไทย ถ้ามาร่วมกับประชาธิปัตย์ ทำไม่ได้

ผมคิดว่าไม่ทำ เอาของประชาธิปัตย์เป็นหลัก ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ แต่ผมเห็นว่าไม่ใช่นโยบายที่จะแก้ปัญหาเรื่องที่เขาเสนอได้

ถ้าเป็นนายกฯต่อประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลจะเปลี่ยนไปอย่างไร

ประเทศนี้กำลังมีโอกาสในการที่จะก้าวพ้นหลายเรื่อง วันนี้ที่เราพูดถึงการปรองดอง มันกำลังเป็นบททดสอบสำคัญของประเทศ เมื่อเราคิดว่าการปรองดอง คือการที่บอกว่าใครเสียงดัง ใครข่มขู่ ต้องได้ดังใจ หรือเรากำลังจะบอกว่า วันนี้เราก้าวให้พ้นว่าประชาชนสนับสนุนพรรคที่จะมาทำให้บ้านเมืองนี้ปกคอรงด้วยกฎหมาย เป็นนิติรัฐ เป็นนิติธรรม เราอยากจะอยู่ในบ้านเมืองซึ่งคนกลัวกฎหมาย หรืออยากจะอยู่ในบ้านเมืองซึ่งคนต้องกลัวคนเสียงดังกว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สำคัญ เพราะสิ่งที่เรากำลังพูดมันไปถึงหลายเรื่อง คำว่า "นิรโทษกรรม" ฟังดูอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ความผิดที่กำลังจะนิรโทษกรรมมีการคอรัปชั่น มีการทำรายทรัพย์สินของราชการ เราจะยอมรับกระบวนการเหล่านี้หรือไม่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยและคนไทยกำลังจะต้องเลือกด้วย

ถึงแม้อีกฝั่งหนึ่งเขาจะอ้างว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม

ความไม่เป็นธรรมอย่างที่ผมบอก ถ้ามีคนกลางมานำเสนอ มาฟื้นฟูข้อเสนอเยียวยา ข้อเสนอแก้ไข เรายินดี เหมือนที่ผ่านมาข้อเสอนของท่านนายกฯอานันท์ ข้อเสนอของคุณหมอประเวศ ข้อเสนอของอาจารย์คณิต เราก็ได้เริ่มทำไปแล้วบางส่วน นี่คือสิ่งที่จะต้องทำ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือว่า ถ้าเราก้าวพ้นตรงนี้ได้ ศักยภาพเศรษฐกิจไทย พิสูจน์มาแล้ว 2 ปีกว่าที่ผ่านมา เจอวิกฤติการเงิน วิฤติกาเมือง เจอภัยธรรมชาติ หลายอย่าง แต่เราฟันฝ่ามาด้วยกัน แต่ตอนนี้เศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะมีเรื่องปัญหาของแพง ก็ต้องแก้ไขกันไป แต่นอกจากการพิสูจน์ศักยภาพเศรษฐกิจ ครั้งนี้ ถ้าเรากลับไปเป็นรัฐบาลจะเป็นการพิสูจน์ถึงศักยภาพความเติบโตและวุฒิภาวะของการเมืองและประชาธิปไตยของไทย แล้วเราจะได้เดินหน้าแก้ปัญหาที่มันสะสมหมักหมม มานานในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นๆ ด้วย

หวั่นไหวหรือไม่ ภูมิใจไทย , ชาติไทยพัฒนา , ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เหมือนแห่กันไปหาเพื่อไทย จะไปเป็นใบเฟิร์น โพลต่างๆ เหมือนว่า ประชาธิปัตย์จะแพ้

ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมคิดว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคเขาก็เปิดทางเลือกเอาไว้ และเป็นเรื่องปกติธรรมดา เขายังพูดคุยกับผมอยู่ เนื่องจากยังเป็นครม.อยู่ ที่ผ่านมาการหาเสียงก็ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ก็มีท่านนายกฯบรรหาร บ่นผมนิดหน่อย ผมก็ยืนยัน ตรงไปตรงมาอย่างนี้ว่า บางเรื่องถ้าผมเห็นว่ามันไม่ควรทำ ผมก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้น ไม่เป็นเรื่องแปลก ถ้าสมมุติว่าแต่ละพรรคเขาไม่สามารถรับเงื่อนไขบางอย่างได้ แล้วจะไปตัดสินใจไปอยู่กับอีกขั้วหนึ่ง ผมก็เคารพ แต่ผมก็ต้องรักษา สิ่งที่ผมถือว่าเป็นหลักการ เป็นนโยบาย เป็นอุดมการณ์ที่พูดคุยกับพประชาชนไว้

คุณเนวิน กับ คุณบรรหารเคยขอให้เปลี่ยนนายกฯ จริงหรือไม่

ก็บนผมอยู่เยอะ เพราะหลายเรื่องผมไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่ตามใจ และผมยังยืนยันอย่างนี้ ผมถือว่าเมื่อผมเป็นนายกฯ ผมต้องรับผิดชอบ หลายโครงการที่ไม่ผ่าน ผมก็เข้าใจ เขาอาจะมีความรู้สึกว่า ทำไมโครงการเขาไม่ผ่าน แต่ผมก็มองว่า โครงการเหล่านั้นในทัศนะของผมมันไม่ควรจะผ่านก็ต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผล

ไม่โดดเดี่ยวใช่หรือไม่ ในวันนี้

ไม่ครับ ส่วนเรื่องโพล ส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจ 40-50% ก็ว่ากันไป มีเวลาอีก 1 เดือน

ยังมั่นใจหรือไม่

ผมไปพบกับประชาชนที่ผ่านมา ทุกภาคหลายพื้นที่ ผมมีความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนต้องการเดินหน้าประเทศ และถ้าได้รับฟังข้อมูลเหตุผลต่างๆ ตอบรับดี นโยบายบางนโยบายที่เราทำแล้ว ที่เราสัญญาว่าจะทำพูดแล้วเราก็ทำให้เห็น เรื่องเรียนฟรี , เบี้ยผู้สูงอายุ , ประกันรายได้ ได้รับการตอบรับดีมาก บางเรื่องที่เขาหงุดหงิดอยู่ คือเรื่องของแพง เวลาไปพูดคุยกันแล้ว เขาก็เข้าใจ เพราะผมก็ถามเหมือนกันว่า ทุกคนพูดได้ว่าของแพง มีใครเสนอบ้างว่าของแพงแก้อย่างไร เขาก็บอกว่าไม่มี เขาก็ได้ฟังจากคนอื่นบ่น แต่พอเขารับรู้ว่า เราตรึงราคาแก๊ซหุงต้มไว้อย่างไร ตรึงราคาดีเซลไว้อย่างไร กำลังไล่ดูต้นทุนของสินค้าที่มันเป็นสินค้าจำเป็น เช่น ไข่ไก่ ซึ่งวันนี้มีแนวโน้มว่าราคาจะลดลงอีก 10 สตางค์ของเหล่านี้ก็ทำให้เขามีความเข้าใจเรามากขึ้น

 คิดว่าประชาธิปัตย์จะได้กี่ที่นั่ง

ผมไม่อยากประเมินตัวเลข แต่ผมมั่นใจว่า เราได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แล้วการเลือกตั้งครั้งนี้จะสูสีมาก ๆ และผมพูดจริง แต่ว่ามีการพยายามจะสร้างกระแสบางพรรคจะชนะถล่มทลาย ผมไม่เชื่อ และผมก็คิดว่าตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ เพราะถ้าตัวเขาเชื่อคงไม่มานั่งคาดคั้นหรอกว่า ทำไมต้องพรรคที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะได้ถ้าได้ 270 คุณเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว

เชื่อหรือไม่ว่า 2 พรรคจะแย่ง 400 ส.ส.

ผมเชื่อว่า 2 พรรคมีโอกาสที่จะได้ ส.ส.รวมกันประมาณ 400

 จะชนะแพ้กัน 10 , 5

ไม่มากครับ ประมาณนั้น

คุณเนวินวิเคราะห์ ประชาธิปัตย์ แพ้เลือกตั้ง จะออกจากหัวหน้าพรรค

ผมบอกได้เลยว่า ถ้าผมทำพรรคเสียหาย ผมต้องแสดงความรับผิดชอบ พรรคประชาธิปัตย์เป็นระบบที่สุด สมมุติว่าผมได้ ส.ส.ซัก 150 คน คุณว่า พรรคจะให้ผมอยู่เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ไม่มีทาง เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเราต้องรับผิดชอบกับผลงานที่เกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าพรรค ถ้าผมทำให้พรรคถดถอย ผมต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นมาบริหารพรรค

Tags : คำประกาศ อภิสิทธิ์ พรรคอันดับหนึ่ง ตั้งรัฐบาลก่อน

view