"ถมทะเลอ่าวไทย" ถามใคร...หรือยัง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"โครงการนี้ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ เพราะช่วยแก้น้ำท่วม สร้างอาชีพ เศรษฐกิจ ทำให้สมุทรปราการเป็นแหล่งท่องเที่ยว"
ไม่แปลกใจที่บรรดา ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ต่างออกมาขานรับโครงการถมทะเลตื้น ทันทีที่ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของแนวคิดตัวจริงออกมาตีปี๊บผ่านสื่อ ว่า จะถมทะเล 3 แสนไร่ แถวพื้นที่อ่าวไทยตอนในรูปตัว ก. โดย 2 แสนไร่ จะใช้เป็นพื้นที่สาธารณะ และอีก 1 แสนไร่ จะแบ่งขายให้กับนักธุรกิจ
แม้อภิมหาโปรเจคนี้ จะถือเป็นหนึ่งในจุดขายนโยบายของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นหาเสียง ซึ่งขณะนั้น นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้นำสารนี้ผ่านทางเวทีต่างๆ มาหลายหน แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมพูดถึงรายละเอียด โดยอ้างว่าต้องรอความชัดเจนก่อน
กระทั่งพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ความชัดเจนเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อทักษิณ ออกมาย้ำว่าเป็น 1 ใน 3 โครงการขนาดใหญ่ที่พรรคจะเดินหน้า ขณะที่อีกฟากก็เริ่มมีเสียงคัดค้านจากกลุ่มนักสิ่งแวดล้อมทางทะเล ชาวประมง และกลุ่มนักอนุรักษ์ หลายคนพูดตรงกันว่า
"ถ้าโครงการนี้เกิด เป็นความฉิบหายของท้องทะเลไทยอย่างถาวร" !!!
เนื่องจากพื้นที่อ่าวไทยตอนในรูปตัว ก. ซึ่งครอบคลุม 3 สมุทร คือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงครามนั้น ถือเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนทางระบบนิเวศอย่างมาก ไม่เพียงแค่แหล่งทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์ แต่อ่าวไทยยังเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงหลายพันครอบครัว ที่พวกเขาคงไม่มีโอกาสอยู่ติดทะเล ถ้าพื้นที่ต้องถูกนำไปถม
"ถ้าผมอยู่บางขุนเทียน ผมคงร้องไห้ และถ้าเป็นผมก็จะไม่ทำโครงการนี้ ถึงจะมีบางคนบอกว่าเป็นความท้าทาย แต่ต้องเข้าใจศักยภาพของทะเลอ่าวไทยโดยรวม และคำนึงความจำเป็นถึงขั้นที่ต้องทำหรือไม่"
คำพูดของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ที่เขาเองก็ยอมรับว่ายังงง กับโครงการนี้ เพราะเอาเรื่องของการถมทะเลสร้างเมืองใหม่แถวอ่าวไทย กับการป้องกันน้ำท่วมไปเชื่อมโยงกัน ทั้งที่ความเป็นไปได้ แทบจะไม่มี
ในฐานะนักสิ่งแวดล้อมทางทะเล ธรณ์เป็นห่วงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นอันดับแรก ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ระบบนิเวศทางทะเลเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และมีผลกระทบในวงกว้างรุนแรงในหลายรูปแบบ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร ระบบนิเวศ การกัดเซาะชายฝั่ง วิถีประมง และชุมชนรอบอ่าวไทยตอนใน รวมถึงความคุ้มทุนของโครงการ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครเคยถามชาวบ้านว่าอยากเห็นการถมทะเลสร้างเมืองใหม่ และบูมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือไม่
"ผมยังไม่รู้ว่าจะถมพื้นที่ 3 แสนไร่ได้อย่างไร ในเมื่อตรงจุดนั้น เป็นทะเลโคลนเกือบทั้งหมด ขณะที่ปริมาณทรายมหาศาลจะเอาจากไหนมาถม ประเทศไทยไม่ได้มีศักยภาพพื้นที่เหมือนกับดูไบ ที่รายล้อมไปด้วยทรายมากมาย แล้วจะเอาอะไรมาเป็นจุดขาย เพราะแถวนั้นก็ไม่เห็นมีการสร้างบ้านพักตากอากาศ หรือท่าเรือยอชท์ เพราะมันเป็นดินโคลน"
เขาบอกว่า แต่ถ้าจะเดินหน้ากันจริงๆ รัฐควรต้องเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมทั้งนักวิชาการ ระดมความคิดจากทุกฝ่ายเข้ามารวมกัน เพื่อวิเคราะห์ให้รอบด้านก่อนที่รัฐบาลจะผลักดันโดยไม่ฟังเสียงใคร เพราะเรื่องนี้มีคำถามล้านแปด ที่ทุกคนรอคอย ซ้ำยังอาจเป็นโครงการแรกที่ต้องมีการศึกษาทางวิชาการครั้งใหญ่สุดเท่าที่ไทยเคยทำมา
กระนั้นก็หวังว่า นายปลอดประสพ เบอร์หนึ่งรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมคนใหม่ ทำงานด้านทรัพยากร ก็คงรักธรรมชาติ พอๆ กับที่ชาวประมงรักทะเล ที่ไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง...