สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ศึกสายเลือด ธีระชัย VS ประสาร จับตายก 2 ธปท.ส่งการบ้านคลัง

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

การตอบโต้ทางความคิดและนโยบายของ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ขุนคลัง มือใหม่ กับ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลายเป็นมวยคู่เอก ซึ่งอาจเรียกว่าทั้งคู่มาจากสายเลือดเดียวกัน คือเป็นนักเรียนทุนของ ธปท. หลังจากที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ทั้งคู่ก็กลับมาทำงานใช้ทุนที่ฝ่ายกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานตามสายงานที่ตนเองมีความถนัด

โดยนาย ประสารย้ายไปนั่งในตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.ล.ต. ในปี"42 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต.ในปี"43 จากนั้นปี"46 ก็ย้ายไปนั่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์กสิกรไทย

ส่วนนายธีระชัย ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งได้รับมอบหมายให้ไปดูแลงานด้านการบริหารทุนสำรอง จากนั้นในปี"41 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. พอปี"45 ได้รับการโปรโมตให้เป็นรอง ผู้ว่าการ ธปท. ก่อนที่จะย้ายไปนั่งเป?นเลขาธิการ ก.ล.ต. แทนนายประสาร

ต่อมาใน ปี"53 ทั้งคู่ก็โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงที่ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ที่ยังว่างลง แต่นายประสาร มีภาษีดักว่าได้เป็นผู้ว่าการ ธปท. ทำให้ที่ผ่านมา บทบาทหน้าที่ของนายประสารมักจะก้าวล้ำนำหน้านายธีระชัยไป 1 ก้าวเสมอ

จน กระทั่งพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง นายธีระชัยได้รับเทียบเชิญให้ไปนั่งในตำแหน่งขุนคลัง แต่ในระหว่างที่รัฐบาลปู 1 ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ ปรากฏว่านายประสารเปิดประเด็นก่อน โดยให้สัมภาษณ์ทำนองที่ว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายหาเสียงของรัฐบาล ที่ต้องใช้เงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะทำให้งบฯปี 55 มียอดขาดดุลเกินกว่า 3.5 แสนล้านบาท และไม่สามารถเข้าสู่สมดุลได้ภายใน 5 ปี และอาจมีผลทำให้เงินเฟ้อขยายตัว ธปท.จำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ย

ตรง นี้ถือเป็นการลองของ นายธีระชัย ขุนคลังมือใหม่อย่างแรง ซึ่งนายธีระชัยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็เปรียบเสมือนการขับรถ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งคอยเหยียบคันเร่งส่งอย่างเต็มที่ แต่อีกฝ่ายหนึ่งคอยดึงเบรกมือ เท่ากับที่ทำไปนั้นสูญสลายไปหมด มันไม่เมกเซนส์เลย"

หลังรัฐบาลปูแถลงนโยบายเสร็จ ก็เป็นจังหวะที่นายธีระชัยจะเอาคืน โดยนายธีระชัยได้เชิญผู้ว่าการ ธปท.มาหารือที่คลัง พร้อมกับฝากการบ้าน 4 ข้อ ให้ผู้ว่าการ ธปท.กลับไปช่วยคิดแล้วกลับมาเสนอภายใน 1 เดือน โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การแก้ไขปัญหาหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ(FIDF) วงเงิน 1.1 ล้านล้านบาท ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจัดงบฯไปจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ที่ลงทุนในพันธบัตร FIDF แล้ว 6.7 แสนล้านบาท ขณะที่ ธปท.ต้องดูแล ค่าเงินบาท จึงไม่มีกำไรที่จะไปลดหนี้ของ FIDF

แต่การแก้ไขปัญหาหนี้สินของ FIDF มีหลายส่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข เริ่มตั้งแต่การดำเนินนโยบายดอกเบี้ยสูง ที่ทำให้ ธปท.มีต้นทุนในการออกพันธบัตรเข้าไปดูดซับสภาพคล่องสูงขึ้น และเมื่อเทียบกับผลตอนแทนที่ได้รับจากการนำสินทรัพย์ไปลงทุนในต่างประเทศ จึงทำให้ ธปท.ขาดทุน ซึ่งการหารือในวันนั้นได้มีการพูดถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แห่งชาติ ซึ่งเป็นที่มาของปมขัดแย้ง แต่สุดท้ายก็ถูกชะลอเอาไว้ เพราะนายกฯยิ่งลักษณ์ออกมาเบรก

จบยกแรก เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายเสมอกัน โดย ธปท.ส่งสัญญาณชัดว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ผ่านมาน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ฝ่ายคลังก็ชะลอเรื่องกองทุนความมั่งคั่งฯ

แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะขุนคลังมือใหม่ประกาศว่า ยกสองจะเริ่มต้น หลัง ธปท.ส่งการบ้านในเดือนหน้า

Tags : ศึกสายเลือด ธีระชัย ประสาร จับตา ยก 2 ธปท. ส่งการบ้าน คลัง บัญชี ฝึกอบรม สำนักงานบัญชี ทุจริต ทำบัญชี ที่ปรึกษา สอบบัญชี การจัดการ เศรษฐกิจการลงทุน

view