สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชมรมสื่อกำมะลอ ยื่นสภาการฯ สอบ ไทยโพสต์-กรุงเทพธุรกิจ อ้างละเมิดจริยธรรม

“ชมรมสื่อกำมะลอ” ยื่นสภาการฯ สอบ “ไทยโพสต์-กรุงเทพธุรกิจ” อ้างละเมิดจริยธรรม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

คนเสื้อแดงอ้างตัวเป็นชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือร้องเรียนสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ อ้าง “กรุงเทพธุรกิจ-ไทยโพสต์” เสนอข่าวเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ และเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ นสพ.ฉบับอื่นเคยถูกตรวจสอบมาแล้ว
       
       เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตยและคณะ ได้เข้าพบ นายสวิชย์ บำรุงสุข ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนหนังสือพิมพ์องค์กรสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ 2 ฉบับ ได้แก่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2554 และหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับประจำวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2554 โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ขาดซึ่งจริยธรรมของนักหนังสือพิมพ์ที่ดี ซึ่งต้องเสนอข่าวด้วยความถูกต้องเป็นจริงสู่สาธารณชน โดยต้องไม่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงในเนื้อหาสาระเพื่อให้ผู้อื่นได้รับ ความเสียหายและปราศจากข้อมูลที่ถูกต้อง
       
       เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในยุคที่แมลงวันตอมแมลงวัน เรามีสิทธิที่จะตรวจสอบความเหมาะสมในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนด้วยกัน เพื่อให้เกิดความปรองดองและประคับประคองให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ดี ขึ้น ดังนั้น ชมรมฯ จึงรวมตัวกันร้องเรียนต่อสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ให้ดำเนินการตรวจสอบจรรยาบรรณการทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติกับหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ มาแล้ว
       
       ด้าน นายสวิชย์ บำรุงสุข ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สภาการหนังสือพิมพ์ฯ กล่าวว่า สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการตามข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์ฯว่าด้วยการพิจารณาเรื่องราว ร้องทุกข์ พ.ศ.2540 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 โดยขั้นตอนภายหลังจากรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ทางสำนักเลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ จะส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้แก่คณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อดำเนินการส่งเรื่องไปยังผู้ถูกร้องเรียนให้ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวภายใน 15 วัน
       
       หากผู้ถูกร้องเรียนชี้แจงกลับมา ทางสำนักเลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ จะส่งคำชี้แจงดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องเรียนทราบ หากเป็นที่พึงพอใจคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ จะมีมติให้ยุติเรื่องร้องเรียน แต่หากผู้ร้องเรียนไม่พึงพอใจ คณะอนุกรรมการฯ จะนำกลับมาเข้าขั้นตอนการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทางคณะอนุกรรมการฯ จะส่งข้อสรุปดังกล่าวให้แก่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับทราบ และหากข้อสรุปไม่เป็นที่พอใจ ทั้งผู้ถูกร้องเรียน และผู้ร้องเรียนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน โดยคณะกรรมการจะตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ขึ้นมาพิจารณาก่อนส่งผลให้ คณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ พิจารณารับรองหรือไม่รับรอง เพื่อหาข้อยุติต่อไป
       
       อนึ่ง จากการตรวจสอบข้อมูลชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เป็นเลขาธิการนั้น เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน และพบว่าได้เคลื่อนไหวตามแนวทางของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา บุคคลกลุ่มนี้ได้เข้าร่วมกับนายสิงห์ทอง บัวชุม อดัตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวจัดงานทำบุญวันเกิด 4 ภาคให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 62 ปี ที่วัดแก้วฟ้า โดยในการจัดงานครั้งดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ามีกิจกรรมที่ไม่ เหมาะสม เนื่องจากในงานดังกล่าวได้นำรูปหล่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์มาร่วมพิธีและ ใช้ชื่องานว่า “62 ปี คืนคนดีกลับบ้าน บูชาคุณแผ่นดิน”
       
       ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มคนดังกล่าวได้ยื่นหนังสือต่อผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เพื่อให้ดำเนินการลงโทษ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการออกพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ จน ร.ต.อ.เฉลิม ไม่พอใจและเดินหนี โดยอ้างว่า น.ส.สมจิตต์ ได้ตั้งคำถามต่อ ร.ต.อ.เฉลิม ในลักษณะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเลือกข้างพรรคการเมือง

 


 

“ธิดา”เตรียมยื่น“ประชา”เร่งช่วยก๊กแดงตามข้อเสนอ คอป.

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

รักการประธาน นปช.เตรียมยกพวก ยื่นหนังสือ“ประชา” พุธนี้ จี้รัฐบาลทำตามคำแนะนำ คอป. ให้ผู้เกี่ยวข้องเหตุสลายชุมนุมปี 53 เข้าสู่ระบบยุติธรรมเท่าเทียมกัน พร้อมตรวจสอบ ตั้งข้อหาขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-หมิ่นเบื้องสูง เกินจริงหรือไม่
       
       เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ย. เวลา 15.00 น. จะเดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ ศปภ.กระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้เร่งรัดให้รัฐบาลปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและ ค้นหาความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) จำนวน 7 ข้อ ที่มีเนื้อหาให้รัฐบาลตรวจสอบและผลักดันให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ความรุนแรงทางการเมืองช่วงเดือนพ.ค. 53 เข้าสู่ระบบยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงตรวจสอบว่าการแจ้งข้อหาและคุมขังในคดีขัด พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และชุมนุมเกิน 10 คน หรือหมิ่นสถาบันว่ามีการตั้งข้อกล่าวหารุนแรงเกินจริงหรือไม่ โดยเบื้องต้นอาจจะต้องแยกกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากผู้ต้องขังในคดีปกติ เพื่อความยุติธรรม นอกจากการยื่นหนังสือดังกล่าวแล้วทางคณะกรรมการของ นปช.จะมีการหารือเกี่ยวกับการเยียวยา ฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองด้วย

 


 

“เฉลิม” อ้าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ แค่สับขาหลอก ลั่นดัน พ.ร.บ.นิรโทษ ช่วย “ทักษิณ” ทุกคดี

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“เฉลิม” อ้าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ แค่สับขาหลอก เช็กกระแสกลุ่มต้าน เย้ยมีแต่พวกขาประจำ เตรียมดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภา ช่วย “นช.แม้ว” พ้นทุกคดีที่ค้างอยู่ รวมทั้งฝ่ายต่างๆ ที่มีคดีเคลื่อนไหวทางการเมือง ยัน “ทักษิณ” ไม่กลับประเทศปลายปีนี้ ยกหาง “นายใหญ่” เป็นพญาหงส์ ไม่ลงหนองน้ำเล็ก แบไต๋สัมพันธ์ “ชูวิทย์” เป็นผู้แอบให้ข้อมูล 4 รมต.ทำข่าว พ.ร.ฎ.อภัยโทษ รั่ว ขู่ “มาร์ค-เทือก” ขาสั่นแน่ หากรู้สำนวนคดี 91 ศพ ที่เจ้าหน้าที่ภายใตัการควบคุมของรัฐบาลชุดนี้ทำ
              ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจน ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ปี 2554 โดยใช้เวลาในการให้สัมภาษณ์นานเกือบ 20 นาที ว่า ไม่มีใครบอกว่าจะทำอะไรที่แปลกประหลาด ตนยังย้ำมาแต่ต้นว่า 1.ต้องไม่ผิดกฎหมายหลักนิติธรรม 2.ต้อง ไม่ให้คนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะ พรรคฝ่ายค้านเขาตั้งข้อสังเกต ตนก็อธิบายให้ฟัง ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด รัฐบาลอาจจะตรวจสอบความรู้สึกของคนที่ไม่หวังดีและไม่คิดดี ยังไม่ทันรู้เรื่องราวอะไรก็เอะอะมะเทิ่ง ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ก็หน้าเดิมๆ ชุดที่คิดว่าเราจะแพ้เลือกตั้ง แล้วที่ออกมาภายในวันนี้ก็จะรู้ เพราะหากคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบแล้วเรียบร้อย ก็ไม่จำเป็นต้องนำกลับมาพิจารณาในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง เว้นแต่เห็นว่าไม่เรียบร้อย หรือเห็นไม่ตรงกันก็อาจนำกลับมาเข้า ครม.แต่ตนในฐานะคนเรียนกฎหมายเห็นว่าเมื่อเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องนำกลับมา เข้า ครม.อีก
       
       ผู้สื่อข่าวแจ้งว่าไม่ใช่เพราะรัฐบาลโยนหินถามทางแล้วถูกสังคมต่อ ต้านจึงต้องถอยหรือ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะถอยไปเพื่ออะไร เพราะไม่ได้เดินหน้า ยืนเฉยๆ ตอนรัฐประหาร กล่าวห าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไว้หลายเรื่อง สังคมไทยจึงต้องกลับมาดูว่า ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาจากอำนาจเผด็จการ ไม่ได้มาจากหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ แต่พวกคุณปล้นอำนาจรัฐแล้วมากล่าวหาท่าน รัฐบาลคิดเป็น ถ้าไปออก พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณก็พ้นแค่คดีเดียว ยังเหลืออีก 4 คดี ไม่มีใครเขาคิด
       
       “เรื่องนี้อย่ามาโทษผมหรือไปแอบซุบซิบบนเวที ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไปแอบวางแผนเรื่องนี้มานาน ไม่ใช่ ผมเปิดเผย นับแต่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมในปี 2552 ที่ จ.สกลนคร จ.ศรีสะเกษและจ.มหาสารคาม ก็ชนะขาดโดยนโยบายนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน เลือกตั้งทั่วในปี 2554 ผมในฐานะหัวหน้าทีมปราศรัยก็ชูเรื่องนี้ ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย มากๆ จะได้หาทางสร้างความปรองดอง แต่แนวคิดของผมควรได้ทุกภาคส่วน ไม่เห็นผิดอะไรเลย ผมบอกประชาชนมาตลอด อย่ามาตกใจ ไม่ใช่เพิ่งคิด”
       
       ส่วนที่ พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้าน พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษปี 2554 ทั้งที่มีเนื้อหามาจากร่างที่ตัวเองเสนอชี้ให้เห็นอะไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ก็ยังทำใจไม่ได้ที่ตัวเองแพ้เลือกตั้งกระจุยกระจาย” เมื่อถามว่า แสดงว่า แนวคิดล้มรัฐบาลยังอยู่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีหรอกพวกนี้พอวันนี้แพ้ พรุ่งนี้ก็คิดจะล้มรัฐบาลแล้ว แต่มันทำไม่ได้หรอก เพราะตนไม่ได้ปิดบัง สุดท้ายเขาจะแพ้ภัยตัวเอง เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เพราะตนไม่ได้ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ปราศรัยทุกที่ว่าถ้าพี่น้องประชาชนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ให้มีความปรองดองทุกภาคส่วน ลืมความหลังแล้วเริ่มต้นใหม่ให้เลือกเพื่อไทยที่สุดก็ได้มา 265 เสียง
       
       ต่อข้อถามว่า จะเริ่มคืนความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ปี 2554 หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนละเรื่อง ไม่มี “ถ้าจะทำต้องออกเป็นพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผ่านสภา” ถ้าคิดจะทำ ผมกำลังรอดูวันเวลาอยู่ เรื่องนี้ผมหนักใจ เพราะถ้าไม่คิดบ้าง ต่อไปก็เดินภาคเหนือกับภาคอีสานไม่ได้ เพราะไปปราศรัยหาเสียงไว้ ”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า จะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเมื่อใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องดูจังหวะเวลา ตนยังไม่บอกว่าเมื่อไรเหมาะ แต่ยืนยันว่าถ้าจะทำ จะทำแบบเปิดเผย ก็มาตั้งม็อบด่า ตนก็ด่ากลับ เพราะตนคิดเช่นนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งคิด ต้องเห็นใจตน ในพรรคเพื่อไทยไม่มีใครแบกภาระนี้หนักเท่าตน เพราะไม่มีใครพูดเรื่องนี้ ใครไม่เอาก็สมน้ำหน้า คนส่วนใหญ่เขาเอาด้วย นี่ยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือว่าบ้านเมืองไปถึงไหนกันแล้ว เขาอยากเห็นความปรองดอง มาทะเลาะกันไม่มีประโยชน์ แต่ต้องได้ทุกภาคส่วน
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว จะเกิดความปรองดองหรือ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “91 ศพก็ใกล้ตัวเข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวก็ครางฮือๆ เหมือนนกกระทุมหรอก” เมื่อถามว่าเหตุที่คำให้การพยานในคดี 91 ศพเริ่มเปลี่ยนไปเพราะรัฐบาลชุดนี้ไปกดดันหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ ความจริงเริ่มปรากฏ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วสวมบทสมภารเฉย มันก็เฉยๆไปเรื่อย รัฐบาลชุดนี้ขอสร้างความถูกต้อง เจ้าหน้าที่เขาก็กล้า
       
       “ผมดูโครงสร้างคดีแล้ว เหนื่อย เพราะพอสำนวนนำไต่สวนชันสูตรพลิกศพไปถึงศาล ญาติผู้ตายก็ตั้งทนายได้ เขาจะซักประเด็นได้ว่าใครเป็นคนสั่ง สั่งเมื่อไร มีขอบเขตยังไง เรียบร้อย คดีแรกก็ส่งอัยการไปแล้ว และผมยังไปเร่งรัดคดีช่างภาพญี่ปุ่นและอิตาลี”
       
       เมื่อถามว่า คดี 91 ศพจะอยู่ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยังไม่พูด แต่แนวคิด ถ้าทำต้องให้ทุกภาคส่วน บ้านเมืองถึงจะไปได้ แต่คดีของพ.ต.ท.ทักษิณมาจากการรัฐประหาร แต่คดี 91 ศพเกิดจากความฮึกเหิม มันถึงต้องมาดูอีกที พฤติการณ์แห่งคดี อย่างพ.ต.ท.ทักษิณ 4-5 คดีมาจากการรัฐประหารทั้งสิ้น แต่คดี 91 ศพประชาชนเขามาขอหีบบัตร แต่คุณให้หีบศพ มันคนละเรื่อง เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ฟังตำรวจสรุปคดี 91 ศพให้ฟังแล้ว นอนไม่หลับหรอก คนที่ทำผิด เหนื่อยแทน วันนี้ปากกล้าขาสั่น ให้ไปหาหลวงพ่อวัดไหนที่เฮี้ยนๆ ก็แล้วกัน
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดคือไม่นิรโทษกรรมให้นักการเมือง ทหารและตำรวจในคดี 91 ศพ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “โอ๊ย! ทหาร ตำรวจ ไม่เกี่ยว แต่อันนี้ค่อยว่ากันอีกที” เมื่อถามว่าหากมีการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจริงจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการ ยุติธรรมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เขาก็ทำมาบ่อยๆ ทั้งหมดที่ใช้กฎหมายได้ สภาเป็นคนออก ไม่ว่าผู้พิพากษา ป.ป.ช., สตง.เมื่อสภาออก สภาก็เลิกได้
       
       ส่วนการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้เงิน 4.6 หมื่นล้าน ที่ถูกยึดคืนหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “คนละเรื่อง ไม่มี พวกประท้วงเอาตรงนี้เป็นตัวตั้ง มันคนละเรื่อง ต้องแยกคดีอาญากับคดีนั้นออกจากกัน”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีคนบางกลุ่มบอกว่าแม้คนทุกฝ่ายได้ประโยชน์ แต่ถ้ามี พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เขาจะไม่เอาจะทำอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ก็สมน้ำหน้าไปสิ ไม่เอาก็สละสิทธิ์ไปสิ”
       
       ต่อข้อถามว่า สิ้นปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับมาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ท่านไม่กลับหรอก” เมื่อถามว่าก่อนจะเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะต้องสำรวจความคิดเห็นประชาชนก่อนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องไปดูว่าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่าอย่างไร แล้วมารวบรวมความคิดซึ่งกันและกัน แต่ยืนยันว่า จะทำให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ จะไม่ให้มีใครประท้วงเลย
       
       เมื่อถามต่อว่า เหตุที่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่กลับมาปลายปีนี้ เพราะต้องรอให้ล้างคดีทั้งหมดก่อนใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ผมเชื่อว่า ท่านไม่กลับ เพราะท่านเป็นพญาหงส์ไม่ลงหนองน้ำเล็ก ไม่เหมือนพวกที่ยังไม่เห็นข้อเท็จจริงก็ออกมาเฮ้ว รัฐบาลชุดนี้สับขาหลอกเป็น พอถูกสับขาหลอกเต้นเป็นเจ้าเขาเลย”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความชัดเจนเรื่องการตัดมาตรา 4 ที่ให้นักโทษเด็ดขาดติดคุกก่อนถึงจะได้รับการอภัยโทษ ใน พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษปี 2554 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่มีหรอก บ้า เขาจะทำไม สมมุติทำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา แล้วอีก 4 คดีว่าไง เกิดไม่ได้รับประกันตัว หรือประกันแล้วถูกอายัดไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศว่าอย่างไร เขาไม่ทำหรอก ผมจบดอกเตอร์ออฟลอว์นะ แต่จะสับขาหลอกเพื่อเช็กเขา ว่า ถ้าทำเฉยๆ จะมีอะไรมั่ง ไม่ได้เช็กกระแสก่อนออก พ.ร.บ.เพราะกระแสสังคมเขาเอาอยู่แล้วว่าให้กลับ แต่จะเช็กพฤติกรรมคนพวกนี้ว่าเป็นอย่างไร จะออกมาแบบไหน แล้วจะเช็กว่ามีเพิ่มไหม มีแต่ลดลง ถ้าออกมาเป็น พ.ร.บ.ทำโดยรัฐสภา ใครจะขวางได้ พวกรัฐประหาร ติดคุก ก็ยังมี พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ใจเย็นๆ”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า เหตุใดพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงไม่ลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขนาด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ยังไม่เอาเลย เมื่อถามว่าจะปรามรัฐมนตรีที่เอาเรื่อง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษปี 2554 ในที่ประชุม ครม.ลับหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่กล้าหรอก ไม่มีสิทธิปราม ที่ นายชูวิทย์ ใบ้ชื่อ 4 คน เขารู้จากนักข่าว จำไว้เถอะ ไม่มีความลับในโลก รู้เกิน 1 คน ไม่มีลับแล้ว นักข่าวไปบอกนายชูวิทย์ แล้วนายชูวิทย์มาบอกตน
       
       ส่วนคณะกรามาธิการ (กมธ.) ปรองดองชุดที่มี พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เป็นประธานเสนอว่าถ้าจะปรองดองต้องทำทุกฝ่าย ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง เจ้าหน้าที่รัฐ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ผมเห็นด้วยอยู่แล้ว ไอ้นี่เป็นแนวคิดของผม ผมขอเป็นพ่อพวงมาลัย เจ้าของโครงการปรองดองได้ไหมล่ะ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกฯ ก็ทำมาทีแล้ว แล้วเฉลิมทำได้ไหมล่ะ ผมพูดมาตลอดมันต้องทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะคนหนึ่งคนใด เสื้อแดง เสื้อเหลือง ทหาร ตำรวจ ใครเป็นจำเลยคดียึดสนามบิน คดีอะไรต่างๆ หลังรัฐประหาร ต้องจบหมด ถ้าทำต้องทำอย่างนั้น”

 


 

“สยามสามัคคี” ยันไม่ได้ขวาง “ทักษิณ” กลับ แต่ค้านอภัยโทษขัดหลักนิติธรรม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

กลุ่มสยามสามัคคี พร้อมองค์กรเครือข่ายประชุมกำหนดท่าที ยันไม่ได้ขวาง “ทักษิณ” กลับประเทศ แต่คัดค้านการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษขัดหลักนิติธรรม มีการดัดแปลงให้เอื้อต่อ “นช.แม้ว” บอกไม่ชุมนุม แต่จะนำความเห็นไปเรียกร้องยังที่ต่างๆ
       
       วันนี้ (22 พ.ย.) กลุ่มสยามสามัคคีและองค์กรเครือข่าย นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานกลุ่มสยามสามัคคี จัดประชุมกับกลุ่มองค์กร 25 องค์กร อาทิ กลุ่มเครือข่ายราษฎร์อาสาปกป้องสถาบัน กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติและประชาชน กลุ่มปวงชนต่อต้านอธรรม เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวหลังรัฐบาลยืนยันว่า พระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่อาคารชื่นอารมณ์ ประตู 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
       
       พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมต่อเนื่องหลังจากที่ได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความคิด เห็นเรื่อง ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษว่าจะมีปัญหาตามมาอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา ทางกลุ่มเครือข่ายก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากรัฐบาล ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น จึงต้องมาประชุมหารือกำหนดท่าทีอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลสร้างความสับสนให้กับประชาชน ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบหนึ่ง ต่อมา พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกแบบหนึ่ง แต่ก็ทำให้กระแสของประชาชนดีขึ้น แต่เพื่อความชัดเจนกว่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรมาแถลงและยืนยันในเรื่องนี้ อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลได้ กำหนดแนวทางในเรื่องนี้อย่างไร
       
       พล.อ.สมเจตน์ กล่าวยืนยันว่า การเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นการคัดค้านพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแต่อย่างใด และไม่ได้คัดค้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษที่ขัดต่อหลักนิติธรรม และขบวนการที่ที่จะมีการดัดแปลงไปเอื้อประโยชน์ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ซึ่งการทำเช่นนี้แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับผิด จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับการอภัยโทษ
       
       ประธานกลุ่มสยามสามัคคี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายทำให้ตนเองไม่ต้องรับผิด ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
       
       ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางกลุ่มสยามสามัคคี ยืนยันว่า จะไม่มีการชุมนุมใหญ่อย่างแน่นอน แต่จะเป็นการประชุมแสดงความคิดเห็น และนำความเห็นไปเรียกร้องในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
       
       อีกด้าน พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ ประธานชมรมข้าราชการบำนาญ 1 ในเครื่อข่ายที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฐานหมิ่นประมาท กรณีพาดหัวข่าวว่า “ทักษิณบังคับในหลวง” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
       
       พ.ต.อ.บรรจบ เห็นว่า การพาดหัวข่าวดังกล่าวถือเป็นการใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจกระทำการอันไม่เหมาะสม
       
       ทั้งที่ปรากฏในข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทั้งกรณี การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ รวมทั้งกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน การกระทำของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ จึงเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

 


 

ทัพ พธม.สงขลาออกเดินทางร่วมค้าน ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ เพื่อ “แม้ว”

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พันธมิตรฯสงขลา ออกเดินทางแล้ว ส่งตัวแทนร่วมชุมนุมคัดค้าน ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์ให้ นช.ทักษิณ พ้นผิด ลั่นร่วมคัดค้านจนถึงที่สุด
        เวลา 15.00 น. วันนี้(20 พ.ย.) พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา นัดเจอกันที่บริเวณปั๊มคาร์เทค ตรงข้ามห้างบิ๊กซี หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขึ้นรถทัวร์เดินทางไปร่วมการชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯทั่วประเทศ ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ย.2554 เวลา10.00-18.00 น. ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้าน ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กับ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยมีพี่น้องพันธมิตรฯสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมเดินทางกับรถทัวร์ ซึ่งออกจาก อ.หาดใหญ่ในเวลา 15.00 น. และจะถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ ตี 4 วันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.)
       
       ทั้งนี้ พันธมิตรฯ สงขลาได้เตรียมป้ายผ้าและธงสัญลักษณ์ต่างๆ พร้อมด้วยธงชาติไทย นำไปร่วมชุมนุมด้วย พร้อมกับบอกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สงขลา ยังคงยืนหยัดในแนวทางและอุดมการณ์ของ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ในการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงไม่ยอมให้รัฐบาลกระทำในสิ่งที่เป็นเพียงแค่ผลประโยชน์ของพวกผ้องบนความ ไม่ถูกต้อง พันธมิตรฯสงขลาจะร่วมกันคัดค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด

 


 

พท.หวังใช้ กมธ.ปรองดองกดดันศาล ปล่อยตัวสาวกแดง เจอเบรกหัวทิ่ม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เพื่อไทย แผนสูงหวังใช้ กมธ.ศึกษาแนวทางปรองดอง ช่วยสาวกแดงพ้นคุกจากการทำผิด พ.ร.บ.ฉุกเฉิน เจอ ปชป.เบรก ระบุ เป็นการกดดันการใช้ดุลพินิจของศาล ที่สุด กมธ.สรุป เชิญ คอป.ให้ข้อมูลการสลายปมขัดแย้ง พร้อมนำปัญหาภาคใต้มาพิจารณาด้วย
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย.) มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมช่วงเช้า เป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อ กมธ.ในซีกของพรรคเพื่อไทยหลายคนต้องการผลักดันให้ กมธ.เร่งพิจารณาหาแนวทางให้ความช่วยเหลือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งถูกคุมขังในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ขณะที่ กมธ.ซีกพรรคประชาธิปัตย์ แย้งว่า ถ้าดำเนินการเฉพาะส่วนนี้จะเท่ากับว่าเป็นการละเลยส่วนอื่นที่ถูกดำเนินคดี ในข้อหาเดียวกันเช่นกัน
       
       นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การสร้างความปรองดองต้องดำเนินการให้ถูกจุด และเห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายควรต้องเป็นอย่างยุติธรรม ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ขัดขวางในการดำเนินคดีกับบุคคลตามข้อหาที่ทางการได้ตั้ง เอาไว้ แต่ควรจะให้ความเป็นธรรมแก่พวกเขาให้ได้รับสิทธิ์การประกันตัวเพื่อออกมา ต่อสู้คดีในชั้นศาล
       
       “โดยในขั้นตอนเห็นว่าต้องเชิญกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพมาชี้แจงถึง ความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับหมาย ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว พร้อมด้วย กรมราชทัณฑ์ เนื่องจากคิดว่าจะเป็นหน่วยงานที่รับทราบถึงพฤติกรรมและความประพฤติของผู้ ถูกคุมขังได้ดีที่สุด ซึ่งถ้าเราได้ข้อมูลส่วนนี้มาจะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการขอประกันตัวในชั้นศาล ด้วย”
       
       นายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.กล่าวว่า สนับสนุนแนวความคิดของนายณัฐวุฒิ แต่เห็นว่า ควรประสานไปยังสำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม ให้รับทราบถึงแนวทางนี้ด้วย เพื่อชี้ให้เห็นว่า คดีเหล่านี้เป็นลักษณะของคดีการเมืองไม่ใช่คดีอาญาปกติทั่วไป ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้บรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายลงไปได้
       
       ปรากฏว่า ภายหลังจากนายวัฒนาได้นำเสนอแนวคิดในการประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการศาล ยุติธรรม ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วย โดย นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แย้งว่า ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับหน่วยงาน เพราะจะดูเหมือน กมธ.กำลังกดดันการใช้ดุลพินิจของศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง โดยคิดว่าแค่เชิญกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพมาให้ข้อมูลก็น่าจะเพียงพอแล้ว
       
       นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ที่ประชุมกำหนดลำดับความสำคัญของประเด็นที่จะพิจารณาให้ดีว่าจะเป็น การให้ความสำคัญกับส่วนหนึ่งส่วนใดมากเกินไปหรือไม่ เช่น ถ้าจะพิจารณาเรื่องผู้ถูกคุมขังในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2553 ก็ต้องพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ด้วยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจที่ถูกเผาอาคารสถานที่ เป็นต้น
       
       “ที่สำคัญ การจะพิจารณาว่าผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด แต่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้หมายความว่าศาลจะพิจารณาให้ประกันตัวตามความเห็นของ คอป.ทุกกรณี” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
       
       ทั้งนี้ เมื่อการประชุมเริ่มมีการโต้เถียงกันระหว่างสองพรรคการเมืองมากขึ้นทำให้ พล.อ.สนธิ ต้องตัดบทการประชุมหลายครั้งด้วยการกล่าวต่อที่ประชุม กมธ.จะต้องพิจารณาในภาพรวมและอุปสรรคของการสร้างความปรองดองทั้งหมดโดยจะ เริ่มจากการเชิญ คอป.มาร่วมประชุม ซึ่งทำให้กมธ.ของทั้งสองพรรคเกิดความพอใจ
       
       พล.อ.สนธิ แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุม กมธ.ต้องการเชิญ คอป.มาให้ข้อมูลเป็นหน่วยงานแรก เพราะถือว่าเป็นภาคส่วนสำคัญที่สุดต่อการสร้างความปรองดองในฐานะที่เป็นภาค ส่วนในการสนับสนุนเรื่องมาโดยตลอด ทำให้ กมธ.เล็งเห็นว่า คอป.ควรจะมาให้ความรู้และปัญหาอุปสรรคของการทำงานที่ผ่านมา เพื่อที่ช่วยให้การทำงานของ กมธ.มีแนวทางที่ชัดเจนต่อไปในการเดินหน้าสร้างความปรองดอง
       
       พล.อ.สนธิ กล่าวว่า นอกจากนี้ กมธ.จะนำประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาพิจารณาด้วย โดยจะพิจารณาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เช่น พ.ร.ก.กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และที่ประชุมมีความเห็นจะเสนอเรื่องให้สภาฯขยายเวลาการทำงานเพิ่มเติมออกไป อีก 90 วันจากกำหนดเดิมที่จะหมดวาระในวันที่ 17 ธ.ค.

 


 

"วีระกานต์"ประกาศคนเสื้อแดงยังเดินหน้าทวงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ"ทักษิณ"...

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แนวการเคลื่อนไหวเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้กลับประเทศ โดยวิธีการขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อมีกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านร่างแก้ไขพระราชกฤษฎีกาขออภัยโทษ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงหรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติ(นปช.) เคยรวบรวมรายชื่อถวายฎีกากว่า 3 ล้านชื่อ แล้วตั้งขบวนที่ท้องสนามหลวงนำโดย “วีระกานต์ มุสิกพงษ์” สมัยยังเป็นประธาน นปช. เป็นตัวแทนไปยื่นเอกสารยังสำนักพระราชวัง เมื่อ 17 สิงหาคม 2552 อันเป็นการรณรงค์เคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังเหตุการณ์ “โฟนอิน” ครั้งแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อ 1 พ.ย.2551 

แม้ว่าร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับของ “ครม.ยิ่งลักษณ์” จะยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่ารายชื่อนับหมื่นรายได้ระบุชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือไม่ แต่กระแสก็ถูก "หยุด" โดยจดหมายจากดูไบ ของ"ทักษิณ" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และการประกาศของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถ้อยทำนองว่า ถ้ามีชื่อ "ทักษิณ" ในรายการขออภัยโทษก็จะไม่มีชื่อประชาเป็นรัฐมนตรี

ผ่านจากคำพูดและความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าถูกลดระดับเป็นการ "โยนหินถามทาง" แต่ในสายตาของ “วีระกานต์” ผู้เคลื่อนไหวในประเด็นเดียวกันมานานนับปี มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญและเป็นอำนาจพระมหากษัตริย์ โดยไม่มีเงื่อนไขว่าต้องได้รับโทษจำคุก หรือต้องคำพิพากษาถึงที่สุด


“ประชาชาติออนไลน์” สัมภาษณ์อดีตประธาน นปช. และ อดีตหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (บ้านเลขที่ 111) ผู้กำลังจะได้รับสิทธิการเลือกตั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า ภายหลังถูกเพิกถอนสิทธิฯ ในคดียุบพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2550 “วีระกานต์” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง พูดติดตลกถึงสิทธิการเลือกตั้งที่กำลังจะกลับมาในไม่ช้าว่า “...ผมคงจะได้ใช้สิทธินี้ ไปสมัคร กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน” ....

@@@ การขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยคนเสื้อแดง เริ่มจากแนวคิดอะไร

การรวบรวมรายชื่อถวายฎีกาของคนเสื้อแดง เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ให้คุณทักษิณคนเดียวโดยเฉพาะ เป็นการทำตามสิทธิประชาชน และตามรัฐธรรมนูญระบุว่าเป็นอำนาจพระมหากษัตริย์ ไม่มีอำนาจอื่นที่จะมาแทรกแซงได้ ถ้าไม่ทรงพระราชทานก็ไม่มีใครแทรกแซงได้ ฉะนั้น ไม่เห็นเป็นเรื่องผิดปกติตรงไหน และดูแล้วอำนาจประมุขแห่งรัฐทุกระบอบในโลก ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรมนั่นเอง

@@@ ฎีกาของคนเสื้อแดง อยู่ในขั้นตอนไหน

ผมทวงกระทรวงยุติธรรมอยู่ ไม่แน่ใจว่าจะผนวกกับร่างพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ ผมก็ยังไม่เห็นร่างพระราชกฤษฎีกาของ ครม. หน้าตาเป็นยังไง เราไม่รู้ แต่ถ้ากระทรวงยุติธรรม คิดสาระตะแล้วเห็นว่าครอบคลุมประเด็นเดียวกัน เขาก็อาจจะยุติทางใดทางหนึ่งได้ แต่ถ้ายังไม่ครอบคลุมเรื่องของคนเสื้อแดงก็ต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่ติดน้ำท่วมป่านนี้ก็ทวงกันอึงคนึงอยู่แล้ว

@@@ คิดเห็นอย่างไรที่มีข่าว ครม. เตรียมเสนอพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ

ผมไม่สนใจ ด้วยเหตุผลอีกประการก็คือ การพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังจำนวนเยอะๆ พร้อมกันในคราวเดียว ทำกันจนเป็นพระเพณี ในวโรกาสสำคัญ ก็ทำกันเสมอมา เช่น เฉลิมพระชนพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หรือ เฉลมพระชนมพรรษาพระนางเจ้าฯ หรือ โอกาสวาระสำคัญ เช่น กาญจนาพิเษก รัชดาภิเษก หรือ ครองราชย์ 60 พรรษา ก็มีเสมอมา

@@@ มองอย่างไรข้อที่นายกรัฐมนตรีถูกตำหนิว่าช่วยพี่ชาย

ถ้าเป็นผม ก็ไม่กังวล ถ้าจะทำก็ต้องทำ แต่ถ้าจะช่วยคนอื่นทั้งหมด แต่ยกเว้นพี่ชายตัวเอง ก็คงเป็นเรื่องบ้า!

@@@ คุณทักษิณ ยังไม่เคยรับโทษจำคุก ทำให้ไม่เข้าองค์ประกอบที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

ไม่มีปัญหานั้น ไม่มีกฎหมายที่จำกัดไว้อย่างนั้น อย่าว่าแต่กรณีไม่เคยจำคุกเลย เคยมีกรณีที่บางคนคดีพิจารณาคดีอยู่ในศาล ยังไม่มีคำพิพากษา ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษมา หรือบางคนคดียังไม่ถึงศาล แต่อยู่ในขั้นตำรวจกำลังสอบสวน ก็เคยมี ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ผมไม่อยากระบุตัวบุคคล เพราะเจ้าตัวเขาไม่เต็มใจ เราก็ไม่อยากล่วงล้ำ แต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเหตุการณ์ไม่กี่ปีมานี้แหละ

คือเราต้องเข้าใจว่าเมื่อรัฐธรรมนูญ เขียนว่า เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แล้วคนที่ไม่เห็นด้วยจะอ้างเงื่อนไขอื่นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขว่า ยังไม่ถูกจองจำ ยังไม่ถูกพิพากษา คุณคิดเอาเองกันทั้งนั้น เอามาอ้างเหลวไหล ไอ้คนอ้างก็รู้ เขาไม่พอใจทักษิณกัน เรื่องมันเท่านั้น

@@@ ขบวนการเสื้อแดงต้านอำมาตย์ แต่ขอพระราชทานอภัยโทษให้คุณทักษิณ แบบนี้จะขัดหลักการที่ต่อสู้หรือเปล่า

ขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นเรื่องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และคนเสื้อแดงก็เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องแยกกัน ไม่เกี่ยวกับอำมาตย์ ซึ่งอำมาตย์ ก็มีทั้งดีและไม่ดี เราตำหนิอำมาตย์ที่ไม่ดี

@@@ ประเมินความเข้มข้นของฝ่ายตรงข้ามที่จะออกมาต่อต้านอย่างไร

คุณทักษิณ เขามีฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว ตั้งแต่คุณทักษิณ ยังไม่ออกนอกประเทศ แต่ฝ่ายตรงกันข้ามเขามีมากหรือมีน้อยล่ะ พวกอิจฉาตาร้อน เห็นคนอื่นรวยล้ำหน้าไม่ได้ สังคมไทยต้องเผชิญความจริงบ้าง คนเห็นต่างมีจำนวนนิดเดียว แต่ว่าใส่ลำโพงเข้า พูดไปก็เสียงดังมาก แต่คนไม่กี่คนหรอก ไม่งั้นการเลือกตั้งจะแพ้รูดมหาราชแบบนี้หรือ เสียงข้างมากอยู่ทางโน้นทีคนเขาเลือกทักษิณกัน พวกหน้าไหว้หลังหลอกไม่ยอมรับกติกา

@@@ รัฐบาลอาจจะพังเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า

ไม่สำคัญว่ารัฐบาลจะอยู่หรือจะไป เพราะรัฐบาลต้องทำสิ่งที่ถูกต้องและเห็นอะไรควรทำก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของ ส่วนรวม จะมานั่งพะวง ขออยู่ยาวๆ แต่ไม่ทำอะไร แล้วจะอยู่ไปทำไม ถ้ารัฐบาลจะถูกโค่น ก็ไม่เห็นต้องกลัว รัฐบาลมาจากเสียงข้างมากประชาชน ถ้ารัฐบาลทำผิด คนก็เห็นก็ไม่เลือก กติกาก็มีอยู่ สภามีอยู่ ก็ใช้สภาไล่ ก็ได้ จะใช้กำลังอนาธิปไตยตลอดกาลก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้สักที ต้องกล้าหาญพอที่จะบริหารประเทศ และถ้าหากจะมีอันเป็นไป ก็ต้องกล้าหาญพอที่จะยอมรับความเป็นไป แต่อย่าอยู่กันหลอกๆ แบบนี้ 

--สัมภาษณ์โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ

 


 

"จรัล ดิษฐาอภิชัย" ยกกรณีพระราชทานอภัยโทษผู้หนีคดีในกัมพูชาเทียบคดี "ทักษิณ"

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

“จรัล ดิษฐาอภิชัย” อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ผู้กลับมาปรากฏตัวในประเทศเมื่อปลายเดือนกันยายน 2554 นับแต่เขาเดินทางออกนอกประเทศเมื่อปีที่แล้วไม่กี่วันหลังเหตุการณ์ “19 พฤษภา 53” รวมเวลาในการเดินสายสื่อสารสถานการณ์การเมืองไทยต่อคนไทยในต่างแดนและชาว ต่างชาติ ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นเวลากว่าปี

ถึงวันนี้ “จรัล” ยังอยู่บนถนนการเมืองแม้จะไม่ได้เป็น ส.ส. แต่มีภารกิจเดินทางเข้ารัฐสภาในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการต่างประเทศ ที่มี “สุนัย จุลพงศธร” ส.ส.บัญชี่รายชื่อ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน

ในสัปดาห์ที่น้ำเริ่มลด ลมหนาวเริ่มโชย กระแสการเมืองกำลังกลับมากระพือ เมื่อมีประเด็น “คนแดนไกล” จะกลับเข้าประเทศได้อีกหรือไม่ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติออนไลน์” พร้อมเปรียบเทียบกรณีการพระราชทานอภัยโทษที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อน บ้านอย่างกัมพูชา   


@ร่างพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ จะเป็นเหตุทำให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปไม่ได้หรือไม่
-สถานการณ์พื้นฐานคนก็แบ่งความเห็นออก เป็น 2 ฝ่ายอยู่แล้ว และยังดำรงอยู่ คือ ฝ่ายล้มรัฐบาลและฝ่ายหนุนรัฐบาล จนกระทั่งน้ำท่วมก็มีการเมืองของน้ำท่วม ที่ดำรงอยู่อยู่แล้ว ผมและคนเสื้อแดง ก็เชื่อว่าหลังน้ำลด ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็คงก่อกระแสขับไล่รัฐบาล เขาก็ประกาศทุกวัน ฉะนั้น เมื่อมีปัญหาร่างพระรากฤษฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ ในวโรกาส 84 พรรษา เราต้องเข้าใจว่า แม้การพระราชทานอภัยโทษ เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่ในทางปฏิบัติ หรือวิธีการ ก็ต้องมีผู้เสนอขึ้นไป คือ ครม. เพราะเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจจะทูลเกล้ารายชื่อแต่ละปีจำนวนไม่เท่ากัน บางวโรกาสก็ 2 หมื่นรายชื่อ หรือ 3 หมื่นรายชื่อ ฉะนั้น ทางฝ่ายบริหาร คือ ครม. ก็ต้องทำร่างพระราชกฤษีกา เพื่อกราบบังคมทูล


@ แบบนี้รัฐบาลกำลัง เกี้ยเซี๊ย กับอำมาตย์ หรือเปล่า

-เท่าที่ผมอ่านความเห็นตามบทความที่บอกว่า ถ้าทำแบบนี้เท่ากับทรยศหักหลังคนเสื้อแดงที่ติดคุก แต่ผมว่าความคิดแบบนี้ก็เป็นหตุผลที่แปลกๆ เพราะถ้าคนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ในข่ายได้รับอภัยโทษ ก็ต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษด้วย


@ คิดว่ารัฐบาลตั้งใจช่วยคุณทักษิณคนเดียวหรือไม่
ผม คิดว่า ไม่ใช่ช่วยคุณทักษิณคนเดียว แต่เป็นการช่วยนักโทษ 20,000 กว่าคน ในวโรกาสนี้ อาจทำร่างกราบบังคมทูลถึง 25,000 -27,000 รายชื่อ ผมเชื่อว่าน่าจะครอบคลุมคนเสื้อแดงทุกคน ส่วนหลักการของการอภัยโทษ ปกติก็ไม่ใช่ทุกคนได้รับเพราะบางครั้งก็ทุกคดีหรือเว้นบางคดี นอกจากนั้นยังมีการแบ่งเป็นนักโทษชั้นดี หรือเหลือโทษอีกไม่กี่ปี ผมยังไม่เห็นร่างพระราชกฤษฎีกา แต่เท่าที่ผมติดตามข่าว มีเนื้อหาเกี่ยวกับอายุนักโทษ ทำให้ถูกตีความว่าหลักการเรื่องอายุนั้น กำหนดเพื่อให้ครอบคลุมถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อย่างที่อีกฝ่ายเขาว่า 


@ปัญหาว่าคุณทักษิณ ยังไม่เคยรับโทษ

-ประเทศไทยไม่เคยมีประเพณี แต่ในทางหลักการทำได้ เพราะเป็นเรื่องพระราชอำนาจ ผมคิดว่า สมเด็จนโรดมสีหนุ กษัตริย์ กัมพูชา เคยให้อภัยโทษกับคนที่เกี่ยวข้องในการทำรัฐประหารแต่ล้มเหลวในเดือน กรกฎา-สิงหาคม ปี 1997 โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ผมยังเคยไปพบเขาเลย กลุ่มสมเด็จนโรดม รณฤทธิ์ กลุ่มพระพุทธะเสรี กลุ่ม ซอนซาน

 

เวลานั้นกัมพูชามีนายกฯ 2 คน อีกคนคือ สมเด็จรณฤทธิ์ บริหารไปมา ก็เกิดความขัดแย้ง จึงทำรัฐประหารมีการยิงกัน แต่ล้มเหลว แล้วหนีมาอยู่ไทย ผมยังไปเยี่ยมเขา

ต่อมาสมเด็จฮุนเซน ก็เห็นว่าเพื่อความปรองดองชาติ จึงกราบทูลให้ สมเด็จสีหนุ พระราชทานอภัยโทษ ต่อมาสมเด็จนโรดม รณฤทธิ์ เคยถูกฟ้อง ศาลตัดสินจำคุก ก็หนีไปอยู่ประเทศอื่น สมเด็จนโรดม สีหมุณี ก็พระราชทานอภัยโทษ แม้ว่า สมเด็จนโรดม รณฤทธิ์ จะไม่ได้อยู่ในคุก

ฉะนั้น โดยหลักการ ก็คลุมถึงคนที่หลบหนีก็ได้ แต่ประเทศไทย ไม่เคยมีประเพณีนี้


@ น้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ของ ครม. ที่กำลังชงเรื่องให้คุณทักษิณกลับบ้าน จะเป็นการเพิ่มปัญหาต่อคุณยิ่งลักษณ์หรือไม่ 

-เท่าที่ผมได้ยิน ผมว่า ดร.ทักษิณ คงไม่อยากกลับ แต่มีคนอยากให้กลับ ส่วนเรื่องพี่กับน้อง ก็อย่างที่ผมพูด สมเด็จนโรดม สีหนุ เคยพระราชทานอภัยโทษให้ สมเด็จรณฤทธิ์ซึ่งเป็นลูกชาย พ่อให้อภัยโทษลูกชาย เพียงแต่คนเสนอ คือสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นคู่ปฏิปักษ์ทางการเมือง หรือกรณี สมเด็จสีหมุณี ให้อภัยโทษ สมเด็จรณฤทธิ์ ก็เป็นพี่กับน้องกัน แต่ตอนนั้น สมเด็จฮุนเซน เป็นผู้เสนอเช่นเดียวกัน


@ การขอพระราชทานอภัยโทษ สร้างแรงต้านเกิดขึ้นกับ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ควรเสี่ยงต่อไปหรือไม่  

-รัฐบาลมี 2 ทาง คือ 1 เขียนให้ชัดเจนว่าอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วยังติดคุกไม่เกิน 3 ปี อีกทางหนึ่งคือ 2) เดินหน้าต่อไป แต่ถ้าพูดแบบไม่กลัวถูกด่านะ ผมคิดว่าทีคนสูงอายุที่ติดคุกโทษหนักเพราะเป็นฆาตรกร หรือเป็นโจรอะไรต่างๆ ยังได้รับพระราชทานอภัยโทษ แล้ว ดร.ทักษิณ ซึ่งเคยทำคุณงามความดีให้ประเทศชาติ แม้ยังไม่ได้ติดคุก แต่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน ก็น่าจะได้รับเช่นเดียวกัน


@ เป็นสัญญาณความรุนแรงทางการเมืองปีหน้าหรือไม่
-ผมอาจจะมองโลกในแง่ดี ตั้งแต่เลือกตั้งเสร็จก็มีไม่กี่คนที่บอกว่ารัฐบาลนี้อยู่ไม่ยาว แต่ผมคาดว่าอยู่ยาว เพราะมาจากการเลือกตั้ง และเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นยังมีคนเสื้อแดงสนับสนุน และในทางสากล ในศตวรรษที่ 21 นานาชาติชอบผู้หญิง ศตวรรษนี้มีความเปลี่ยนแปลงทางอำนาจมาที่ผู้หญิง


สำหรับฝ่ายต่อต้านทั้งในสภาและนอกสภา อย่างพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย-เสื้อเหลือง ถ้าจะขับไล่รัฐบาลก็ต้องเคลื่อนไหวมวลชน แต่เขาจะเอาคนที่ไหนมาชุมนุม เพราะถ้าชุมนุม 20,000-30,000 คน ก็เก่งมากแล้ว เขาจะเอาคนที่ไหน ขณะที่เขาขัดแย้งแตกแยกกันระหว่าง พันธมิตรฯ กับประชาธิปัตย์ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แล้วการไล่รัฐบาลหลังน้ำท่วม ยิ่งเป็นไปได้ยาก


@ คะแนนนิยมของรัฐบาลจะลดลงเพราะการบริหารจัดการน้ำหรือไม่
-คะแนนนิยมลดลงเฉพาะในกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัด ยิ่งเห็น นายกฯ ร้องไห้ คนยิ่งเห็นใจ แม้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจะบอกว่านายกฯ อ่อนแอ แต่พอ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. ร้องไห้ ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร

ผมเองก็ร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน ชุมนุมสะเทือนใจผมก็ร้องไห้ ดูละคร ดูหนังอินเดีย ดูฟุตบอล หรือตอนเข้าป่าแล้วสหายต้องไปอยู่เขตอื่น ผมก็ร้องไห้ ด้วยความสะเทือนใจ ฉะนั้น การร้องไห้กับนักต่อสู้ ไม่ได้แสดงว่าอ่อนแอ แต่แสดงว่า เขามีอารมณ์ต่อความทุกข์สุขของประชาชน


@ การต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้ จะส่งผลอย่างไร
ถ้ามีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลแล้วทหารจะ โหนกระแสล้มรัฐบาลหรือไม่นั้น ผมคิดว่าทหารคงไม่โหน เพราะสภาก็ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางปรองดองคนในชาติ เพิ่งตั้งขึ้นมา บรรยากาศปรองดอง น้ำท่วม มาร่วมกันทำงาน แล้วถ้าดูองค์ประกอบตัวบุคคล คณะกรรมการยุทธศาตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.) องค์ประกอบก็ชี้บ่งบอกส่งเมสเสจว่านี่คือการปรองดอง ทีนี้ทหารจะทำได้ยังไง ถ้าทหารจะทำรัฐประหาร ก็อาจจะเกิดสงครามการเมือง เพราะคนไม่ยอมก็ลุกมาต่อต้านแบบประเทศลิเบียแน่นอน

 


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

 

Tags : ชมรมสื่อกำมะลอ ยื่นสภาการฯ สอบ ไทยโพสต์ กรุงเทพธุรกิจ อ้างละเมิดจริยธรรม

view