จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

วาระประเทศไทยในปี 2555 ยังมีเหตุการณ์สำคัญรออยู่ถึง 2 ประเด็น

วาระ แรก การกลับมาของ "บ้านเลขที่ 111" ในช่วงเดือนพฤษภาคม หลังพ้นโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งจะเข้ามาเป็นกำลังหลัก-หน่วยสนับสนุนให้กับ "พรรคเพื่อไทย" ในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร

วาระที่สอง กระแสการเดินหน้ากระบวนการพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านยังคงมีอยู่ หลังรัฐบาล "เช็กเสียง" นอกสภาไปแล้วถึง 2 ครั้ง ผ่านกระแสข่าวการเข้าชื่อขอฎีกาและออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ

ทั้งโอกาส-วิกฤตของฝ่ายบริหาร อาจเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในมุมของคู่ตรงข้ามอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้าน

"ประชา ชาติธุรกิจ" สนทนาหาคำตอบจาก "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อทำนาย วิพากษ์ วิเคราะห์ ถึงความร้อนแรงของการเมืองไทยในปีหน้า

เขาบอกว่า แม้จะเป็นเรื่องของ อนาคตที่ตอบล่วงหน้าไม่ได้อย่างละเอียด แต่เชื่อว่ากระบวนการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับสู่ประเทศไทยยังคงเดินหน้าอยู่ และจะเป็นประเด็นที่นำพาประเทศกลับไปสู่ความแตกแยกอีกครั้ง

"ผมคิด ว่ามีคนที่พยายามจะออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมอยู่จริง และเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า การเข้าไปล้างผิดให้คนคนเดียวมันมีหลายรูปแบบ จะเห็นได้ตั้งแต่การเข้าชื่อถวายฎีกาขอ อภัยโทษ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น และพัฒนาเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) อภัยโทษ แต่ทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีกระแสต่อต้านจำนวนมาก"

"อย่าง ไรก็ตาม นอกจากการเดินเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผมว่าคนกลุ่มนั้นยังมีแนวโน้มที่จะเดินไปไกลถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ผมคิดว่ามีความพยายามอยู่จริง จะเห็นตัวอย่างได้จากรัฐมนตรีบางท่านออกมายอมรับว่าจะร่วมผลักดันเรื่อง เหล่านี้ด้วย ฉะนั้นยืนยันได้ชัดเจนว่ากระบวนการนี้มีอยู่จริง"

ขณะ เดียวกัน เขาเชื่อว่า "คนเสื้อแดง" จะมีบทบาทจากการชุมนุมน้อยลง เพราะอำนาจฝ่ายบริหารยังเป็นของ พรรคการเมืองที่กลุ่มคนเหล่านี้สนับสนุน แต่เงื่อนไขดังกล่าวอาจจะสวนทางกับหลักการของคนที่ยืนอยู่ขั้วตรงข้าม

"ผม ได้แต่หวังว่าบ้านเมืองจะสงบสุข แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางการเมืองด้วยว่า หากพยายามที่จะเดินเรื่อง ล้างผิดให้คนคนเดียว ซึ่งเป็นประเด็นที่คนไม่เห็นด้วยจับจ้องดูอยู่ ดังนั้น หากมีการกระทำการใด ๆ ผมก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ล่วงหน้าจะเป็นอย่างไร แต่มันคงจะสร้างความแตกแยกให้ร้อนแรงขึ้นอีก ดูตัวอย่างจากเรื่อง พ.ร.ฎ.ก็ได้ แค่มีกระแสออกมา คนจำนวนมากก็ลุกขึ้นมาต่อต้านแล้ว"

"แต่ ใช่ว่าวิกฤตประเทศครั้งนี้จะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่เกี่ยวกัน แต่ผมกำลังมองว่ารัฐบาลมีเสียงข้างมากที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดใน สภา เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ ดังนั้นหากไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่เอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่สังคมจับตามอง ผมคิดว่า เขาจะบริหารราชการแผ่นดินไปได้จนหมดสมัย"

ในนามของฝ่ายค้าน-คู่แข่ง ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ที่เลือกยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ยังยึดมั่นใจหลักการเดิมว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใดคนหนึ่ง และจะพยายามคัดค้าน ตรวจสอบ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

ขณะที่กระแส พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ก้าวไกลรุนแรงไปถึงขั้น "ล้างผิด" ให้คนทุกกลุ่ม ทุกสี "จุรินทร์" บอกว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หากคิดจะเดินหน้าสนับสนุน ไม่เช่นนั้นสังคมจะตีตราว่าไปร่วมวงการเมืองกับเขาด้วย

"หากจะมีการ ติดสินบนทางการเมือง พาคนนอก พ่วงคนอื่นเข้ามาด้วยในลักษณะนี้ ท่านอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ท่านสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ก็ได้ประกาศไว้ชัดแล้วว่า ไม่มีความประสงค์ที่จะร่วมอยู่ในวงเดียวกันกับเขา และยังยินดีที่จะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ"

ส่วนการ กลับมาของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ในนามบ้านเลขที่ 111 ที่จะครบกำหนดพ้นโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เขามองว่าไม่ใช่ เรื่องที่น่าตกใจหรือตื่นเต้นอะไร เพราะ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีส่วนได้-เสียอะไรด้วย

"เราไม่ได้มองการกลับ มาของบ้านเลขที่ 111 เป็นเรื่องของเรา หน้าที่ตอนนี้คือเป็นฝ่ายค้าน ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ ส่วนคนที่เป็นรัฐบาลจะปรับ ครม.หรือดึงคนกลุ่มนี้เข้ามาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ที่ต้องหาคนเหมาะสมเข้ามาทำงาน แต่ผมว่า ไม่แน่คนกลุ่มเดิมอาจจะทำงานสู้คนปัจจุบันไม่ได้ก็ได้ เราตอบล่วงหน้าไม่ได้"

"พวกเขาเป็นนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ถูกลง โทษให้เว้นวรรคทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น การกลับมาครั้งนี้ก็คือนักการเมืองกลุ่มเดิมกำลังจะกลับมา แต่ผมก็ยังดูอยู่ว่าจะกลับมาในรูปแบบไหน จะยืนอยู่ในรัฐสภาหรือในรูปแบบไหน บางคนคงกลับมาเล่นการเมืองในสภา บางคนคงเล่นนอกสภา แต่อย่าลืมว่า หากสภายังอยู่ พวกเขาก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก"

"ปัจจุบันคน กลุ่มนี้ก็มีบทบาทอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ออกหน้า อยู่แต่ข้างหลัง เป็นกุนซือหรือเป็นอะไรก็ตามแต่ หากจะมีกรณีที่จะก้าวมาออกหน้าเหมือนเดิม เราก็มีอดีตให้เห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร สมัยพรรคไทยรักไทยก็มีปัญหาจนถึง ขั้นต้องยุบพรรค เพราะคนในมีปัญหา กันเอง วันนี้เลยบอกไม่ได้ว่าการกลับมาผลจะเป็นบวกหรือลบ"

"จุรินทร์" บอกว่า นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และก็อาจทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลงจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากภายในเสีย เอง

"พวกเขาจะกลับมาในรูปแบบไหน จะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสำหรับบางคนหรือจะเป็นอะไรก็ยังตอบไม่ได้ แต่ผมคิดว่าคงกลับมามีบทบาทภายในพรรคมากขึ้นจริง ในทางกลับกัน อาจสร้างปัญหาให้กับนักการเมืองในพรรคเดียวกันด้วย เพราะการกลับมาครั้งนี้หมายความว่า ส่วนแบ่งทางการเมืองจะมีเพิ่มมากขึ้น"

แม้ ตารางการเมืองยังอยู่ในวาระสิ้นสุดสมัยประชุมสภา แต่ฝ่ายค้านก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า พรรคประชาธิปัตย์ยังคงเดินหน้ายื่นถอดถอน 8 ส.ส. พรรคเพื่อไทยต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266

"จุ รินทร์" เชื่อว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฝ่ายค้านคือ ทำหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนต่อไป ทั้งตั้งกระทู้ถามสด เสนอกฎหมาย เปิดเผยข้อเท็จจริง หากไม่ทำตามนี้ก็คงเข้าข่ายหลีกเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน

แต่ แม้ "พรรคประชาธิปัตย์" พยายามทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ลงพื้นที่เข้าหาประชาชนมากขึ้นสักเท่าไร แต่ภาพสุดท้ายที่สังคมจำได้ยังคงเป็นประเด็น "ดีแต่พูด-ทำไม่เป็น"

เขา ตอบสวนทันทีว่า "เรื่องพูดเก่ง คงไม่ใช่ความผิด ผมอยากถามกลับว่า ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำงาน หรือ เราก็ทำของเรา เราเป็นฝ่ายค้าน ก็ทำหน้าที่ของเรา ถ้ามีใครสักคนพูดเก่งก็คงไม่ใช่ความผิด แต่แน่นอนต้องทำงานควบคู่ไปด้วย ขออย่าไปติดภาพรัฐบาลที่ได้ออกสื่อตลอดเวลา วันนี้เราไม่ใช่ฝ่ายบริหาร สถานะมัน แตกต่างกัน"

ส่วนข้อกล่าวหาสุดท้ายที่ว่า "พรรคประชาธิปัตย์-อำมาตย์" เป็นของคู่กันนั้น เขาตอบคำถามปนเสียงหัวเราะ ลั่นว่า

"ผม ไม่ทราบว่าเราไปเป็นตั้งแต่เมื่อไร ผมคิดว่าอำมาตย์เป็นเรื่องที่คุณทักษิณสร้างขึ้นมา เป็นประเด็นที่ เขาสร้างขึ้นมา ไม่ได้หมายความว่าเราเป็น"

สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี