สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กูรูฟันธงเศรษฐกิจโลก 2012 ยุโรปฉุดครึ่งแรก จีนนำฟื้นครึ่งหลัง

จาก โพสต์ทูเดย์

ตลาดแรงงานสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น กับจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

ตลาดแรงงานสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น กับจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับเป็นของขวัญคริสต์มาสและปีใหม่ชั้นดีให้กับตลาดทุนโลกในสัปดาห์สุดท้าย ของปี 2011 ขณะที่ตัวเลขการช็อปปิ้งในช่วงแบล็กฟรายเดย์ก่อนหน้านี้ ทั้งการซื้อของตามร้านค้าปลีกและการสั่งซื้อออนไลน์ ก็ทำยอดได้น่าชื่นใจไม่หยอกเช่นกัน

น่าชื่นใจ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวดีของชาวอเมริกัน แต่ยังเป็นสัญญาณดีๆ ถึงทิศทางเศรษฐกิจโลกปี 2012 ไปด้วย หลังจากที่โลกตกอยู่ในบรรยากาศหดหู่ทางเศรษฐกิจมานานกว่า 1 ปีจากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะยุโรป

แต่ปัจจัยบวกที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังไม่ใช่เศรษฐกิจ อเมริกัน ที่ถือว่ายังอยู่ในระดับประคองตัวให้โตได้ช้าๆ เพราะหลายฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่า “มังกรจีน” จะยังคงมีบทบาทสำคัญในเชิงบวกต่อไปอีกปี

หรืออาจสรุปง่ายๆ ได้ว่า ปัจจัยลบคือยุโรป ปัจจัยบวกคือจีน โดยมีสหรัฐที่ฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ช่วยไม่ให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจโลกเลวร้ายลงไปอีก

ผลสำรวจของรอยเตอร์สที่สำรวจความเห็นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำในช่วง หลายเดือนก่อนสิ้นปี 2011 ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะยังคงเต็มไปด้วยความยากลำบากจากปัจจัยหลักๆ คือ ปัญหาหนี้ในยุโรป ทว่าบรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในสหรัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกเข้ารูปเข้ารอยดีขึ้น

 

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อย่างแน่นอน ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกก็จะฟื้นตัวกลับมาได้เพียงเล็กน้อย หลังจากที่ขาดทุนกันอย่างหนักในปี 2011 ส่วนภาวะราคาน้ำมันดิบโลกก็จะยังคงลดต่ำลง ท่ามกลางภาวะที่บรรดานักลงทุนต่างก็ไม่มั่นใจว่า จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อะไรดีถึงจะปลอดภัยที่สุด

ตามการคาดการณ์ของรอยเตอร์สโพล วิกฤตหนี้ยุโรปที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปีแล้ว และได้ส่งผลกระทบต่อบรรดาเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรปปีนี้แล้ว จะไม่ทวีความรุนแรงกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ในปี 2012

ขณะเดียวกันบรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ อาทิ บราซิล และจีน ก็จะเริ่มเดินเครื่องเศรษฐกิจในปีหน้าให้เร็วและร้อนแรงขึ้น หลังจากที่ต้องเผชิญการขยายตัวของจีดีพีที่ลดลงกันถ้วนหน้าในปีนี้ เนื่องจากการใช้นโยบายควบคุมทางการเงินและมาตรการควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยาย ตัวร้อนแรงเกินไป จนทำให้ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงจนควบคุมไม่อยู่

“เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องย้ำว่า เศรษฐกิจโลกจะยังคงเติบโตได้อยู่ แต่ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าก็เหมือนกับเป็นเรื่องของ 2 โลกที่ต่างกันออกไป เรื่องราวในปีหน้าก็คือ ยุโรปจะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีแรก ขณะที่จีนจะเป็นผู้นำการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง” เจอร์ราด ลีออนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด กล่าวกับรอยเตอร์ส

สำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ภาวะตลาดหุ้นยุโรปและค่าเงินยูโรจะเผชิญกับภาวะปั่นป่วนครั้งใหม่อีกในปี 2012 หลังจากที่ทำให้ตลาดทุนทั่วทั้งโลกต้องปั่นป่วนมาแล้วตลอดทั้งปีนี้ จนส่งผลให้บรรดาตลาดหุ้นสำคัญๆ ในยุโรปมีมูลค่าลดลงระหว่าง 6.5–25% นับตั้งแต่เปิดตลาดต้นปี 2011 มา ขณะที่เงินยูโรก็มีมูลค่าลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ และมีการซื้อขายในช่วงหนึ่งอยู่ที่ระดับ 1.3 เหรียญสหรัฐต่อยูโร หรือต่ำที่สุดในการซื้อขายเงินตราตลอดทั้งปีนี้

ขณะเดียวกัน ปี 2012 ก็ยังไม่สามารถวางใจเรื่องความเสี่ยงทางการเมืองได้ โดยจะมีการเลือกตั้งทั่วไปและการเปลี่ยนตัวผู้นำขึ้นในหลายประเทศ อาทิ ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐ รัสเซีย และการก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งตามวาระของประธานาธิบดีจีนคนใหม่ ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบสำคัญอย่างปัญหาหนี้ยุโรปนั้น ในด้านหนึ่งก็จะเป็นตัวช่วยให้จีน หรือประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ยอมผ่อนคลายมาตรการควบคุมทางการเงินลงในปีหน้า ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง

ตลอดทั้งปีนี้ ปัญหาหนี้ของยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่หมายเลข 1 ของจีน ได้ส่งผลฉุดให้ตลาดส่งออกของจีน รวมถึงตัวเลขภาคการผลิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนลดต่ำลง และนำไปสู่การขยายตัวของจีดีพีที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009

เพื่อเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากปัญหาหนี้ยุโรปต่อเนื่องในปี 2012 ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินขึ้นเป็นครั้งแรก ในรอบเกือบ 3 ปี เมื่อเดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการผ่อนคลายอื่นๆ ของรัฐบาล ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างเชื่อว่า จะได้เห็นการผ่อนคลายนโยบายที่เข้มขึ้นมากขึ้น หรือการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากขึ้นกว่านี้อีกมากในปีหน้า หากเศรษฐกิจเติบโตได้น้อยกว่าระดับ 8%

เมื่อนั้นก็ไร้ซึ่งความกลัวภาวะเงินเฟ้อ ทั้งจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่ ก็คงพร้อมใจเดินเครื่องกระตุ้นเศรษฐกิจกันเต็มที่ ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้โตอย่างช้าๆ โดยคาดว่าจะมีการเติบโตได้ที่ระดับ 2% นั้น ก็เป็นอีกข่าวดีที่จะช่วยพยุงบรรยากาศของโลกในปีหน้าไม่ให้หดหู่จากปัญหา เศรษฐกิจซ้ำซ้อนใน 2 ทวีป

ในความอึมครึมของเศรษฐกิจโลกปีหน้า จึงยังพอมีแสงสว่างรำไรให้เห็นหนทางได้อยู่... 


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : กูรู ฟันธง เศรษฐกิจโลก 2012 ยุโรป ฉุดครึ่งแรก จีนนำฟื้นครึ่งหลัง

view