สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปู น้ำตาคลอ ย้ำ พ.ร.ก.กู้จำเป็น เชื่อ ปชป.ยื่นศาลสอบไม่ทำแผนช้า

นายกฯเชื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นในรูปตัว'V'

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ นายกฯเชื่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ฟื้นตัวในรูปตัว "V" คาดจีดีพีโต 5% พร้อมเดินหน้า FTA ย้ำพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท มีความจำเป็น
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ถอดรหัส GDP ปี 55" ว่า ในปี 2555 เป็นปีแห่งความฟื้นฟูที่ท้าทายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนและประชาชนในประเทศภายหลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยพิบัติธรรมชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูคือการออก พ.ร.ก.การกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาสร้างอนาคตประเทศและอีก 1.2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการชดเชยเยียวยา

"ยืนยันว่าการกู้เงิน3.5 แสนล้านไม่ใช่การเร่งใช้เงินแต่เป็นการนำมาสร้างความเชื่อมั่นทั้งประชาชนเองและนักลงทุนเพราะหากไม่มีแผนที่ชัดเจนสิ่งที่น่าห่วงคือการย้ายฐานการผลิตและในขณะนี้ผู้ประกอบการเริ่มตัดสินใจ50:50ในการย้ายฐานจึงเป็นเหตุผลสำคัญให้เรากู้เงินจึงขอให้ทุกฝ่ายมองว่ารัฐบาลมีความตั้งใจแก้ปัญหา ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นทางการเมือง"

ห่วง3ปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ นายกฯกล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจไทย 3 ปัจจัยที่มาจากภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลกประกอบด้วย 1.ความเปราะบางในสหรัฐอเมริกาและยุโรปโดยประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกทั้ง2ประเทศถึง19%และจากนักท่องเที่ยวอีก31%ทำให้ต้องกลับมาพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศและขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่มากขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง ,อาเซียน และอินเดีย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 15% 2.ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การย้ายกระแสการลงทุน และ 3.ภัยธรรมชาติที่จะมีผลต่อการผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร

คาดจีดีพีปีนี้ขยายตัว5%

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีที่ 5% โดยเตรียมพร้อม 3 ด้าน ได้แก่ การกระจายความเสี่ยงการส่งออกไปยังตลาดใหม่ รวมถึงตลาดที่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA ให้มากขึ้น เพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านภาษีและปรับโครงสร้างการเกษตรให้สามารถแข่งขันได้

เดินหน้าเปิดเสรีการค้า

"รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าเจรจา FTAที่คั่งค้างกับหลายประเทศและต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกลางปี เช่น ประเทศจีน ออสเตรเลีย นอร์เวย์ "

ขณะที่ภาคการลงทุน รัฐบาลจะเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางถนนไฮเวย์ ผ่าน อ.แม่สอด จ.ตาก จ.พิษณุโลก จ.ขอนแก่น ถนนเชื่อมท่าเรือทวาย-แหลมฉบัง รถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมถึงทางทะเล เป็นต้น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนและเชื่อมต่อในภูมิภาคอาเซียน และลดต้นทุนภาคการขนส่งจากปัจจุบันต้นทุนการขนส่งยังสูงถึงร้อยละ18ของจีดีพี

เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ จะเดินหน้าการลงทุนของภาครัฐด้านโครงสร้างพื้นฐานในปี 2555-2559 เช่นรถไฟฟ้าและระบบป้องกันน้ำท่วม ด้วยงบประมาณ 2.27 ล้านล้านบาท ผ่านการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราการว่างงานและการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและภาคธุรกิจผ่านการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตั้งแต่ ภาพประชาชน ไปยัง ธุรกิจ SME และไปสู่การลงทุนในบริษัทใหญ่ รวมถึงนโยบายต่างๆของรัฐบาล ทั้งการปรับโครงสร้างภาษี,การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ,การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ,โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร และกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้

มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นรูปตัว"V"

"การสร้างความเชื่อมั่นของประเทศ รัฐบาลอยากเห็นการฟื้นฟูในแบบ วี เชฟ ไม่ใช่ ยู เชฟ โดยเชื่อว่าไตรมาสที่2เศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและยืนยันว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยจะระดมสรรพกำลังเพื่อกอบกู้และฟื้นฟูเศรฐกิจของประเทศ" นายกรัฐมนตรีกล่าว


ยิ่งลักษณ์เปิดสัมมนา-ปาฐกถาพิเศษ"ถอดรหัส จีดีพี 55" ตั้งเป้าขยายตัว 5% โตแบบ V shape

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

1 ก.พ. 55 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ถอดรหัส จีดีพี ปี 55" โดยมีนายธนะชัย ณ นคร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ให้การต้อนรับ ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี  วันที่ 1 กุมภาพันธ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันให้เศรษฐกิจปี 2555 ขยายตัวได้ถึง 5% โดยการเติบโตจะเป็นลักษณะวี เชพ (V shape) ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจทุกภาคจะฟื้นตัวกลับสู่ปกติภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ หลังจากได้เจอมหาอุทกภัย ขณะเดียวกัน ยังยอมรับว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยในปีนี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทาย และรัฐบาลก็พร้อมที่จะเดินหน้าการเจรจาการเปิดเสรีการค้า (FTA)


นายกฯลั่นดันเศรษฐกิจปีนี้โต 5% ย้ำพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านมีความจำเป็น

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษ "ถอดรหัส GDP ปี 55" ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันให้เศรษฐกิจปี 2555 ขยายตัวได้ถึง 5% โดยการเติบโตจะเป็นลักษณะวี เชพ (V shape) ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจทุกภาคจะฟื้นตัวกลับสู่ปกติภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ หลังจากได้เจอมหาอุทกภัย ขณะเดียวกัน ยังยอมรับว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยในปีนี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทาย และรัฐบาลก็พร้อมที่จะเดินหน้าการเจรจาการเปิดเสรีการค้า (FTA)


ปูอึ้งไร้เงาคนฟังปาฐกถา

จาก โพสต์ทูเดย์

นายกฯอึ้งคนฟังปาฐกถาน้อยจนห้องโล่ง ทีมงานเกณฑ์สื่อมวลชน เด็กฝึกงานในโรงแรม พนักงานธนาคารมาฟังแทน

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมงานสัมมนา "ถอดรหัสจีดีพีปี 55" ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี โดยตามกำหนดการนายกฯต้องขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษบนเวทีในหัวข้อ "มุมมองเศรษฐกิจปี 55" ในเวลา 10.10 น. แต่เมื่อถึงเวลานายกฯยังไม่ขึ้นกล่าวปาฐกถา เนื่องจากผู้เข้าร่วมงานสัมมนามีจำนวนน้อยมาก โดยกลุ่มนักธุรกิจซึ่งเป็นเป้าหมายที่ควรจะเดินทางมาร่วมงานมากที่สุดกลับ ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเลย เหลือเพียงกลุ่มสื่อมวลชนที่ติดตามนายกฯเท่านั้น ส่งผลให้บรรยากาศในห้องสัมมนาดูโล่งอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ทีมงานนายกฯและผู้จัดงานตัดสินใจแก้ปัญหา ด้วยการเกณฑ์ผู้ช่วยผู้สื่อข่าว ช่างภาพ เด็กฝึกงานภายในโรงแรม รวมไปถึงพนักงานธนาคารกรุงเทพมาร่วมงานเพื่อให้ห้องสัมมนาไม่โล่งจนเกินไป โดยนายกฯได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในเวลา 10.30 น.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปาฐกถาโดยสรุปว่า รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันให้เศรษฐกิจปี 55 ขยายตัวได้ถึง 5% โดยการเติบโตจะเป็นลักษณะ V shape ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจทุกภาคจะฟื้นตัวกลับสู่ปกติภายในไตรมาส 2/55 หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 54

หลังจากกล่าวปาฐกถามเสร็จแล้ว นายกฯได้ชี้แจงประเด็น พ.ร.ก.การเงิน4 ฉบับ โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ เพราะหากยิ่งช้าไป นักลงทุนต่างชาติอาจจะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศได้ โดยไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง หรือเป็นเรื่องที่ท้าทาย

"ดิฉันไม่มีเวลาต่อสู้แบบนี้ แต่ต้องมีเวลาต่อสู้กับภาวะต่างๆที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราไม่ทำโอกาสที่มีอยู่จะหายไป นักลงทุนวันนี้ที่ดิฉันได้มีโอกาสพบ เขาเองก็ 50:50 ว่าจะลงทุนในไทยหรือไม่ ถ้าเราช้าฐานต่างๆเหล่านี้ก็จะย้ายไป ซึ่งเป็นการเสียโอกาสสำหรับประเทศ"นายกฯกล่าว

นายกฯยืนยันว่า เม็ดเงิน 1.2 แสนล้านบาทเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าหากต้องรอให้การดำเนินการเดินไปทีละขั้นตอนจะไม่ทันเวลาที่จะแก้ไขปัญหา เพราะขณะนี้งบประมาณก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยยืนยันว่า การออก พ.ร.ก.ได้พิจารณาอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความจำเป็นต่อสถานการณ์ที่จะเกิด ขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี มีสีหน้าจริงจัง และในบางครั้งมีเสียงสั่นเครือ พร้อมกับยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่าง ทำด้วยหลักการและเหตุผล


นายกฯปัดดราม่ากลางงานปาฐกถา

จาก โพสต์ทูเดย์

นายกฯปัดร้องไห้น้ำตาคลอหลังขึ้นปาฐกถางานสัมนา"ถอดรหัสจีดีพีปี55"ที่รร.ดุสิตธานี บอกวันนี้อารมณ์ดี

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพรก.กู้เงิน4ฉบับ เมื่อเจอผู้สื่อข่าว และช่างภาพที่รออยู่ได้พูดกับผู้วื่อข่าวในทันทีว่า "ใครบอกว่าร้องไห้ ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย วันนี้อารมณ์ดี"

เมื่อมีการสอบถามนายกฯถึงกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร(กอ.รมน.) ออกมายอมรับว่าคดียิงชาวบ้าน4ศพที่จ.ปัตตานีถือเป็นความผิดพลาดของเจ้า หน้าที่นายกฯไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่เพียงสั้นๆ ว่า "วันนี้อารมณ์ดี"

ก่อนหน้านี้นายกฯ เดินทางมาร่วมงานสัมมนา "ถอดรหัสจีดีพีปี 55" ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ที่โรงแรมดุสิตธานี แต่มีคนมาฟังปาฐกถาของนายกฯน้อยมาก ต้องเกณฑ์ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และเด็กฝึกงานในโรงแรมมานั่งฟัง และหลังการขึ้นปาฐถานายกฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยมีสีหน้าจริงจัง และในบางครั้งมีเสียงสั่นเครือ พร้อมกับยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างเรื่องพรก.กู้เงิน ทำด้วยหลักการและเหตุผล


“ปู” น้ำตาคลอ ย้ำ พ.ร.ก.กู้จำเป็น เชื่อ ปชป.ยื่นศาลสอบไม่ทำแผนช้า

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ยิ่งลักษณ์” น้ำตาคลอ ขณะให้สัมภาษณ์ แจง พ.ร.ก.กู้จำเป็นจริงๆ หวังสร้างความมั่นใจนักลงทุน อ้างปล่อยทำทีละขั้นตอนจะไม่ทัน ไม่โต้ฝ่ายค้านท้ารับผิดชอบหากขัด รธน. รับมีหลายกลุ่มไม่มั่นใจการลงทุน เชื่อ ปชป.ยื่นศาล รธน.ไม่ทำแผนล่าช้า

         วันนี้ (1 ก.พ.) ที่โรงแรงดุสิตธานี เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ว่า เราคงต้องทำอย่างเต็มที่ในการให้ข้อมูล ตนขอเรียนว่าเรื่องนี้เป็นความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องทำเร่งด่วนในการออก พ.ร.ก. และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ต่างชาติในการลงทุน เมื่อถามย้ำว่ามีความมั่นใจหรือไม่ว่าการที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.เงินกู้จะไม่ทำให้การดำเนินการของรัฐบาลสะดุด น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องใช้คำว่าเราทำอย่างเต็มที่จะดีกว่า โดยจะทำทุกอย่างอยู่บนหลักของเหตุผลและความจำเป็นบนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าความเสียหายต่างๆ ที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาก จำนวนเงิน 120,000 ล้านที่ใช้ในวันนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาและเยียวยา ซึ่งในวันนี้ยังใช้งบประมาณได้ไม่เต็มที่ และหากเราต้องรอไปทีละขั้นตอนก็คงไม่ทันแล้ว ต้องเรียนว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่เรามองว่ามีความจำเป็นและทำด้วยเหตุด้วยผล
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ฝ่ายค้านออกมาท้าทายรัฐบาลว่า หาก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดในเรื่องของความท้าทาย เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงของการท้าทายหรือใช้ทิฐิต่อกัน แต่สิ่งที่ต้องการคือการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ เรื่องนี้ต่างหากคือสิ่งสำคัญ เพราะเราต้องบอกว่าเราไม่มีเวลาแล้วที่จะมาต่อสู้แบบนี้ แต่เราต้องมีเวลาในการต่อสู้กับภาวะที่กำลังจะเกิดขึ้น หลายคนจะเห็นว่าทุกประเทศก็ต้องพึ่งตัวเอง ถ้าเราไม่รีบทำโอกาสที่มีอยู่ก็จะหายไป นักลงทุนในวันนี้ก็เริ่มที่จะไม่มั่นใจว่าจะลงทุนในประเทศไทยดีหรือเปล่าถ้า เราไม่รีบสร้างความมั่นใจตรงนี้ก็จะทำให้เสียโอกาสได้ ยืนยันว่าเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเราพร้อมที่จะชี้แจงทุกกระบวนการ เมื่อถามว่า นักลงทุนกลุ่มใดที่บอกว่าเริ่มไม่มั่นใจในการลงทุนในไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ก็หลายกลุ่ม
       
       เมื่อถามว่าการยื่นตีความของฝ่ายค้านในครั้งนี้จะทำให้แผนการดำเนิน งานล่าช้าหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ ต้องทำไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าจะทำให้เต็มที่ด้วยเจตนาที่จะตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศอย่าง จริงจัง จึงไม่อยากให้มองในเกมการเมือง
       
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ตอบคำถามมีสีหน้าไม่สู้ดีและมีน้ำตาคลอในตา
       
       โดยก่อนหน้านี้นายกฯ ได้เดินทางมาร่วมงานสัมมนา “ถอดรหัสจีดีพีปี 55” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยตามกำหนดการนายกฯ ต้องขึ้นกล่าวเปิดงานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษบนเวที หัวข้อ “มุมมองเศรษฐกิจปี 55” ในเวลา 10.10 น. แต่เมื่อถึงเวลานายกฯ ไม่สามารถขึ้นปาฐกถาได้เนื่องจากผู้เข้าร่วมงานสัมมนามีจำนวนน้อยมาก ขณะที่นักธุรกิจแทบไม่ปรากฏตัวในงาน โดยในเวลา 10.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจขึ้นกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในที่สุด


“ปู” กรี๊ด! ไร้เงานักธุรกิจฟังปาฐกถา สั่งระดมคนให้เต็มห้องก่อนขึ้นจ้อ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

สมาคมสื่อ ศก. หรือ “ยิ่งลักษณ์” ไร้ประสิทธิภาพ หลังคนเข้าฟังปาฐกถา“ถอดรหัส GDPปี 55” โหรงเหรง ทำทีมงานวุ่นเกณฑ์ทั้งสื่อ-ช่างภาพ-ผู้ช่วย-นักศึกษากู้หน้านั่งฟังนายกฯ จ้อ ขณะที่ “ปู”เก็บอารมณ์ฉุน ฝืนขึ้นปาถก “มุมมอง ศก.ปี 55”

       
       เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.พ. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังโรงแรมดุสิตธานี เพื่อเปิดงานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “มุมมองเศรษฐกิจ ปี 55” ณ ห้องนภาลัย ตามคำเชิญของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ที่จัดสัมมนาเรื่อง “ถอดรหัส GDPปี 55”โดยเจ้าภาพจัดงานได้วางคิวให้นายกรัฐมนตรีขึ้นกล่าวเปิดงานและปาฐกถา พิเศษในเวลา10.10 น.แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลานายกรัฐมนตรี กลับไม่สามารถขึ้นกล่าวเปิดงานสัมมนาได้ตามเวลาที่ตั้งไว้ เนื่องจากแขกรับเชิญที่เจ้าภาพโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจแจ้งต่อทีมงาน นายกรัฐมนตรีว่า จะมาร่วมงาน 400 คนนั้น ส่วนใหญ่ที่มานั่งในห้องนภาลัย ล้วนแต่เป็นผู้สื่อข่าวสายการเมืองประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ติดตามภารกิจของนายการัฐมนตรีในทุกๆ วัน อีกส่วนเป็นผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจ ที่รวมกันแล้วไม่ถึง 50 คน เช่นเดียวกับตัวแทนภาคธุรกิจ เอกชน หลักๆ ไม่เห็นเข้าร่วมงานแต่อย่างใด
       
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฝ่ายนักธุรกิจพบว่า มีเพียงตัวแทนจากธนาคารภาครัฐเท่านั้น ส่งผลให้บรรยากาศในห้องนภาลัย ที่จัดเก้าอี้ไว้ 400 ที่นั่งบางตา ทำให้ทางทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี และผู้จัดงานพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่โรงแรม ต้องเดินเกณฑ์ขอความร่วมมือให้ช่างภาพและผู้ช่วยสื่อมวลชนเข้าไปนั่งเก้าอี้ ที่จัดเตรียมไว้อย่างโกลาหล เพื่อให้เห็นว่า มีแขกเข้ารับฟังการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีเยอะ แต่ทางช่างภาพปฏิเสธที่จะทำได้ตามที่ขอความร่วมมือ เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่ถ่ายภาพข่าว ทำให้เจ้าภาพผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีต้องไปเกณฑ์พนักงาน ของโรงแรมบางส่วน นักศึกษาฝึกงาน มานั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ โดยเน้นให้ไปนั่งด้านหน้า เพื่อให้ภาพออกมาดูไม่น่าเกลียด
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายกรัฐมนตรี นั่งรอในห้องรับรองพิเศษอยู่นาน ทีมงานนายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาณให้นายกรัฐมนตรี เดินเข้ามายังห้องนภาลัย เพื่อขึ้นเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในเวลา10.30 น. โดยทีมงานนายกรัฐมนตรี ล้วนแต่ออกอาการเซ็งๆที่เจ้าภาพจัดงานไม่ยืนยันแขกที่เข้าร่วมงาน ขณะที่นายกรัฐมนตรี เมื่อรู้ว่ามีแขกเข้าร่วมรับฟังมีจำนวนน้อย ไร้นักธุรกิจหลักมานั่งฟัง ได้พยายามเก็บอาการ ไม่แสดงความโกรธ หรือเสียความรู้สึก พร้อมกับระบุว่า ก็ถือว่ามาพูดให้นักข่าวฟัง และขึ้นกล่าวปาฐกถาตามที่เจ้าภาพเชิญตามปกติ
       
       ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมงานสัมมนาของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เนื่องจากมีภารกิจประชุม SMEs


“ปู” ปัดรับคำท้าลาออก หาก พ.ร.ก.4 ฉบับขัด รธน.- อ้างไม่มีเวลาเล่นเกม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ยิ่งลักษณ์” ตาแดงก่ำ ปัดรับคำท้าฝ่ายค้าน หาก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 ฉบับขัด รธน.โต้อย่าใช้ทิฐิเล่นเกมการเมือง ไม่มีเวลามาสู้กันแบบนี้ อ้างนักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่เชื่อมั่น รัฐบาลต้องรีบฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก่อนโอกาสหลุดมือ

       
       เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1 ก.พ.) ที่โรงแรงดุสิตธานี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “มุมมองเศรษฐกิจไทยปี 55” กรณีที่ฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก.การเงิน 4 ฉบับ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ ว่า เราคงต้องทำอย่างเต็มที่ในการให้ข้อมูล ตนขอเรียนว่า เรื่องนี้เป็นความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องทำเร่งด่วนในการออก พ.ร.ก.และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติในการลงทุน
       
       เมื่อถามย้ำว่า มีความมั่นใจใช่หรือไม่ ว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.เงินกู้จะไม่ทำให้การดำเนินการของรัฐบาลสะดุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องใช้คำว่าเราทำอย่างเต็มที่จะดีกว่า โดยจะทำทุกอย่างอยู่บนหลักของเหตุผลและความจำเป็นบนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าความเสียหายต่างๆ ที่ผ่านมา เกิดขึ้นมาก จำนวนเงิน 120,000 ล้าน ที่ใช้ในวันนี้ ก็เป็นการแก้ปัญหาและเยียวยา ซึ่งในวันนี้ยังใช้งบประมาณได้ไม่เต็มที่ และหากเราต้องรอไปทีละขั้นตอนก็คงไม่ทันแล้ว ต้องเรียนว่า การแก้ปัญหาต้องแก้ตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่เรามองว่ามีความจำเป็นและทำด้วยเหตุด้วยผล
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ฝ่ายค้านออกมาท้าทายรัฐบาล ว่า ถ้า พ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับขัดต่อรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดในเรื่องของความท้าทาย เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงของการท้าทาย หรือใช้ทิฐิต่อกัน แต่สิ่งที่ต้องการ คือ การกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ เรื่องนี้ต่างหากคือสิ่งสำคัญ เพราะเราต้องบอกว่าเราไม่มีเวลาแล้วที่จะมาต่อสู้แบบนี้ แต่เราต้องมีเวลาในการต่อสู้กับภาวะที่กำลังจะเกิดขึ้น หลายคนจะเห็นว่าทุกประเทศก็ต้องพึ่งตัวเอง ถ้าเราไม่รีบทำโอกาสที่มีอยู่ก็จะหายไป นักลงทุนในวันนี้ก็เริ่มที่จะไม่มั่นใจว่าจะลงทุนในประเทศไทยดีหรือเปล่า ถ้าเราไม่รีบสร้างความมั่นใจตรงนี้ก็จะทำให้เสียโอกาสได้ ยืนยันว่า เราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเราพร้อมที่จะชี้แจงทุกกระบวนการ เมื่อถามว่า นักลงทุนกลุ่มใดที่บอกว่าเริ่มไม่มั่นใจในการลงทุนในไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็หลายกลุ่ม
       
       เมื่อถามว่า การยื่นตีความของฝ่ายค้านในครั้งนี้ จะทำให้แผนการดำเนินงานล่าช้าหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ ก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ยืนยันว่า จะทำให้เต็มที่ด้วยเจตนาที่จะตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างจริงจัง จึงไม่อยากให้มองในเกมการเมือง
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ตอบคำถามมีสีหน้าไม่สู้ดีตาแดงและมีน้ำตาคลอในตาเล็กน้อย


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี


ภาพ จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

Tags : ปู ลั่นทุ่มสุดตัว พลิก ศก.ปี 55 ฟื้นรูปตัว วี พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล. ไม่ใช่การเร่งใช้เงิน

view