สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กลุ่มกรีนยื่นสอบจริยธรรม ปู โดดประชุมสภาฯ แอบเจรจาลับโฟร์ซีซั่นส์

กลุ่มกรีนยื่นสอบจริยธรรม “ปู” โดดประชุมสภาฯ แอบเจรจาลับโฟร์ซีซั่นส์

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“กลุ่มกรีน” ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบจริยธรรม “นายกฯ ปู” กรณีหนีประชุมสภาฯ แอบไปเจรจาธุรกิจลับโฟร์ซีซั่นส์ พร้อมทวงถามความคืบหน้าสอบจริยธรรมตั้ง “นลินี-เต้น”
       
       วันนี้ (13 ก.พ.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ตัวแทนกลุ่มกรีน พร้อมคณะได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกรณีไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะในวันที่ 8 ก.พ.ที่ปรากฏเป็นข่าวว่าได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมงที่โรงแรมโฟร์ซีชั่นส์โดยไม่ยอมเปิดเผยว่าไปทำอะไร
       
       ทางกลุ่มฯ เห็นว่ากรณีดังกล่าวกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะเกรงว่ากิจธุระส่วนตัวที่นายกฯ ไปปฏิบัตินั้นอาจจะเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่นายกฯ ไปพูดคุยธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือเปล่า เนื่องจากถ้าไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามาเกี่ยวข้องก็น่าจะที่จะ เปิดเผยถึงภารกิจดังกล่าวได้
       
       “แม้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในฐานะบุคคลสาธารณะควรมีสิทธิและพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวก็ตาม แต่ในวันเกิดเหตุเป็นช่วงที่มีการประชุมสภาฯ กันตามปกติ ซึ่งนายกฯ ก็ไม่กลับไม่เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาที่ควรจะไปร่วมประชุมนั้นไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ที่ว่ากันว่าไปพบกับนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และมีธุรกิจที่อาจมีส่วนได้เสียกับการกำหนดนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดหาที่ดินกว่า 2 ล้านไร่เพื่อทำแก้มลิงรับน้ำ ตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลซึ่งวางงบประมาณทั้งระบบสูงกว่า 2.6 ล้านล้านบาท และยังปรากฏว่านักธุรกิจคนดังกล่าวมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จะส่งผลต่อกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะของรัฐบาล และจะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนตามมา เพราะนายกฯ ไม่สามารถจำแนกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนออกจากส่วนรวมได้ ทำให้รัฐมนตรีร่วมคณะเอาเยี่ยงอย่าง ไม่สนใจและคำนึงถึงจริยธรรมในการใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้า ทำให้เกิดปัญหาการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมา”
       
       ดังนั้น ทางกลุ่มกรีนจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่ผู้ตรวจการจะต้องดำเนินการตามรัฐ ธรรมนูญมาตรา 279 เพื่อตรวจสอบจริยธรรมของนายกฯ และหากพบข้อเท็จจริงให้ดำเนินการในเรื่องของการถอดถอนทันทีเพื่อสร้างบรรทัด ฐานทางจริยธรรม คุณธรรม และการเมือง
       
       ทั้งนี้ นายจาตุรันต์ยังได้ยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ทางกลุ่มกรีนยื่นขอ ให้ตรวจสอบจริยธรรมนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกหนึ่งฉบับด้วยหลังจากปราฏข่าวว่าทางผู้ตรวจการแผ่นดินอาจยกคำร้อง
       
       ด้าน นายสงัดกล่าวว่า กรณีขอให้ตรวจสอบนายกฯเกี่ยวกับการไม่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางสำนักงานก็จะ นำเสนอต่อที่ประชุมคณะผู้ตรวจการฯพิจารณาว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนิน การหรือไม่ในวันพุธที่ 15 ก.พ.นี้ ส่วนการตรวจสอบนายกฯ เรื่องการแต่งตั้งนางนลินี และนายณัฐวุฒินั้น ขณะนี้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือลงวันที่ 1 ก.พ. ถึงนายกฯ และนายอำพน โดยไปรษณีย์ลงรับหนังสือในวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งคงต้องรอให้ครบกำหนด 15 วันนับแต่วันที่บุคคลทั้ง 2 รับหนังสือว่า ตกลงแล้วจะมีหนังสือชี้แจงมาเลย หรือว่าจะขอเลื่อนการยื่นหนังสือชี้แจงเพราะสามารถทำได้ และมีหนังสือไปยังสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเพื่อขอข้อเท็จจริงกรณีการขึ้น บัญชีดำของนางนลินี แต่ในส่วนที่ว่าผู้ตรวจการฯ เตรียมยกคำร้องนั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้ตรวจฯ พิจารณากรณีที่ดำรงตำแหน่งแล้ว แต่ทั้งนี้มาตรา 279 วรรคท้าย บัญญัติให้ผู้ที่ทำหน้าที่แต่งตั้งบุคคลต้องแต่งตั้งบุคคลโดยคำนึงถึง จริยธรรม


กลุ่มกรีนยื่นผู้ตรวจสอบนายกฯภารกิจโฟร์ซีซั่น

จาก โพสต์ทูเดย์

กลุ่มกรีนยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบจริยธรรมนายกฯโดดประชุมสภาไปภารกิจลับโฟร์ซีซั่น

นายจาตุรนต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ตัวแทนกลุ่มกรีน ยื่นหนังสือต่อนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2555 และเดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมงที่โรงแรมโฟร์ซีชั่น

ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา

ทางกลุ่มกรีนเห็นว่า กิจธุระส่วนตัวที่นายกฯไปปฏิบัติอาจจะเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปพูดคุย ธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองหากไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามา เกี่ยวข้องก็น่าจะที่จะเปิดเผยถึงภารกิจดังกล่าวได้

ดังนั้น จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่ผู้ตรวจการจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เพื่อตรวจสอบจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี และหากพบข้อเท็จจริงให้ดำเนินการในเรื่องของการถอดถอนทันทีเพื่อสร้างบรรทัด ฐานทางการเมือง

นอกจากนี้ทางกลุ่มกรีนยังยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้ากรณีขอให้ตรวจสอบ จริยธรรมนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกหนึ่งฉบับด้วย

ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มกรีนยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว มองว่าน่าจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยออกมาตรวจสอบอะไรเลย จึงเห็นภาพความเป็น 2 มาตรฐานชัดเจน และการเคลื่อนไหวของกลุ่มกรีนก็ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทำแต่เรื่องที่ไม่เป็นสาระ จึงขอเรียกร้องให้ทบทวนบทบาทและจุดยืน อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร และอยากให้ประชาชนรวมทั้งองกรต่างๆ ร่วมตรวจสอบด้วยว่ากลุ่มกรีน มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร


เรื่องลับๆ ล่อๆ ที่ชั้น 7 โฟร์ซีซันส์ ก้าวย่างพลาดพลั้ง “ยิ่งลักษณ์”

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เป็นประเด็นฉาวโฉ่ ร้อนแรง เมาท์กันสนั่นไปทั้งโลก

       
       ภายหลังปฏิบัติการ ยิ่งลักษณ์ ณ โฟร์ซีซั่นส์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ว.5 เดินทางไปทำภารกิจส่วนตัว โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามทำข่าวเหมือนอย่างเคย ใช้เวลาราชการที่ ส.ส.กำลังประชุมสภาอย่างเคร่งเครียด เดินทางไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ย่านราชดำริ
       
       โดยไม่รู้เหตุผลว่าไปทำอะไรกันแน่
       
       แต่ที่รู้แน่ เห็นภาพชัด คือความไม่เหมาะสม ถูกตำหนิติเตียนจากหลายฝ่าย
       
       เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อบังเอิญโรงแรมที่ว่านี้ เป็นสถานที่ที่ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ชอบไปนั่งจิบกาแฟอยู่เสมอๆ แต่วันเดียวกันนั้นเอง นายเอกยุทธได้ถูกทำร้ายร่างกายจนหน้าปูด บวม ก่อนออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว
       
       ตั้งข้อสงสัยว่า ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายจากอดีตทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษผู้หลบหนีคดีอาญาอยู่ต่างประเทศ ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกจากโรงแรมเพียง 10 นาที
       
       พร้อมทิ้งปริศนาถึงบุคคลที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพบที่ชั้น 7 ของโรงแรมในวันนั้น
       
       เดิมทีประเด็นอยู่ที่ใครทำร้ายร่างกายนายเอกยุทธ ใช่เครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงหรือไม่ เป็นทีมงานของ “ยิ่งลักษณ์” หรือไม่ เกิดกรณีหมั่นไส้นายเอกยุทธ ที่วิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาตลอดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน นายเอกยุทธก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งลักษณ์อย่างรุนแรง โดยพาดพิงไปถึงถิ่นเกิด เหมารวมผู้หญิงภาคเหนือ จนถูกฟ้องร้อง และรวมตัวประท้วงยกใหญ่กันมาครั้งหนึ่งแล้ว
       
       เรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามสืบสวนข้อเท็จจริงกันต่อไป แต่ดูเหมือนกระแสสังคมจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ หันไปซุบซิบนินทาว่า นายกรัฐมนตรีไปทำภารกิจลับอะไร กับใคร ที่นั่น?
       
       ซึ่งตอนหลังนายเอกยุทธก็เป็นคนแฉอีกว่า เวลาไล่เลี่ยกันที่นายกรัฐมนตรีออกจากโรงแรม มีคนพบเห็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่คนหนึ่ง นามว่า เศรษฐา ทวีสิน พูดทิ้งปมไว้เท่านี้ ก็ทำให้สังคมอยากรู้อยากเห็นว่าเขาเป็นใครกันแน่
       
       แต่ในแวดวงผู้คลุกวงในการเมืองและธุรกิจ ก็พอจะต่อจิ๊กซอว์ได้ไม่ยาก เพราะเป็นข่าวซุบซิบสไตล์ไฮโซมาแล้วว่าทั้ง 2 คนมีความสนิทสนม??
       
       จนตอนนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เลยเถิดไปในทำนอง “Meeting ทับท้อง” ไปโน่น เมาท์กันสนุกปากตามประสาชาวบ้านร้านตลาด จนลิ่วล้อของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ต้องดาหน้าออกมาดับกระแสแก้ข่าวเป็นพัลวัน ไม่เว้นแม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับสายตรงให้ชี้แจงในเรื่องนี้ก็อธิบายว่านายกรัฐมนตรีไปประชุม?? ซึ่งก็ดูจะมีน้ำหนักพอฟังได้
       
       แต่สุดท้ายก็พลาดตกไม้ตายกันเอง เพราะไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่ได้ไปประชุม แต่ไปพบใครบางคน ซึ่งดิฉันเองมีสิทธิ์ที่จะไปพบใครก็ได้!!
       
       เท่านั้นเองแทนที่เรื่องจะจบ กลับสร้างความสงสัยมากขึ้นไปอีก พวกอยากรู้อยากเห็นก็ไปขุดคุ้ยสืบค้นประวัติเก่าๆ เอามาเมาท์กันเป็นที่ฮือฮาไปอีก..
       
       อย่างไรก็แล้วแต่ มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่า ปฏิบัติภารกิจ ว.5 ณ ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ วันนั้นอาจเป็นการนัดหารือเรื่องธุรกิจที่ดินบางอย่างหรือไม่ เพราะเร็วๆ นี้รัฐบาลจะทำการสำรวจพื้นที่สร้างฟลัดเวย์ แก้มลิง ตามแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบที่ทำกันมาต่อเนื่อง
       
       ถ้าหากมีใครรู้ล่วงหน้าก่อนว่ารัฐบาลจะใช้จุดไหนทำฟลัดเวย์ แก้มลิงแล้วไปกว้านซื้อที่ดินเหล่านั้น เมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลจะขอเวนคืนที่ดิน อาจทำกำไรได้มหาศาล ดังนั้นจึงมีการตั้งข้อสงสัยในเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เช่นกัน
       
       เรื่องนี้ทางที่ดี “ยิ่งลักษณ์” ต้องออกมาไขความกระจ่างให้สังคม ว่าปฏิบัติการ ว.5 ข้อเท็จจริงคืออะไรแน่ ไม่อย่างนั้นสังคมก็จะตั้งคำถามอยู่ตลอด และจะทำให้ภาพลักษณ์ของ “ยิ่งลักษณ์” ยิ่งเสื่อมเสีย ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์จนเครดิตลดลงไปเรื่อยๆ
       
       อาจถึงขั้นไม่เป็นอันทำการทำงาน ที่เคยหลุดๆ หลงๆ ก็จะยิ่งหลุดมากขึ้น อาจถึงขั้นหลุดโลกไปเลย ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเดินเกมอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง
       
       ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเสนอกฎหมายปรองดอง อาจได้รับผลกระทบกระเทือนไปหมด นับเป็นเรื่องน่าหนักใจอย่างยิ่งของทั้งตัวนายกฯ เองและเครือข่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
       
       ถือเป็นก้าวที่พลาดพลั้งอย่างแรง เพราะในห้วงเวลาเดียวกัน รัฐบาลอุตส่าห์ดีลงานจนประสบผลสำเร็จ สามารถเรียนเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธาน องคมนตรี และรัฐบุรุษ พร้อมด้วยองคมนตรี มาร่วมงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” สร้างภาพสมานฉันท์ได้แล้ว แต่กลับโดนกลบข่าวด้วยเรื่องฉาวโฉ่นี้
       
       งานใหญ่หรูเลิศอลังการ “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ดูจะไร้ความหมายไปโดยปริยาย เพราะไม่ถูกปั่นกระแส กระพือข่าวเท่าที่ควร นั่นเพราะบางส่วนเชื่อว่ามันเป็นเพียงการสร้างภาพปรองดองเท่านั้น แต่เนื้อในแก่นแท้แล้ว
       
       สถานการณ์ยังคงดำรงอยู่เช่นเดิม ความขัดแย้งที่อยู่ ณ เบื้องหลัง ยังไม่มีวันจางหายไปง่ายๆ
       
       เมื่องานนี้ไม่ปรากฏอะไรที่เป็นเชิงรูปธรรมชัดเจน ไม่มีการขยายผลต่อเนื่อง สังคมก็หลงลืมไปเร็ววัน ยิ่งมีข่าว “ยิ่งลักษณ์ ณ โฟร์ซีซั่น” เข้าไปอีก อะไรๆ ก็ไม่เป็นที่จดจำ เรื่องดีๆ ไม่มีให้นึกถึง เรื่องที่สังคมสนใจ ใคร่รู้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ลึกๆ ลับๆ อะไรทำนองนี้แหละ
       
       ฉะนั้นก็ต้องถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะต้องไปขบคิดว่าจะออกตัวมาบอกความจริงกับสังคมอย่างไร หรือจะเลือกวิธีหลงลืมมันไป ให้เวลาเยียวยาดับกระแสให้มอดลง
       
       เพราะช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะพอดีที่ “ยิ่งลักษณ์” จะเดินสายตะลอนทัวร์ไปต่างจังหวัดแบบลองไทม์ทั้งสัปดาห์ ไปวางแผนบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นายกฯ จะใช้จังหวะเวลานี้ดับกระแสสังคมด้วยการสร้างภาพการทำงานได้หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่น่าติดตาม
       
       อย่างไรก็แล้วแต่ ความเป็นนายกรัฐมนตรี ความที่เป็นบุคคลสาธารณะ ทุกก้าวย่างต้องถูกสปอตไลต์สอดส่ายจากทุกภาคส่วนของสังคม นายกฯ ควรที่จะทำทุกอย่างแบบเปิดเผย โปร่งใส ให้ควรค่าแก่การเป็นผู้นำประเทศ และเป็นแบบอย่างที่ดีของทุกคนในประเทศ
       
       หากเทียบเคียงจากนานาอารยประเทศที่เจริญแล้ว ก็จะเห็นเรื่องเหล่านี้ชัดเจน บางประเทศมีเรื่องฉาวโฉ่ มีเงื่อนงำนิดเดียว ผู้นำประเทศก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกมานักต่อนักแล้ว
       
       ตลอดเวลานับเนื่องจากนี้ไปในตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศ “ยิ่งลักษณ์” น่าจะทำอะไรที่เปิดเผย โปร่งใส ชัดเจน อย่าทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงสังคมจนฉาวโฉ่เช่นนี้อีก!!


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : กลุ่มกรีน ยื่นสอบจริยธรรม ปู โดดประชุมสภาฯ แอบเจรจาลับ โฟร์ซีซั่นส์

view