สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ถึงคิว อีสาน หงุดหงิดรัฐบาลเสื้อแดง ปัญหาของแพงรุมเร้า

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...สุภชาติ เล็บนาค

ผลสำรวจของอีสานโพล “เสียงสะท้อนชาวอีสานกับผลงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์” ที่ออกมาล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. พบว่า ความนิยมในการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลดลงเล็กน้อย จากเดิมในเดือน ม.ค. ที่ความนิยมพุ่งสูง 74.7% เหลือ 72.1% โดยส่วนที่ลดลงมากที่สุด คือด้านเศรษฐกิจพบว่าจาก 56.8% เหลือเพียง 50.9% !!!

ทั้งที่คนอีสานซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย คาดหวังกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้มาแก้ปัญหาปากท้องและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เนื่องจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทำให้ค่าครองชีพแพงขึ้น ขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ น่าจะพะยี่ห้อของทักษิณ ชินวัตร ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจากนโยบายลดแลกแจกแถมกำลังสอง

ทว่ากลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะปัญหาที่คนอีสานเรียกร้องให้เร่งแก้ไขมากที่สุดตามผลสำรวจครั้งนี้คือ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมากถึง 62.6%

ผลการเลือกตั้ง สส. ครั้งล่าสุดปี 2554 เจาะเฉพาะภาคอีสาน พบว่า พรรคเพื่อไทยเป็นแชมป์อีสานที่ยากจะหาใครเทียบ

จำนวน สส.ทั้งหมดในภาคอีสานมี 127 คน พรรคเพื่อไทย กวาดไปถึง 105 คน ทิ้งห่างพรรคภูมิใจไทยที่มาเป็นอันดับ 2 ซึ่งได้ 13 ที่นั่งส่วนพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 4 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 4 ที่นั่ง และพรรคชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง

ขณะที่คะแนนระบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) เฉพาะภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ได้มากถึง 7.2 ล้านเสียงจาก 15.7 ล้านเสียง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้คะแนนเป็นที่สองในภาคอีสาน ได้คะแนนเพียง 1.5ล้านเสียง

จนถึงวันนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก้าวสู่เดือนที่ 7 ยังคงเต้นฟุตเวิร์กกับการแก้ไขปัญหาการเมือง ด้วยการเร่งเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อฟื้นอำนาจตัวเอง แต่ปัญหาปากท้องที่กระทบประชาชนกลับไม่ชัดเจนว่าจะแก้อย่างไร ทำให้ช่วงหลังมานี้ ภาพปัญหาค่าครองชีพที่แพงขึ้นเริ่มสะท้อนออกมาเรื่อยๆ ผ่านสารพัดม็อบของเกษตรกรที่ผิดหวังในราคาผลผลิต ทั้งมันสำปะหลัง อ้อย ไปจนถึงม็อบแท็กซี่รถบรรทุก ที่ได้รับผลกระทบจากการลอยตัวนโยบายพลังงาน

ตวง อันทะไชย สว.สรรหา ประธานกลุ่มประชาสังคม จ.ร้อยเอ็ด มองว่า การเกิดของม็อบเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่คือความทุกข์ร้อนที่ฝ่ากระแสเพื่อไทยฟีเวอร์ ที่เคยถึงจุดสูงสุดมาเมื่อครั้งเลือกตั้งปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้คนอีสานยังตั้งคำถามว่า พวกเขาได้ประโยชน์อะไรจากรัฐบาลชุดนี้บ้าง

 

“เรื่องใหญ่ๆ ที่รัฐบาลชุดนี้ตัดสินใจ กลับกลายเป็นการตัดสินใจเพื่อช่วยคนเพียงบางกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น เม็ดเงินก็อยู่ที่ภาคกลางเพียงอย่างเดียว คนอีสานก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ขณะที่ภาพการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ หรือปัญหาเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มีความชัดเจนอะไรออกมา”

ตวงบอกอีกว่าแม้ในระยะสั้น จะยังไม่เห็นผลอะไรมากนัก เพราะกระแสของคนเสื้อแดง และความรัก ความศรัทธาที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และน้องสาวทักษิณ ยังคงอยู่ แต่เท่าที่เขาสัมผัสมานั้น วันนี้คนในดินแดนที่ราบสูง เริ่มทวงสัญญาไปยัง สส. และแกนนำคนเสื้อแดงในละแวกบ้านแล้วว่า มีแนวทางในการจัดการราคาอ้อย ราคามันสำปะหลัง อย่างไร ซึ่งคำตอบที่เขาได้รับยังคงไม่มีความชัดเจน

“หากยังเป็นอย่างนี้อยู่อีก 3-4 เดือน รัฐบาลชุดนี้จะประสบความยากลำบากในการบริหารฐานเสียงตัวเองในภาคอีสานมาก ขึ้น จุดที่สะท้อนให้เห็นคือ ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ ที่กรุณา ชิดชอบ จากพรรคภูมิใจไทย ชนะคนของพรรคเพื่อไทยขาดลอย ทั้งที่คะแนนปาร์ตี้ลิสต์การเลือกตั้ง สส. ใน จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคภูมิใจไทยทิ้งห่างถึง 1 แสนคะแนน แต่เลือกตั้งท้องถิ่นรอบนี้กลับแพ้กระจุย จึงต้องจับตาคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยที่จะสะท้อนผ่านสนามเลือกตั้ง นายกฯ อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายจังหวัดในอีกไม่กี่เดือนนี้ว่าจะลดลงเหมือนที่ บุรีรัมย์หรือไม่

ขณะที่ วิฑูรย์ นามบุตร แกนนำ สส.ภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ มองว่านโยบายที่รัฐบาลเคยหาเสียงไว้ เช่น เปลี่ยนการประกันราคาข้าว เป็นการจำนำราคาข้าวแทน การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ หรือกองทุนหมู่บ้านเอสเอ็มแอล จะเป็นตัวบั่นทอนคะแนนเสียงในภาคอีสานของรัฐบาลเอง เพราะนโยบายเหล่านี้คือสิ่งที่คนอีสานคาดหวังว่าจะได้ แต่เมื่อถึงเวลาทำจริง กลับมีเงื่อนไขเต็มไปหมด และไม่ลงถึงภาคอีสานเลย

“เท่าที่ผมสังเกตเห็น แม้คะแนนของเพื่อไทยยังเหนือกว่าพรรคอื่น เพราะเขาให้โอกาสรัฐบาลใหม่ แต่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เงื่อนไขทางปัญหาเศรษฐกิจ และปากท้อง ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง จะเป็นตัวฆ่ารัฐบาลเอง เพราะสิ่งที่เขาพูด 100 นั้น ทำได้เพียง 10หลังจากนี้รัฐบาลจะทำงานได้ลำบากขึ้นแน่นอน หากยังไม่ลงลึกถึงสิ่งที่เขาเคยพูดไว้จริง” วิฑูรย์ แสดงความคิดเห็นปิดท้าย

ดูเหมือนว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 15.7 ล้านเสียงทั่วประเทศ กำลังเผชิญศึกหนัก จากความศรัทธาของฐานเสียงเดิม ทั้งภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังขวัญผวากับปัญหาน้ำท่วมที่ยังไม่กล้ารื้อบิ๊กแบ็กในบ้านตัวเอง ทิ้ง เพราะไม่เชื่อว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเอาอยู่

ภาคเหนือ ฐานเสียงอีกแห่งกำลังเผชิญกับปัญหาหมอกควันที่เพิ่มสูงขึ้นทุกที ไม่มีท่าทีจะคลี่คลายง่ายๆ กระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่กำลังเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งวันนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่หนีหมด

กระทั่งภาคอีสานเอง เริ่มมองว่า รัฐบาลของพวกเขาละเลย ไม่ให้ความสนใจ รวมถึงไม่ทำ ในสิ่งที่เคยพูดไว้...

ประเมินกันว่า ปีนี้รัฐบาลจะเจอของจริงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ทั้งที่ในสหรัฐอเมริกา วิกฤตสหภาพยุโรป แนวโน้มจะขยายตัวไปสู่สถาบันการเงินทั่วภูมิภาค รวมถึงราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบในตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแน่ๆ

และเมื่อไรที่ของแพง รายได้ไม่เพิ่ม ไม่เฉพาะคนชั้นล่างในภาคอีสานเท่านั้น หากแต่ทั่วทั้งประเทศต่างร้องโหยหวน จึงเป็นโจทย์ใหญ่กับรัฐบาลเพราะปัญหาเหล่านี้โดนเข้ากับ “คน” อย่างจัง ควักกระเป๋าทีไร เงินแห้งทุกที ถึงมีเงิน มูลค่าก็ต่ำเพราะของแพงขึ้น

งานนี้ไม่หมูอย่างที่คิด...


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ถึงคิว อีสาน หงุดหงิดรัฐบาลเสื้อแดง ปัญหาของแพงรุมเร้า

view