จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

กระทรวงการคลังจีน ประกาศกฎใหม่ปรับโครงสร้างบริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ 4 แห่ง
กระทรวงการคลังจีน ออกกฎใหม่ เพื่อควบคุมบริษัทตรวจสอบบัญชี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ 4 แห่งของโลกจำเป็นต้องให้ชาวจีน เข้ามาบริหารกิจการของบริษัททั้ง 4 ในจีน และต้องยุติอำนาจควบคุมของหุ้นส่วนต่างชาติ

ทั้งนี้ บริษัทตรวจสอบบัญชี 4 แห่งนี้ได้แก่ ดีลอยท์ ทู้ช โทมัตสึ, ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์, เอินส์ท แอนด์ ยัง และเคพีเอ็มจี โดยบริษัทกลุ่มนี้ ต้องเริ่มต้นปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของบริษัทในเดือนส.ค.ปีนี้ และต้องปฏิบัติตามกฎใหม่ทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2560

กฎใหม่ที่ว่า ระบุให้บริษัทกลุ่มนี้ ปรับการดำเนินงานเป็นรูปแบบทัองถิ่นของจีน เพื่อให้ชาวจีนเป็นผู้บริหารบริษัท และเพื่อให้อำนาจควบคุมเป็นของนักบัญชี ที่ถือใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีของจีน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ 4 แห่ง เนื่องจากบริษัทกลุ่มนี้ กำลังได้รับผลกระทบจากข่าวอื้อฉาวด้านการบัญชี ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจีน ที่จดทะเบียนในสหรัฐ โดยนักลงทุนกำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของการตรวจสอบบัญชีในจีน

ล่าสุด ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านหลักทรัพย์ของสหรัฐ ได้ตั้งข้อหาบริษัทในเครือของดีลอยท์ในจีน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวปฏิเสธ ที่จะจัดหาเอกสารการตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจีนแห่งหนึ่งที่จดทะเบียนในสหรัฐ โดยบริษัทแห่งนั้น กำลังอยู่ภายใต้การสอบสวนเกี่ยวกับการฉ้อโกงบัญชี

กฎใหม่ของกระทรวงการคลังจีน จะส่งผลให้หุ้นส่วนต่างชาติในบริษัททั้ง 4 แห่งนี้มีสัดส่วนไม่เกิน 40 % เมื่อเริ่มมีการนำโครงสร้างใหม่มาใช้ในเดือนส.ค.ปีนี้ และสัดส่วนดังกล่าว จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 20 % ภายในปี 2560 และกฎนี้ อาจสร้างความพึงพอใจให้แก่บริษัททั้ง 4 เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีความกังวลกันว่า จีนอาจบังคับให้บริษัทกลุ่มนี้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเร็วกว่านี้

นายพอล จิลลิส อาจารย์ด้านบัญชีในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า "กฎนี้ถือเป็นการประนีประนอมกันอย่างยอดเยี่ยม โดยจีนได้ให้เวลาในการปรับตัว เพื่อถ่ายโอนอำนาจจากหุ้นส่วนต่างชาติมายังหุ้นส่วนในประเทศ ถ้าหากบริษัทกลุ่มนี้นำกฎนี้มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบ ก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งในการพัฒนาหุ้นส่วนภายในประเทศ ให้สามารถรับผิดชอบงานบริหารระดับสูงได้ดียิ่งขึ้น"

กฎนี้ ระบุให้หุ้นส่วนระดับสูงของบริษัท 4 แห่งนี้ เป็นชาวจีน แต่ปัจจุบันนี้บริษัท 4 แห่งนี้ อยู่ภายใต้การบริหารของชาวต่างชาติ โดยบริษัท 4 แห่ง ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมลงทุนในจีนเมื่อ 20 ปีก่อน และข้อตกลงดังกล่าว อนุญาตให้นักบัญชี ที่ได้รับใบอนุญาตจากต่างประเทศสามารถควบคุมการปฏิบัติงานของทางบริษัทในจีนได้

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัท 4 แห่งนี้ ก็ได้เข้ามาครอบครองส่วนแบ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมการบัญชีในจีน และได้ทำงานตรวจสอบบัญชีรัฐวิสาหกิจของจีนเมื่อกิจการดังกล่าวจดทะเบียนเป็นครั้งแรก โดยกิจกรรมตรวจสอบบัญชีของบริษัท 4 แห่ง มีรายได้รวมกันสูงกว่า 9.5 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2553 ไม่รวมธุรกิจให้คำปรึกษาของบริษัททั้ง 4

อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งตลาดของบริษัท 4 แห่ง ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยรายได้ของบริษัททั้ง 4 ลดลงสู่ 70 % ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทตรวจสอบบัญชี 10 อันดับแรกในจีน โดยร่วงลงจาก 85 % ในปี 2549 และบริษัทแต่ละแห่งว่าจ้างพนักงานราว 10,000 คน ในจีน, ฮ่องกง และไต้หวัน รวมถึงพนักงานในแผนกที่ปรึกษาด้วย

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการบัญชี ในสิงคโปร์ เคยปรับเปลี่ยนโครงสร้างแบบนี้เช่นกัน ในทศวรรษ 1980 ส่วนฮ่องกง เคยทำเช่นนี้ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยในสองกรณีนี้ หุ้นส่วนภายในประเทศได้ใช้เสียงโหวตที่เพิ่มขึ้นในการบีบหุ้นส่วนต่างชาติหลายรายให้ออกไป

สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน