สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปู คาดส่งออกปีนี้ โตราว 8-9% เชื่อ กิตติรัตน์ ไม่เจตนา white lie

ปู"คาดส่งออกปีนี้โตราว 8-9% เชื่อ"กิตติรัตน์"ไม่เจตนา white lie

จากประชาชาติธุรกิจ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คาดว่า การส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะโตได้ 8-9% พร้อมระบุว่า เชื่อว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีเจตนาโกหก(white lie)เกี่ยวกับตัวเลขเป้าหมายการส่งออกของประเทศ

"ตัวเลขส่งออก ปีนี้ที่สภาพัฒน์ประเมินไว้ที่ 7% กว่าๆ จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 15% นั้น แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ เช่นความผันผวนจากเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้การส่งออกลดลง เราพยายามจะทำให้การส่งออกอยู่ที่ 8-9% น่าจะประมาณนี้ นี่คือเป้าหมาย"น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูตลาดส่งออกที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพ การส่งออกของไทยได้มากขึ้น ส่วนระยะยาวนั้นรัฐบาลจะเน้นสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจในประเทศ

ส่วน กรณีที่นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับเรื่องการส่งออกว่าทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าการส่งออกในปี นี้จะทำได้ไม่ถึง 15% ตามเป้าหมาย แต่ต้องยอมที่จะไม่พูดความจริงเพราะได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงได้ ในบางเรื่องนั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่านายกิตติรัตน์ คงไม่มีเจตนาที่จะโกหก และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสั่งให้นายกิตติรัตน์ พูดในลักษณะเช่นนั้น

"จริงๆ เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีสำหรับประเทศ ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ มีเจตนาดี ไม่มีเหตุผลมาปกปิดอะไร...เชื่อว่าท่านไม่มีเจตนา(โกหก) ถ้ามีเจตนาคงไม่พูดอย่างนี้ คำสั่งอะไร ไม่มีหรอก ใครจะสั่งได้ ตัวเลขเป็นตัวเลขจริงทั้งหมด" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ช่วงบ่าย วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบประกาศเกียรติคุณและรางวัลผู้ส่งออก สินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2555  พร้อมยืนยันนโยบายรัฐบาลต่อการดูแลธุรกิจภาคส่งออก โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธุรกิจส่งออกสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ นอกจากนำชื่อเสียงไปยังต่างประเทศ และยังสร้างรายได้เข้าประเทศ และเป็นการเพิ่มกำลังด้วยการผลิตในไทย ทำให้เกิดการจ้างงาน เกิดวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ขณะนี้การส่งออกไทยกำลังเจอภาวะ ที่ท้าทายจากเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับวิธีการทำงาน และปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง ทุกฝ่ายต้องร่วมกันคิด ให้การส่งออกขยายตัว ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งต้องคิอว่าจะทำอย่างไรที่จะรักษาฐานตลาดเก่าและเปิดตลาดใหม่ใน ภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงของผู้ซื้อและเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง

อย่าง ไรก็ตาม รัฐบาลได้หารือร่วมกับนักธุรกิจภาคการส่งออก โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 ชุด ได้แก่ 1.พิจารณาลดอุปสรรคผู้ส่งออก 2.ขับเคลื่อนตลาดยุโรปเปิดตลาดใหม่ 3.สร้างฐานการผลิตประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดนรองรับประชาคมอา เซียนให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งเสริมซึ่งกันและกัน 4.ผลักดันการส่งออกรายสินค้า เช่น อาหาร สินค้าเกษตร อัญมณี เครื่องประดับ สิ่งทอ ซึ่งต้องไม่มองข้ามโอกาสในอนาคต และล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพานิชย์ได้ร่วมกันขยายการ เปิดตลาด และปรับทีมการทำงานระหว่างสถานทูตและกระทรวงพาณิชย์เป็นทีมไทยแลนด์ เพื่อตอบโจทย์บริษัทผู้ส่งออกและต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังได้ฝากข้อแนะนำไปยังผู้ส่งออก 2 เรื่อง คือ ขอให้ผู้ส่งออกหาทางเปิดตลาดการค้าอาเซียน โดยการหาแหล่งวัตถุดิบผลิตสินค้าส่งออกให้คุ้มทุนที่สุด โดยที่ภาครัฐจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ ประกอบการ และอยากให้ผู้ส่งออกมองตลาดที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มนอกเหนือจากเรื่องของปริมาณ

ทั้งนี้ ในฐานะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ นายกรัฐมนตรี ยืนยัน จะร่วมกันทำงานกับภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการส่งออก แม้จะเจอสิ่งต่างๆ ที่ท้าทาย เพราะรัฐบาลอยากเห็นผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของ สากล


“ปู” ชี้ “กิตติรัตน์” โกหกไม่ผิด บอกเป็นเจตนาดี ปฏิเสธลั่นไม่ได้สั่งให้พูดเท็จ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” อุ้ม “กิตติรัตน์” โกหกไม่ผิด อ้างเจตนาดี ปัดสั่งให้พูดเท็จ คาดเป้าส่งออกปีนี้จะอยู่ 8-9% พิลึกบอกสื่ออย่าลงข่าว White lie เรื่องก็จบ หลังถูกถาม ส.ว.จี้ให้ขุนคลังลาออก

              วันนี้ (27 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ออกมายอมรับว่าได้รับอนุญาตให้พูดโกหก หรือที่เรียกว่า White lie (โกหกสีขาว) เกี่ยวกับตัวเลขการส่งออกว่า ตนเชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีสำหรับประเทศ ซึ่งท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ เองก็มีเจตนาดีคงไม่มีเหตุผลในการที่จะมาปกปิดอะไร และตัวเลขก็เป็นตัวเลขที่เก็บจากข้อมูลจริงยังไงตัวเลขเราต้องชี้แจงประชาชน อยู่แล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมายอมรับแบบนี้จะฉุดความเชื่อมั่นของรัฐบาล หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อว่าท่านคงไม่มีเจตนา ถ้ามีเจตนาท่านคงไม่พูดคำนี้ เมื่อถามต่อว่า การที่นายกิตติรัตน์ระบุชัดเจนว่าได้รับคำสั่งให้พูดจริงได้บางเรื่องนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า “คำสั่งอะไรคะ ไม่มีหรอกค่ะ ใครจะสั่งได้คะ ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขจริงหมด”
       
       ส่วนตัวเลขการส่งออกที่ท่านนายกรัฐมนตรีมองว่าจะเป็นไปได้จะอยู่ที่ ประมาณเท่าไหร่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ณ วันนี้ตัวเลขส่งออกที่ทางสภาพัฒน์ รายงานครึ่งปีอยู่ที่กว่า 7 เปอร์เซ็นต์ แต่เดิมทีที่ตั้งเป้ามากับกระทรวง 15 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ สถานการณ์ความผันผวนทางตลาดของยุโรปทำให้การส่งออกมีตัวเลขที่ลดลง ตนเองมองว่า จากตัวเลขที่มองเราพยายามที่อยากจะเร่งในส่วนอื่นๆ ด้วย เชื่อว่าตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเป้าหมาย
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะดูแลนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบตรงนี้อย่าง ไร นายกฯ กล่าวว่า ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก เรียนว่าภาพรวมต้องดูในหมวดอื่นๆ ที่มีศักยภาพที่จะเร่งจำนวนตัวเลขในการส่งออกให้มากขึ้น แต่ว่าในอุตสาหกรรมที่มีตัวเลขลดลงภาครัฐคงต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้ประคองในแง่ของธุรกิจต่างๆ และในระยะยาวคงสนับสนุนในเรื่องของการสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องทำ โดยเฉพาะในภาคของการเกษตร
       
       ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามต่อถึงกรณีที่ หลายฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่ม ส.ว.ที่ออกมาแสดงความหวังดีต่อรัฐบาลโดยเสนอให้นายกิตติรัตน์ลาออกจากการทำ หน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินออกจากวงล้อมผู้สื่อข่าวพร้อมกับยิ้มและพูดเพียงสั้นๆ ว่า “พอแล้วค่ะ” จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะถามย้ำเรื่องดังกล่าว นายกฯ หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า “ก็อย่าไปลงสิ ก็จบ”


นายกฯ “ปู” โชว์ลีลาพลิ้วปัด “โต้ง” white lie ไม่มีใครสั่ง ยันเป็นคนเจตนาดี

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

นายกฯ “ปู” โชว์ลีลาพลิ้ว ปัด “โต้ง” โกหกสีขาว เชื่อไม่มีเจตนา เพราะไม่มีเหตุผลมาปกปิดอะไร พร้อมยืนยันไม่มีใครสั่ง white lie เพราะเรื่องของตัวเลขการส่งออก รบ.จะพิจารณาจากความเป็นจริง

       
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถูกโจมตีจากกรณีการบิดเบือนตัวเลขการส่งออกนั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า นายกิตติรัตน์เป็นคนที่มีความตั้งใจในการทำงาน และไม่มีเจตนาที่จะโกหก (white lie) ตัวเลขการส่งออก ซึ่งเรื่องของตัวเลขการส่งออกรัฐบาลจะพิจารณาจากความเป็นจริง
       
       “เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีสำหรับประเทศ ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์มีเจตนาดี ไม่มีเหตุผลมาปกปิดอะไร เชื่อว่าท่านไม่มีเจตนา(โกหก) ถ้ามีเจตนาคงไม่พูดอย่างนี้ คำสั่งอะไร ไม่มีหรอก ใครจะสั่งได้ ตัวเลขเป็นตัวเลขจริงทั้งหมด”
       
       สำหรับตัวเลขการส่งออกในปีนี้ ที่มีการรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ อยู่ที่ระดับ 7% อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ตัวเลขไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งทางรัฐบาลก็จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจให้อยู่ที่ 8-9% โดยจะมีการกำชับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจให้เข้าไปช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ เกี่ยวข้องกับการส่งออก เพื่อจะได้ให้ตัวเลขการส่งออกเป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้


“มัลลิกา” โชว์คลิป “ปู” ต้นตอสั่ง “โต้ง” โกหก เชื่อพุทธพจน์ “คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี”

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“มัลลิกา” เปิดคลิปโชว์ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ต้นตอสั่ง “กิตติรัตน์” โกหกตัวเลขส่งออก เชื่อพุทธพจน์ที่บอกว่า “คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี” จี้ผู้ตรวจการฯ สอบ ระบุขัดจริยธรรม เตรียมเช็กคำพูด “ปู” ที่ผ่านมาเคยพูดจริงไหม ขณะเดียวกันเรียกร้องนายกฯ หยุดให้ท้ายแก๊งแดงตามราวี “มาร์ค” สงสัยสมัยเป็นแม่ยกเสื้อแดงร่วมสั่งการกับคนนอกประเทศสร้างความวุ่นวายให้ บ้านเมืองหรือไม่ พร้อมฉะ “พร้อมพงศ์-อนุสรณ์” จิตใจต่ำหนุนให้คนไทยฆ่ากัน

       
       วันนี้ (27 ส.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุว่าได้รับอนุญาตให้โกหกเรื่องตัวเลขการส่งออก 15% แต่เป็นการโกหกแบบ White lie (โกหกสีขาว) ว่า ตนพบต้นตอการโกหกของนายกิตติรัตน์แล้ว โดยเห็นว่าคนที่มีนโยบายให้นายกิตติรัตน์โกหก คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเด็กเลี้ยงแกะ ที่ทำให้ประเทศหมดความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติและความอยู่รอดของประชาชน จะตรวจสอบนายกฯ อย่างใกล้ชิด
       
       น.ส.มัลลิกาได้นำคลิปวิดีโอคำพูดของนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 15% คือ วันที่ 30 มิ.ย. 55 กล่าวในระหว่างการประชุมปฏิบัติการด้านการส่งออก เพื่อผลักดันการส่งออกให้มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 15 และคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 7 ก.ค. 55 ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยทั้งสองช่วงเวลานายกรัฐมนตรีย้ำถึงเป้าการส่งออกที่ตัวเลข 15% ให้เหตุผลว่าจะมีการการปรับวิธีการแต่ไม่ปรับเป้าหมายและมั่นใจว่าจะทำได้ สำเร็จ แสดงให้เห็นว่าคนที่อนุญาตให้นายกิตติรัตน์โกหก คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์
       
       ทั้งนี้ พรรคจะติดตามคณะทำงาน 5 ชุดที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นเพื่อผลักดันตัวเลขส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย 15% ด้วยว่ามีส่วนใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่ เพราะเชื่อในพุทธพจน์ที่ว่าคนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี และต่อจากนี้ไปจะตรวจสอบคำพูดของนายกรัฐมนตรีว่ามีส่วนไหนที่โกหกประชาชน หรือไม่ มานำเสนอต่อสาธารณะด้วย
       
       “ดิฉันอยากถามว่ามีเรื่องไหนที่ไม่โกหก ที่ผ่านมาโกหกทุกเรื่องหรือไม่ ที่โฟร์ซีซั่นส์โกหกหรือไม่ การโกหกนอกจากผิดจริยธรรมทางการเมืองแล้วยังสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ ด้วย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเรื่องนี้เพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามระเบียบต่อไป โดยพรรคจะประสานทางโทรศัพท์ไปก่อนว่าทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้หยิบยกเรื่อง นี้มาพิจารณาหรือไม่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชาติเสียหายกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ ประเทศด้วย หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีการดำเนินการ พรรคจะหารือกับฝ่ายกฎหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลดำเนินการต่อไป”
       
       ส่วนการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงที่ไปขัดขวางการทำกิจกรรมทาง การเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งพรรคเพื่อไทยพูดในลักษณะไม่รับผิดชอบ และส่งเสริมให้มีการก่อความรุนแรงต่อไปนั้น น.ส.มัลลิกาเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้ออกมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่ให้ท้ายคนเสื้อแดงกระทำผิดกฎหมาย โดยเห็นว่าการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล ออกมาซ้ำเติมส่งเสริมให้คนเสื้อแดงขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นเรื่องใจอำมหิตผิดมนุษย์ มีจิตใจต่ำช้าเลวทรามที่สนับสนุนให้คนฆ่ากัน กระทำการรุนแรงต่อกัน และเพิกเฉยต่อกฎหมายทั้งที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการในฐานะเป็นนายกฯ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ตนก็สงสัยว่าในวันที่เป็นแม่ยกเสื้อแดงอยุ่หน้าม็อบเชียร์นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้มีส่วนร่วมสั่งการกับคนที่อยู่ต่างประเทศจนบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายด้วย หรือไม่
       
       “เรื่องนี้นายกฯ ควรนำเรื่องที่กรรมการสิทธิมนุษยชนสรุปมาพิจารณาด้วย ถามว่าได้อำนาจแล้วยังต้องการอะไรอีก ไม่ว่าใครไม่มีสิทธิหลักฐานพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปได้ เพราะมีการบันทึกข้อมูลไว้หมดแล้ว ยกตัวอย่างกรณี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ชีวิตบั้นปลายที่ไม่มีใครดูแล ถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน จากการจ้างพรรคเล็กลงสมัครในช่วงการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2548 จึงขอเตือนนายกฯ อย่าประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ อาจมีชะตากรรมไม่ต่างกัน”
       
       รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า ขอชื่นชมสปิริตของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องการล้วงโผทหารแทรกแซงการแต่งตั้ง เพราะมีข้าราชการไม่มากที่กล้าทำเช่นนี้ ถือเป็นบุคคลคนที่ 2 รองมาจากนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. ที่กล้าเสนอความจริงต่อสาธารณชน จึงอยากขอเรียกร้องปลัด อธิบดีที่กำลังอยู่ในระหว่างการชั่งใจว่าจะช่วยปกปิดข้อมูล ส่งเสริมการกระทำผิดของนักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ หรือจะสู้เพื่อแสดงถึงการเป็นข้าราชการมืออาชีพ ขอให้แจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะส่งมาที่เฟซบุ๊กของตน เพื่อตรวจสอบการบริหารของรัฐบาลต่อไป และฝากถึง พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้ดูชีวิต พล.อ.ธรรมรักษ์เป็นตัวอย่างเช่นเดียวกัน เพราะนายพลทหารที่เคยอยู่เคียงข้างกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นชุดเดียวกับที่เดินข้างและเป็นกุนซือให้ พล.อ.สุกำพลในวันนี้ จึงขอให้ใช้คดีของ พล.อ.ธรรมรักษ์มาเป็นอุทาหรณ์ ไม่เช่นนั้นอาจมีชะตากรรมไม่แตกต่างกัน


"บุญทรง" หุบปากไม่วิจารณ์ "โต้ง" โกหกเพื่อชาติ ยัน "พาณิชย์" แถลงตัวเลข "ส่งออก" ต่อเนื่อง-ชัดเจน

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

"บุญทรง" ปฏิเสธวิจารณ์ "กิตติรัตน์" โกหกเพื่อชาติ พร้อมแจง "พาณิชย์" มีการแถลงตัวเลข "ส่งออก" ต่อเนื่อง-ชัดเจน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย มั่นใจไม่กระทบความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ

       
       นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าตัวเลขการส่งออกของไทย จะไม่ถึงร้อยละ 15 ตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ โดยที่ผ่านมาก็พยายามที่จะพูดข้อมูลไม่ตรงตามความจริง จนเกิดกรณีการวิพากย์วิจารณ์ว่า เป็นการโกหกเพื่อชาติ ตนเองไม่สามารถให้ความคิดเห็นใดๆ ได้
       
       ทั้งนี้น นายบุญทรง ยืนยันว่า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะการส่งออก กระทรวงได้มีการแถลงสถานการณ์การส่งออกอย่างต่อเนื่องและชัดเจน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย และมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นผู้ส่งออก
       
       รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) โดยระบุว่า ที่ประชุมฯ คชก.มีมติอนุมัติงบประมาณจำนวน 66 ล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยนำงบประมาณดังกล่าว ไปชดเชยส่วนต่างราคารับซื้อมะพร้าวแห้ง 6 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อทำให้ราคารับซื้อมะพร้าวแห้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 21 บาท จากเดิมราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท
      


คำนูญจี้โต้งลาออกโกหกตัวเลขส่งออก

จาก โพสต์ทูเดย์

สว.จี้กิตติรัตน์ลาออกหลังโกหกสีขาวตัวเลขส่งออก หวั่นกระทบภาพลักษณ์ประเทศ พร้อมชงส่งเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณาถอดถอน

การประชุมวุฒิสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ออกมารับผิดชอบภายหลังจากที่นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับว่าได้โกหกเกี่ยวกับตัวเลขซึ่งเป็นเป้าหมายการส่งออกของประเทศ ที่จะขยายตัวถึง 15%

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในภาคการลงทุน และมองว่าการโกหกสีขาวของนายกิตติรัตน์ เป็นการทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการ เมือง ข้อ 6 (2) และ (7) ข้อ 10 และ ข้อ 25 ดังนั้น เห็นว่านายกิตติรัตน์ต้องลาออก หากไม่ลาออกต้องออกมาขอโทษประชาชน นักธุรกิจชาวไทย และต่างประเทศ ว่าที่ผ่านมาได้ทำผิดพลาด

ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกมาตอบข้อซักถามดังกล่าว เนื่องจากตามประมวลจริยธรรม นายกฯมีหน้าที่กำกับดูแลตามข้อ 30 ทั้งนี้ ตนขอฝากไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 244 (2) เกี่ยวกับการดำเนินตามจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ รัฐ ตามมาตรา 279 วรรคสาม เพราะการไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัย ให้ผู้ตรวจการฯ รายงานต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี

“หากเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ โดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถอดถอนตามมาตรา 270 ทั้งนี้ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ของวุฒิสภาในสัปดาห์หน้า ตนจะถามว่าตัวเลขที่พูดมานั้น อะไรโกหก อะไรที่เป็นไวท์ ไลน์ หรือ เป็นบิ๊กไลน์” นายคำนูณกล่าว

ขณะที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สว.สรรหา กล่าวว่า การที่นายกิตติรัตน์ โกหกเรื่องตัวเลขการส่งออก ไม่ว่าจะมีเจตนาดีแค่ไหน แต่ด้วยฐานะและตำแหน่งของนายกิตติรัตน์ที่ถือเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่สามารถที่จะนำมาพูดเล่น หรือพูดโกหกได้ ไม่ว่าจะโกหกสีขาวหรือสีดำ ถือว่าไม่มีสิทธิ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน เพราะคำพูดที่นายกิตติรัตน์ระบุจะถือเป็นข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนไปดำเนินการ ตัดสินใจในการลงทุนภายในประเทศ

“หากนายกิตติรัตน์ยังอยู่ในตำแหน่งนี้ ต้องระวังคำพูด เพราะจะถูกไปตีความได้ ไม่ว่าอย่างใดทำไม่ได้ทั้งสิ้น” นพ.เจตน์กล่าว


สภาพัฒน์ออกโรงป้อง'กิตติรัตน์'ไม่ได้'whtite lies'

เลขาสศช.แจงคาดการณ์ส่งออกโต15% ไม่ได้ "white lies" แต่คาดตามสถานการณ์ แจงหลายปัจจัยฉุดภาคการส่งออก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าการตั้งเป้าตัวเลขการขยายตัวส่งออกปีนี้ที่ตั้งไว้ 15 %ก่อนหน้านี้เป็นการพูดความไม่จริงสีขาวหรือ"white lies"ว่าการคาดการณ์ของสศช.ก่อนหน้านี้ว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้15.1% นั้นเป็นการประเมินบนพื้นฐานข้อเท็จจริง

ส่วนที่ปรับลดลงมาเหลือ 7.3%นั้นต้องยอมรับความจริงว่าปีที่แล้วประเทศไทยเจอปัญหาน้ำท่วมที่สาหัสสากรรจ์มาก โดยปัญหาน้ำท่วมมีส่วนทำให้กำลังการผลิตหายไปในช่วง 3 เดือน สินค้าที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะต้องใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากโรงงานในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม และเส้นทางโลจิสติกส์ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. มีปัญหามากย่อมส่งผลกระทบแน่นอน และเพิ่งจะมาเร่งการส่งออกได้ในช่วงที่โรงงานสามารถทำการผลิตได้ช่วงต้นปีเป็นต้นมา ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่นอกพื้นที่น้ำท่วมฟื้นตัวได้ก่อน บวกกับเหตุการณ์ทางยุโรป ทำให้สินค้าบางตัวมีปัญหา

"การปรับลดการขยายตัวของการส่งออกปีนี้ลงเหลือ7.3%นั้นสศช.ได้ประเมินบนพื้นฐานข้อมูลที่เกิดขึ้นในช่วง6 เดือนแรก และเผื่อเหลือเผื่อขาดในช่วง 6 เดือนหลังด้วย ซึ่งจะต้องมีมาตรการบางอย่างที่ทำให้สินค้ากลับมาส่งออกได้เหมือนเดิม การที่จะให้ถึงเป้า 15.1%ตามเป้าเดิมนั้น ขึ้นกับการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม กับการหาตลาดได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาสสาม จะมีตู้สินค้าส่งออกได้มาก ถ้าปลดล็อก อำนวยความสะดวกให้ผู้ส่งออกได้เร็วขึ้น ช่วยโรงงานให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น จะทำให้ตัวเลขปรับตัวดีขึ้นจากที่ได้ปรับลงไปก่อนหน้านี้"นายอาคมกล่าว


โอ๊คโพสต์ชมโกหกสีขาวของโต้ง

จาก โพสต์ทูเดย์

พานทองแท้โพสต์เฟซบุ๊กชมโต้งลูกผู้ชายยืดอกรับโกหกสีขาวยกรณีติดกล้องดัมมี่ปลอมปชป.เคยทำมาก่อน

 

เฟซบุ๊กพานทองแท้

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ว่า White lie vs. Black truth
"โกหกสีขาว ตรงข้ามกับ พูดความจริงสีดำ" อย่างไหนเหมาะกับสังคมไทย ผมว่าในปัจจุบันอย่างหลังยังได้เปรียบอยู่เยอะครับ เพราะโกหกสีขาวพอขึ้นชื่อว่าโกหกปุ๊บ จะอธิบายอย่างไรคนมักจะไม่ฟังกันแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์ รู้ความจริงข้อนี้ดี เลยออกมาโจมตีรองนายก กิตติรัตน์ กันใหญ่ ตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว โดยลืมไปว่า คนที่ใช้วิธีโกหกสีขาวมาก่อนหน้านี้ คือ พรรคประชาธิปัตย์เอง โกหกต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี แถมโกหกแล้วยังถูกจับได้คาหนังคาเขา ไม่ได้ออกมายืดอกยอมรับแบบลูกผู้ชายด้วยตัวเอง เหมือนรองฯ กิตติรัตน์ ด้วยซ้ำไป
         
พวกเรายังจำเรื่อง"กล้อง CCTV ปลอมของ กทม." หรือที่เรียกว่า "กล้องดัมมี่" ได้ไหมครับ ที่มีคนแอบไปส่องดูแล้วพบว่า กล้องตามที่ ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์โฆษณาหาเสียง ว่าติดตั้งครบแล้ว 10,000 ตัว พร้อมสโลแกน "ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อม...เพื่อคนกรุงเทพ" นั่นแหละครับ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จำเลยทางสังคมในเรื่องนี้ทั้ง 2 คน โยนความผิดกันไปมา ล้วนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคปชป.ทั้งคู่ครับ ติดตั้งกล้องดัมมี่ตั้งแต่ ปี 50 สมัยผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ยันสมัยผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ โกหกคนกรุงเทพฯ ทั้งเมือง ปิดข่าวเงียบกริบจนมีคนไปถ่ายรูปมาลงในเน็ต จนสุดท้ายต้องยอมรับสารภาพว่าโกหก และติดกล้องดัมมี่หลอกเอาไว้เป็นพันๆ ตัว โอ้โห...!!!
        
แล้วพรรคปชป.ก็ออกมาให้เหตุผลกันยกใหญ่ ว่าโกหกด้วยความปราถนาดีบ้าง เอาไว้หลอกโจรจะได้ไม่กล้ากระทำผิดบ้าง แต่ในกรณีที่คนดีๆ ที่เขากล้าไปเดินคนเดียว เพราะนึกว่ามีกล้องอยู่จริงๆ ปรากฏว่าโดนปล้น , จี้ , ข่มขืน . ฆ่า แล้วจับตัวผู้ร้ายไม่ได้ เพราะเป็นกล้องปลอม เขาต้องเดือดร้อนจาก "ผู้ว่าฯ โกหก" ไม่มีพลพรรคปชป.ออกมาด่าผู้ว่าฯ พรรคตัวเองสักคนครับ
         
ส่วน ความจริงสีดำ ก็อย่างในรูปครับ ขอทานจะโกหกและทำตัวให้น่าสงสารอย่างไร ก็คงจะได้เงินมากกว่า ดันไปบอกเขาว่าจะเอาเงินไปกินเบียร์ เออ!! ดูมันทำคงจะมีใครให้เงินมันหรอก

ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่า รองฯ กิตติรัตน์ คราวหน้าไม่ต้องไปหวังดีขนาดนั้นครับ ตัวเลขมันจะตามหรือไม่ตามเป้า ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงเลยดีกว่า เพราะการเมืองไม่เหมือนภาคธุรกิจ เนื่องจากมีฝ่ายค้านครับ ค้านได้ทุกเรื่อง ค้าน&ค้าน &ค้าน ท่องไว้เลยครับ แล้วก็อีกอย่างทางการเมืองเค้าไม่ใช้วิธียอมรับ ไม่ว่าจะ black หรือ white ยอมรับไปเจอไฮยีน่ารุมตายเลยครับ ทางการเมืองเขาใช้วิธีไม่พูดครับ
         
"บางเรื่องโดนจับได้คา หนังคาเขา หลักฐานชัด พยานเพียบ ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ จี้ถามไปหนักๆ เข้าก็หลบหน้านักข่าวให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยออกมาพล่ามกันต่อแบบนี้ก็มีครับ"


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปู คาดส่งออกปีนี้​โต กิตติรัตน์ ​ไม่​เจตนา white lie

view