จากประชาชาติธุรกิจ
คลื่นลมทางการเมืองเริ่มโหมกระหน่ำอีกครั้ง หลังพายุร้ายเพิ่งพัดผ่านประเด็นร้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้ง มติ "ไม่ถอดถอน" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ของสมาชิกวุฒิสภา ทั้งผลชันสูตรพลิก "ศพแรก" จาก 98 ศพ ของกระบวนการยุติธรรม และความจริงฉบับสุดท้าย ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี "ดร.คณิต ณ นคร" เป็นประธาน
ทั้ง 3 วาระปลุกเสียงต้าน-แรงสนับสนุนให้ดังก้อง โดยเฉพาะเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณี "ชายชุดดำ" ในคดี 98 ศพ จากข้อมูลที่ขัดแย้งกันของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ คอป.
ขณะที่อุณหภูมิทางการเมืองเริ่มขึ้นสูง ภัยน้ำท่วมก็เข้าสมทบซ้ำ ทำให้หลายพื้นที่กำลังย้อนเข้าสู่สถานการณ์ "ขั้นวิกฤต" จึงเกิดคำถามถึงรัฐบาลอีกครั้งว่า "เอาอยู่" หรือไม่ ?
แม้ สถานการณ์ทั้งหมดกำลังเผชิญหน้าท้าทาย "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" แต่ทว่าวงประชุมฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบเรื่องการอนุมัติคำสั่ง-งบประมาณ กลับต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเงียบเหงาในรอบสัปดาห์นี้
เพราะผู้นำ ทั้งวงประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล และวงประชุมที่รัฐสภา ต่างติดภารกิจสำคัญในการเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันทั้งสิ้น
เริ่ม ตั้งแต่การเดินทางของ "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" ประธานสภาที่ใช้งบประมาณกว่า 7 ล้านบาท นำทัพ 37 ชีวิต ร่วมเดินทางไปทวีปยุโรป ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และเบลเยียม ในระหว่างวันที่ 19-27 กันยายน
แม้จะเป็นการเดินทางศึกษาระบบการทำงานของรัฐสภา มหาวิทยาลัยหลายประเทศในฝั่งยุโรป แต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า "ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ" กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะรัฐสภาไทยยังอยู่ในช่วงที่ยังเปิดสมัยประชุมสภา
โดยเฉพาะการนำ คณะไปชม "ศึกแดงเดือด" ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ระหว่างทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับทีมลิเวอร์พูล ก็ยิ่งทำให้สังคมเกิดคำถามคาใจเพิ่มขึ้น
ขณะที่ประมุขฝ่าย บริหาร-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมบุกนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 67 ระหว่างวันที่ 23-29 กันยายน
โดยมีขุนพลระดับรัฐมนตรีร่วมทาง อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม และ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นอกจากภาระงานตามกรอบการประชุม อย่างเป็นทางการ ตลอด 7 วันที่นครนิวยอร์ก "ยิ่งลักษณ์" ยังคงมีภารกิจเดินสายแน่นขนัด โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของภาคธุรกิจ การค้า และการลงทุน
โดยมีวาระ กล่าวสุนทรพจน์ 3 ประเด็น 3 เวที ทั้งหัวข้อประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในเวที Every Women Every Child (EWEC) : Global Strategy for Women′s and Children′s Health
หัวข้อ "ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ที่ Asia Society และหัวข้อ The State of the Thai Economy เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านการเงิน การคลัง และตลาดทุน ที่มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนั้นยัง ต้องเปิดงาน Thai Restaurant Week ส่งเสริมนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ของกระทรวงพาณิชย์ และเปิดงาน Executive Luncheon Meeting ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งผู้เข้าร่วมเป็นภาคเอกชนและนักลงทุนสหรัฐ ในกลุ่มภาคการผลิต (Real Sector)
รวมถึงการเดินทางชม Highline Park และ Grand Central Station และเข้าพบกับนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เพื่อศึกษาระบบผังเมือง และความสำเร็จทางด้านธุรกิจของเมืองอีกด้วย
ส่วน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่าง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ก่อนหน้านี้ได้เดินทางล่วงหน้าไปประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 20-22 กันยายน เพื่อร่วมงาน China-ASEAN EXPO ครั้งที่ 9 และ Forum on China-ASEAN FTA ก็ได้ตามไปสมทบกับนายกรัฐมนตรีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกแรงหนึ่ง
ขณะ ที่ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.เกษตรและสหกรณ์ หนึ่งในประมุขของแกนนำคนเสื้อแดง ก็ได้ขนทีมงานไปเจรจาการค้า กับประเทศจีนในวันที่ 23-27 กันยายนนี้เช่นเดียวกัน
นอกจาก "ณัฐวุฒิ" จะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 36 ชีวิตไปหารือเรื่องการขยายตลาดสหกรณ์ในประเทศจีนแล้วนั้น ยังพบว่ามี "ทีมงานคนเสื้อแดง" ที่ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลอีกกว่า 20 ชีวิตร่วมเดินทางไปด้วย อาทิ นายอารี ไกรนรา ผช.เลขานุการรัฐมนตรีช่วย นายสมหวัง อัสราสี ที่ปรึกษ รมช. และ นายมฆวัต กาญวัฒนะกิจ หัวหน้าสำนักงาน รมช. ฯลฯ
โดยหลังจากที่สื่อโหมกระแสโจมตีการเดินทางไปต่างประเทศที่ ไม่เหมาะสมของ "ประธานสภา" ทำให้พิกัด กิจกรรมทั้งหมด ถูกเก็บเงียบไว้เป็นความลับ เหลือไว้เพียงจั่วหัวว่า "ไปราชการประเทศจีน"
แม้ "ผู้นำ" แต่ละคนจะมีภารกิจสำคัญในต่างประเทศ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดทั้งหมดถึงมีกำหนดการเดินทางในรอบสัปดาห์เดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงเดือน "กันยายน" ซึ่งถือว่าเป็นเดือนสุดท้ายในการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2555
เพราะ ข้อมูลล่าสุดจากผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2555 พบว่าตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2555 มีการเบิกจ่ายไปเพียง 1,854,346 ล้านบาท หรือ 77.91% ของวงเงิน
งบประมาณ 2,380,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบประมาณในส่วนรายจ่ายประจำที่ทำได้เพียง 1,636,769 ล้านบาท หรือ 83.17%
อาจ เป็นความบังเอิญในรอบหนึ่งทศวรรษ ที่ภารกิจของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประมุขฝ่ายบริหาร พร้อมทั้งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และแกนนำรัฐมนตรีสายเสื้อแดง ชีพจรลงเท้าก้าวออกนอกประเทศพร้อมกันในวันที่น้ำท่วมภัยพิบัติทั่วภาคกลาง และจ่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
