สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แนวโน้มตลาดสหรัฐต้นปี 2013

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ


ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่น่าสนใจที่สุดในยามที่ธนาคารกลางแข่งกันพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ทุกครึ่งปี หนังสือพิมพ์ด้านการลงทุนที่ชื่อว่า Barron’s ของสหรัฐ จะจัดทำผลสำรวจบรรดานักลงทุนสถาบันในสหรัฐ ซึ่งในครั้งนี้จัดทำเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยได้สำรวจจากนักลงทุน 131 รายทั่วประเทศ ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และเล็ก โดยสรุป พบว่ามีความคิดเห็นที่น่าสนใจ 5 ประการ ดังต่อไปนี้

หนึ่ง ตลาดหุ้น จากรูปจะเห็นได้ว่ามีสัดส่วนของ นักลงทุนสถาบันที่เชื่อว่าจนถึงเดือนมิถุนายน 2013 ตลาดหุ้นสหรัฐจะอยู่ในช่วงขาขึ้น (Bullish) มากกว่าที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐ จะอยู่ในช่วงขาลง (Bearish) โดยอยู่ที่ร้อยละ 46 ทว่าสัดส่วนดังกล่าว ลดลงจากร้อยละ 55 เมื่อครึ่งปีก่อน เป็นผลพวงมาจากกำไรของบริษัทในวอลล์ สตรีทที่ลดลง ความเป็นไปได้ของสงครามในตะวันออกกลาง วิกฤติยูโรที่ยังไม่จบ รวมถึง Fiscal Cliff ซึ่งมีโอกาสไม่น้อย ที่จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ที่น่าสังเกต คือ ร้อยละ 27 ของผู้สำรวจ บอกว่าตนเอง Bearish ซึ่งสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าจากเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ มีเพียงร้อยละ 41 จากผู้สำรวจ เชื่อว่าหุ้นจะเป็นสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนดีที่สุดในอีก 6 ถึง 12 เดือนถัดไป ลดลงจากร้อยละ 73 เมื่อปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่าข้อสรุปจากผลสำรวจดังกล่าว ถือว่ามาถูกทาง เนื่องจากผลตอบแทนของดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ลดลงเกือบร้อยละ 4 เลยทีเดียว

โดยปกติแล้ว หากนักลงทุนไม่ชอบหุ้น พันธบัตรจะเป็นสินทรัพย์ ที่จะพากันไปถือ ทว่าไม่เป็นจริงสำหรับการสำรวจในครั้งนี้

สอง ตลาดพันธบัตร แม้ว่าหากมองไปอีก 1 ปีข้างหน้า จะมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนั่นหมายถึงราคาของพันธบัตรที่ลดลง ทว่านักลงทุนโดยส่วนใหญ่ก็ยังหลีกเลี่ยงการซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเข้าในพอร์ต เนื่องจากข่าวดีของพันธบัตรได้ถูกรับรู้ไปมากแล้วและไม่เห็นข่าวดีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน นอกจากนี้ยังเห็นว่าหากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็จะก่อความเสียหายต่อพอร์ตเป็นอย่างมาก ตรงนี้ ความเห็นคล้ายคลึงกับ คุณบิล กรอส เบอร์หนึ่งของบริษัท PIMCO ที่บริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งมองว่า ณ วันนี้ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่น่าสนใจที่สุดในยามที่ธนาคารกลางแข่งกันพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

สาม สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) ท่ามกลางการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก นักลงทุนพากันสนใจ และให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวของมันเอง จะเห็นได้ว่า ร้อยละ 80 ของนักลงทุนสถาบันจากการสำรวจในครั้งนี้ ให้น้ำหนักไปที่อสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 69 สนใจไปที่โลหะที่มีค่า เช่น เงินและทองคำ และร้อยละ 54 สนใจสินค้าโภคภัณฑ์ จุดนี้อาจเป็นไปได้ว่าหลายท่านมองว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ อาจจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดก็เป็นไปได้ นอกจากนี้ การที่วิกฤติยุโรป และ Fiscal Cliff ยังไม่ชัดเจนนั้น ราคาทองคำอาจจะพุ่งขึ้นมาอีกรอบหนึ่งก็เป็นได้

สี่ ตลาดนอกสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐจะดูแผ่วลงกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก แต่โดยเปรียบเทียบแล้ว ก็ถือว่ายังดูดีกว่ายุโรปและจีน กว่าร้อยละ 40 ของผู้จัดการกองทุนในสหรัฐเชื่อว่าตลาดสหรัฐ จะมีผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดเกิดใหม่ จีน หรือ ยุโรป ต่างน่าสนใจน้อยกว่าตลาดสหรัฐ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่มากขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของประเทศในตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง การชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนรวมถึงการเปลี่ยนผ่านผู้นำชุดใหม่ที่ยังไม่เห็นทิศทางอย่างแจ่มชัด และวิกฤติยุโรปที่อยู่ในโหมดที่ไม่คืบหน้าอย่างที่คาดกันเมื่อเกือบ 3 เดือนที่แล้ว กระนั้นก็ตามอาจกล่าวได้ว่า นักลงทุนสหรัฐเองอาจจะคุ้นเคยกับความเสี่ยงของตลาดของบ้านตน หรือ Home Bias นั่นเอง

ท้ายสุด หากมองเป็นรายอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่า เซคเตอร์พลังงานนับว่าน่าสนใจ เนื่องจากระดับราคายังไม่สูงมากนัก และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ก็ดูว่าจะยังไปต่อได้ ส่วนเซคเตอร์สาธารณูปโภคนั้น ดูแล้วไม่ค่อยน่าสนใจ เนื่องจากผลประกอบการขึ้นอยู่กับระดับอัตราดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่

โดยสรุป บรรดานักลงทุนสถาบันสหรัฐมองว่าต้นปี 2013 การลงทุนในหุ้นอาจจะ ดูไม่สดใสเหมือนกับ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังพอไปไหวครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : แนวโน้ม ตลาดสหรัฐ ปี 2013

view