สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ธาริษา ชี้จีนเปลี่ยนผู้นำ ไม่กระทบนโยบายการเงิน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติเปิดมุมมองผ่านรายการ "ตรงประเด็น" กรุงเทพธุรกิจทีวี ชี้การเปลี่ยนแปลงผู้นำจีน ไม่กระทบนโยบายการเงินไทย
ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในรายการ "ตรงประเด็น" ทาง"กรุงเทพธุรกิจทีวี" โดยเชื่อว่าจีนเปลี่ยนแปลงผู้นำใหม่ไม่มีผลต่อนโยบายการเงินของประเทศ และมีแนวโน้มว่าเงินหยวน จะเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสแทนเงินดอลลาร์ในระยะยาว มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

@ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้างหลังจากออกจากแบงก์ชาติ

งานหลักก็เป็นการบรรยายมากกว่า ส่วนใหญ่ไปต่างประเทศ เป็นที่ปรึกษาพวกกองทุนการเงิน หรือองค์กรไหนบ้าง ก็เป็นที่ปรึกษาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เขาเรียกเอเชียแปซิฟิกดีพาร์ทเมนท์ของเขา มีการประชุมปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการไปคุยกันว่า สำหรับเอเชียแปซิฟิก เรามีข้อกังวล ข้อคิดเห็นอะไร อยากจะให้ไอเอ็มเอฟเขาให้ความสนใจในเรื่องอะไรบ้าง

เท่าที่คุยกันแล้ว ศักยภาพของเอเชียที่จะเป็นขั้วอำนาจใหม่ได้ไหม โดยเฉพาะทางด้านการเงิน เป็นไปได้แน่นอนค่ะ เพราะว่าโดยเฉพาะหลายๆ ประเทศที่มีเศรษฐกิจค่อนข้างใหญ่ในขณะนี้ก็ต้องถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ซึ่งเราก็เห็นอยู่ว่าทางซีกโลกตะวันตกค่อนข้างจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เพราะฉะนั้นก็ได้พึ่งเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ตัวใหญ่ก็จะมีจีนกับอินเดียที่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนอยู่ จีนก่อนหน้านี้ก็เป็นที่กังวลพอสมควรว่าเศรษฐกิจก็อาจจะชะลอลงมามาก และก็มีปัญหาในตัวเขาเองด้วย แต่ว่าล่าสุดข้อมูลที่ออกมาก็บ่งบอกไปในทางที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นคิดว่าจุดต่ำสุดของจีนก็คาดเดากันนะว่าน่าจะผ่านไปแล้ว

@ประเมินการเปลี่ยนแปลงผู้นำจีนไหมว่าจะเป็นยังไง

ก็ต้องบอกว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่อย่างน้อยอายุก็น้อยลง เพราะฉะนั้นน่าจะมีความทันสมัยมากขึ้น ขณะนี้ก็เข้าใจว่าเป็นที่คาดเดากันว่าผู้ว่าของธนาคารกลางจะเกษียณอายุในไม่ช้านี้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูกันต่อไป
มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่เอเชียจะทำหน้าที่เป็นผู้นำในเรื่องนี้

ตอนนี้ก็มองว่าจีนน่าจะเป็นคนที่เข้ามามีบทบาทที่สำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้โออีซีดีก็เพิ่งออกรายงานมา ซึ่งคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปี เศรษฐกิจของจีนน่าจะโตเป็นอันดับหนึ่งในโลก มันก็แสดงให้เห็นว่าบทบาทของจีนยังสามารถที่จะไปได้อีก แล้วก็คิดว่าประเทศเขาเองก็น่าจะได้มองเห็นพวกศักยภาพเหล่านี้ เพราะว่าในแผนแม่บทภาคสถาบันการเงินของเขาซึ่งเป็นแผนที่ 12 ในขณะนี้ก็พูดไว้ชัดเจน ว่าเขาจะพัฒนาระบบการเงินของเขาให้มีความทันสมัย มีความแกร่งมากขึ้น

@ถึงแม้จะเปลี่ยนผู้ว่าก็ไม่น่าจะมีผลใช่ไหม

คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าที่ผ่านมาต้องมองว่าเขาก็ได้เตรียมความพร้อมของตัวเองพอสมควร ไม่ว่าจะดูในเรื่องของระบบของอัตราแลกเปลี่ยนก็เปลี่ยนตั้งแต่ตอนปี 2005 จาก 2005 มาถึงทุกวันนี้แข็งไปแล้วประมาณ 25% ตอนเปลี่ยนใหม่ๆ ก็จะตั้งเป็นกติกา ว่าให้มีแบนบวกลบ 0.3% จากตรงค่ากลาง อันนี้ก็ขยับมาเรื่อยๆ จาก 0.3% มาเป็น 0.5% ล่าสุดก็ 1% เพราะฉะนั้นก็จะเห็นความยืดหยุ่นมากขึ้นของอัตราแลกเปลี่ยนที่บางทีก็ขึ้นไปค่า +1 กับ -1 เลย เขาก็ปล่อยให้มันมีการขยับที่คล่องตัวพอสมควร

@หยวนก็น่าจะมาแทนดอลลาร์ได้ไหม

คิดว่าได้ แต่ว่าคงจะไม่เกิดโดยเร็ว ขณะนี้นอกจากเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เขาก็มีนโยบายที่จะให้ใช้หยวนเป็นสกุลของการชำระค่าสินค้าและบริการอยู่แล้ว ถ้าจำกันได้เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีที่แล้วเพิ่งเริ่ม ตอนนั้นมีผู้ประกอบการประมาณ 400 รายให้สามารถจะใช้หยวน แต่ว่าทุกวันนี้กลายเป็นว่าผ่อนคลายไปมากเลย เป็นว่าผู้ประกอบการทุกรายสามารถที่จะทำได้อยู่แล้ว แต่ว่าให้ไปซื้อขายหรือว่าให้ไปเก็บเป็นเงินหยวนที่ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศจีน ซึ่งก็มีทางเลือกอยู่เยอะทีเดียว และก็ขณะนี้รายการที่ใช้หยวนเป็นการชำระดุล ถ้าจำตัวเลขไม่ผิดมันขึ้นมาประมาณ 35% ของมูลค่าการค้าขายกับต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเร็วและก็ไม่น้อย
มาฝั่งของสหรัฐบ้าง ที่ใช้คิวอีโดยไม่จำกัด ซึ่งไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไร

ก็เราต้องเป็นฝ่ายรับอยู่ จริงๆ แล้วก็คุยกันเยอะ ในเวทีสากลว่าเรื่องของเงินเข้าเงินออก มันเป็นปัญหาระดับสากลการที่จะให้แต่ละประเทศมาดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง ทุกวันก็ยังต่างคนต่างทำ เพราะฉะนั้นก็คิดว่าจริงๆ ก็คงเป็นลักษณะอย่างนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็จำเป็นที่แต่ละประเทศจะต้องเรียกว่าทำตัวเองให้แข็งแกร่งเอาไว้ โดยเฉพาะเงินที่มันเข้ามามันมีโอกาสที่จะไปทำให้เกิดฟองสบู่

@เรื่องหน้าผาการคลัง วันนี้พูดกันเยอะ น่ากลัวไหม

สำหรับคนที่อยู่ในตลาดเขาก็คงกังวล เพราะว่าเห็นตัวอย่างของจริงเมื่อตอนปีที่แล้ว คือปี 2011 ที่จริงๆ แล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรในการที่จะขอเพิ่มเพดานหนี้ แต่ก็ยื้อกันจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ถึงขั้นที่เอสแอนด์พี ลดเกรด แล้วก็อ้างเหตุนี้เลย อ้างเหตุที่ว่าใช้เวลา เพราะว่าเรื่องที่จะต้องเจรจาต่อรองมันค่อนข้างเยอะ คิดว่าในที่สุดคงจะตกลงกันได้


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ธาริษา จีนเปลี่ยนผู้นำ ไม่กระทบ นโยบายการเงิน

view