สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บัตรเครดิตชาวนา พอกหนี้รากหญ้าเปิดทางทุจริต

จาก โพสต์ทูเดย์

โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรเป็นหนึ่งในนโยบายประชานิยม ที่รัฐบาลหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

และเดินหน้าขับเคลื่อนทันทีที่เป็นรัฐบาล เหมือนหลายๆ โครงการประชานิยมที่รัฐบาลตีฆ้องร้องป่าวไว้

บัตรสินเชื่อเกษตรกรเริ่มประเดิมกับเกษตรกรที่เป็นชาวนากลุ่มแรก จึงเป็นที่มาของคำว่าบัตรเครดิตชาวนาจนถึงทุกวันนี้

ย้อนกลับไปตอนที่รัฐบาลหาเสียงออกบัตรเครดิตชาวนา ทำให้ชาวนาจำนวนมากฝันหวาน เพราะคิดว่าบัตรเครดิตชาวนาที่รัฐบาลจะแจกให้ จะเหมือนบัตรเครดิตทั่วไปที่สถาบันการเงินให้บริการที่สามารถรูดซื้อสินค้า ได้ทั่วไป แต่สุดท้ายต้องฝันสลายไปบ้าง เมื่อบัตรเครดิตชาวนาที่รัฐบาลแจกให้ซื้อได้เฉพาะปัจจัยการผลิต ในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น

การดำเนินการบัตรเครดิตชาวนา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องใช้เงินลงทุนระบบไปถึง 1,008 ล้านบาท เช่าระบบทำบัตรเครดิตชาวนาเป็นเวลา 3 ปี แบ่งเป็นค่าเช่าระบบ 648 ล้านบาท และค่าจัดทำบัตรจำนวน 3 ล้านใบ วงเงิน 360 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการดำเนินการมีต้นทุนอยู่ไม่ใช่น้อย

โครงการบัตรเครดิตเริ่มดีเดย์ตั้งแต่ต้นปี 2555 ที่ผ่านมา โดยมีการตั้งเป้าให้ได้ภายในปีนี้ 2 ล้านใบ โดยชาวนาจะได้วงเงินบัตรเครดิตไม่เกิน 70% ของผลผลิต แต่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท นำไปซื้อปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และน้ำมัน ในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ โดย ธ.ก.ส.จะคิดอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี

ถึงวันนี้บัตรเครดิตชาวนาได้รับเสียงตอบรับล้นหลาม มีชาวนาทั่วประเทศมายื่นคำขอทำบัตรเครดิตชาวนาถึง 2.7 ล้านราย ซึ่งเกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ 2 ล้านราย ซึ่ง ธ.ก.ส.คาดว่าจะแจกบัตรเครดิตชาวนาให้ครบ 2 ล้านราย ภายในต้นปีนี้เท่านั้น

หากดูในแง่ของปริมาณบัตรเครดิตชาวนาต้องถือว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จ เพราะชาวนาทั่วประเทศมี 3.4 ล้านราย เท่ากับว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ชาวนา 2 ใน 3 ของชาวนาทั้งหมด จะมีบัตรเครดิตชาวนาของรัฐบาลอยู่ในมือเพื่อใช้แทนเงินสด ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่มีความคล่องตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของวงเงินที่ใช้ในบัตรเครดิตต้องถือว่ายังไม่มากเท่าที่ควร จากบัตรที่ตอนนี้ ธ.ก.ส.อนุมัติไปแล้ว 1.6 ล้านใบ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 2.9 หมื่นล้านบาท มีชาวนานำบัตรไปรูดซื้อสินค้า 2,193 ล้านบาท มีการชำระสินเชื่อเข้ามาแล้ว 202 ล้านบาทเท่านั้น

ส่งผลให้ ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ต้องการให้ขยายบัตรเครดิตเกษตรกรออกไปเป็น 4 ล้านใบ ให้ครอบคลุมเกษตรกรในกลุ่มอื่น อาทิ ชาวนา ชาวไร่มันสำปะหลัง ชาวไร่ข้าวโพด ชาวสวนยางพารา และชาวสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของเกษตรกรและครอบคลุมทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังให้มีการเพิ่มร้านค้าในโครงการจาก 3,000 ราย เป็น 4,000 ราย เพื่อให้เกษตรเข้าถึงการซื้อปัจจัยการผลิตโดยการใช้บัตรเครดิตได้สะดวกขึ้น

การขยายบัตรเครดิตเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว ถือเป็นดาบสองคม ในแง่ผลดีก็ทำให้เกษตรกรทุกกลุ่มมีความเสมอภาค และมีสภาพคล่องในการประกอบอาชีพมากขึ้น

แต่แง่ผลลบที่ตามมาก็มีไม่น้อย เพราะการดำเนินการมีต้นทุน ธ.ก.ส.ต้องใช้เงินเพิ่มอีกเป็นพันล้านบาท เพื่อเช่าระบบมาทำบัตรเครดิตเพิ่มเติมเป็น 4 ล้านใบ

นอกจากนี้ การส่งเสริมเกษตรกรมีบัตรเครดิตก็เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรมีหนี้เพิ่มมาก ขึ้น หากเกษตรกรมีวินัยขายผลผลิตและนำเงินมาจ่ายคืนก็ไม่มีปัญหา แต่หากนำไปใช้อย่างอื่นก็จะทำให้เกษตรกรมีปัญหาการชำระเงินทันที

รัฐบาลยังต้องนึกถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อย่างกรณีน้ำท่วมใหญ่ทำพืชผลเกษตรเสียหายอย่างหนักไม่มีรายได้ และหากไปเป็นหนี้บัตรเครดิต ย่อมมีปัญหาการชำระเงินไม่ได้ตามมาให้แก้ไม่ตกนั้นเอง

เมื่อเกษตรมีปัญหาชำระหนี้บัตรเครดิตไม่ได้ก็จะส่งปัญหาเป็นลูกโซ่ หนี้เสียของ ธ.ก.ส.ก็จะเพิ่มสูงขึ้นจากหนี้บัตรเครดิต ต้องหาเงินมาสำรองหนี้เสีย กระทบการดำเนินการส่วนอื่น สุดท้ายหากธนาคารชักหน้าไม่ถึงหลังก็ต้องใช้เงินภาษีมาโปะความเสียหายที่ เกิดขึ้นในที่สุด

การทุจริตคอร์รัปชันจะเป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่เกิดขึ้นในโครงการบัตร เครดิตเกษตรกรยิ่งปริมาณผู้ถือบัตรมากขึ้น จำนวนร้านค้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันก็จะมีมากเป็นเงาตามตัวอย่างหนีไม่ได้

เริ่มตั้งแต่การเช่าระบบทำบัตรเครดิต ก็มีกลุ่มการเมืองเข้ามาประมูลหาผลประโยชน์ การเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตที่ต้องเพิ่มการเช่าระบบมากขึ้น ก็ทำให้ฝ่ายการเมืองได้ประโยชน์จากตรงนี้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ในขบวนการใช้บัตรเครดิตชาวนากับร้านค้าก็พบว่าเกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้ว โดย ธ.ก.ส.ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้พบปัญหาการทุจริตในโครงการบัตรเครดิตชาวนา โดย ธ.ก.ส.ได้เรียกผู้กระทำความผิดทั้งในส่วนของร้านค้าในโครงการและเกษตรกรมา ตักเตือน ซึ่งในส่วนของร้านค้าที่ทำผิดก็ได้มีการขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) และให้หยุดให้บริการในโครงการชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือน แต่หากยังมีการกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 ก็จะให้ออกจากโครงการทันที

จากการตรวจสอบของ ธ.ก.ส.พบว่า การทุจริตบัตรชาวนาเป็นความร่วมมือระหว่างร้านค้าและเกษตรกรในการรูดซื้อ สินค้า ซึ่งทำให้มีราคาสูงกว่าที่กำหนด ขณะที่เกษตรกรบางรายก็นำสินค้าที่รูดซื้อผ่านบัตรไปขายต่อในราคาสูงหากำไร อีกด้วย

ส่งผลให้โครงการรับจำนำเป็นช่องทางให้มีการทุจริตทุกหย่อมหญ้า ทั้งนายทุน นักการเมือง รวมถึงชาวนาเอง และหากไม่มีการปรับระบบการควบคุมใหม่ บัตรเครดิตชาวนาก็จะตกวังวนของการทุจริตคอร์รัปชันเช่นเดียวกัน m หากว่าไปแล้ว นักวิชาการก็ออกมาเตือนโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ตั้งแต่ต้นว่าเป็นโครงการที่มุ่งหาเสียงไม่ ไม้เกิดความยั่งยืน เป็นการสร้างหนี้ให้เกษตรกรมากขึ้น รวมถึงว่าจะเป็นช่องทางการทุจริตทำให้ประเทศเสียหายอีกช่องทางหนึ่ง

ที่ผ่านมาโครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท ใช้เงินรอบแรก 3.5 แสนล้านบาท รอบใหม่ที่ดำเนินการอยู่ต้องใช้เงินอีก 4 แสนล้านบาท ก็เต็มไปด้วยปัญหาการทุจริตของนักการเมืองนายทุน ขณะที่ชาวนาได้ประโยชน์เป็นส่วนน้อยเท่านั้น

มาวันนี้โครงการบัตรเครดิตชาวนา แม้ว่ามูลค่าไม่มากเทียบกับโครงการรับจำนำก็ยังถูกนักการเมืองนายทุนหา ประโยชน์ ขณะชาวนาได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย และยังตกอยู่ในความเสี่ยงมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจนชำระไม่ได้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเป็นภาระเงินภาษีไปถมความเสียที่เกิด


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : บัตรเครดิตชาวนา พอกหนี้รากหญ้า เปิดทางทุจริต

view