จากประชาชาติธุรกิจ

ชื่อ "R3A" ค่อนข้างคุ้นหูใน พ.ศ. 2556 ในฐานะเส้นทางถนนที่ร้อยเอาประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเข้าไว้ด้วยกัน และหากถูกใช้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์อย่างจริงจังแล้ว จะยิ่งขยายผลทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อย่างดี

แน่นอนว่า ผลประโยชน์จากการพัฒนาการใช้เส้นทาง "R3A" ให้เต็มรูปแบบจะตกอยู่กับประเทศที่ถนนเส้นนี้พาดผ่าน ทั้งไทย-ลาว-จีน แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะตักตวงโอกาสและฉลาดใช้ประโยชน์จาก "R3A" ได้สูงสุด

สำรวจ "R3A" ถนนยุทธศาสตร์

เส้นทาง "R3A" ในไทยเริ่มต้นที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ตัดเข้าสู่ สปป.ลาว ที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เส้นทางยาวไปจนถึงเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ก่อนตัดเข้าจีนที่บ่อหาน อ.เชียงรุ่ง ในแคว้นสิบสองปันนา มณฑลคุนหมิง

สภาพถนนในไทยจากสนามบินเชียงราย ไปยัง อ.เชียงของ อยู่ในสภาพดี รถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมงจะมาถึงยังริมฝั่งโขง จุดที่ต้องนั่งเรือยนต์ข้ามฝั่งไปยังเมืองห้วยทราย ฝั่ง สปป.ลาว ข้ามโขงด้วยเรือใช้เวลาราว 5-7 นาทีเท่านั้น

ในระยะเวลาอันใกล้ เส้นทางถนนจากฝั่งไทยข้ามไปลาวบริเวณนี้จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เนื่องจาก "สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4" กำลังจะเปิดใช้ในเดือนมิถุนายน 2556 ด้วยงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าด้วยแพยนต์จากที่ใช้ระยะเวลา 42 ชั่วโมง มาเป็นขนส่งทางรถยนต์ลดลงเหลือ 20 ชั่วโมง

ข้ามไปที่ฝั่ง สปป.ลาว จากเมืองห้วยทราย ไปจนถึงชายแดนติดจีนที่เมืองบ่อเต็น สภาพถนน "R3A" ระยะทาง 240 กิโลเมตรนี้ ค่อนข้างดี มีเพียงบางช่วงที่เป็นหลุมเป็นบ่อเพียงเล็กน้อย บรรยากาศสองข้างทางใน สปป.ลาวมีหมู่บ้านและชุมชนเป็นระยะ ๆ

หากการเดินทางคึกคักมากขึ้นในอนาคต เมืองที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นเมืองเศรษฐกิจได้คือ "เวียงภูคา" เพราะเป็นเมืองเดียวซึ่งมีที่พักรถ ร้านค้า และห้องน้ำสะอาด ด้วยค่าบริการ 5 บาท ทั้งยังเป็นเมืองเดียวระหว่างทางที่มีฟุตปาท ในระยะทางสั้น ๆ ไม่กี่กิโลบน "R3A"

หากต้องมองในแง่การขนส่งสินค้าแล้ว คนขับรถบรรทุกคงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเส้นทางคดเคี้ยวมาก โดยจากการบอกเล่าของไกด์ชาวลาว "R3A" ในลาวมีจำนวน 3,008 โค้ง คดเคี้ยวมากพอชนิดที่จะทำให้คนขับหลุดจากสมาธิไม่ได้เด็ดขาด

ระหว่างทาง ทีมสื่อมวลชนที่ร่วมสำรวจเส้นทาง "R3A" ด้วยกัน พบรถบรรทุกจีนคว่ำอยู่ริมถนน 1 คัน หากต้องใช้เส้นทางนี้ขนส่งสินค้า ความปลอดภัย และความเชี่ยวชาญของคนขับรถบรรทุกเป็นต้นทุนอีกข้อที่ต้องคำนึงถึง

"R3A" พาดผ่าน สปป.ลาวมาสุดที่ชายแดนลาว-จีน ใช้เวลารวม 4 ชั่วโมง จากนั้นเราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาว ก่อนเข้าไปยังด่านของฝั่งจีน ด่านทางฝั่งลาวเป็นขาออกจากประเทศ จึงใช้เวลาสั้น ๆ ส่วนการยื่นเรื่องผ่านแดนเข้าฝั่งจีน ใช้ระยะเวลาพอควร เนื่องจากทีมสำรวจเดินทางไปถึงด่านเวลา 18.45 น. และมีพนักงานตรวจคนข้ามแดนของจีน ทำงานอยู่เพียงคนเดียว

แต่สภาพ "R3A" ในฝั่งจีนนั้นดีเยี่ยม แม้ตัดผ่านเขา แต่ไม่ได้คดเคี้ยวเหมือนฝั่งลาว เพราะจีนเลือกเจาะอุโมงค์ผ่านภูเขา เส้นทางจึงยิงตรงเข้าสู่เมืองสิบสองปันนาอย่างราบรื่น



โลจิสติกส์-การค้ารับ AEC

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. กำลังผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ให้ไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เชียงของ จ.เชียงราย ในรูปแบบการดำเนินการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน

ปัจจุบัน อ.เชียงของถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ เหมาะสมในการรองรับธุรกิจบริการด้านโลจิสติกส์ โดยนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เชียงของ จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นอาคารสำนักงาน เพื่อดำเนินการพิธีศุลกากร, พื้นที่ปฏิบัติการโลจิสติกส์ และพื้นที่ขนถ่ายและลานตู้คอนเทนเนอร์ โครงการนี้

ทาง กนอ.หวังจะขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมธุรกิจไทย-ลาว-จีนระหว่างกัน ลดอุปสรรคการขนส่งสินค้า และสนับสนุนด้านโลจิสติกส์บนถนน "R3A" ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น



กนอ.คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ก่อนช่วงปลายปี 2558 จังหวะเดียวกับการรวมตัวประชาคมอาเซียน

ในขณะเดียวกัน กนอ.ก็ผลักดันยุทธศาสตร์ออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปเจาะตลาดทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป้าหมายหลักของไทยคือ การเข้าไปมีส่วนร่วมในนิคมอุตสาหกรรมเถิงจวิ้น นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาถึงสิทธิพิเศษที่จีนจะให้ต่อนักลงทุนไทย

นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นทางการไทยได้เสนอสิทธิพิเศษแก่นักลงทุนจีน ที่จะเข้ามาลงทุนนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เชียงของ จ.เชียงรายในอนาคต อาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี, สามารถนำเข้าแรงงานต่างชาติได้ และได้รับสิทธิพิเศษสูงสุดจากบีโอไอ เป็นต้น

ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ที่จะให้แก่นักลงทุนจีนที่จะเข้ามาที่เชียงของต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1) สิทธิประโยชน์ของนิคม ซึ่งต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.นิคม 2) สิทธิประโยชน์ด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการบูรณาการ และพิจารณาเพิ่มเติมต่อไป



ทางออกอุปสรรคการค้าไทย-จีน

เป้าหมายอีกประการของ กนอ. ที่สนับสนุนความร่วมมือลงทุนด้านโลจิสติกส์และการค้า ระหว่างไทย-จีน คือ เพิ่มมูลค่า และลดปัญหาการนำเข้าสินค้าพืชผัก ผลไม้ของไทยมาสู่จีน

นายวิบูลย์ ตั้งกิตติภาภรณ์ ที่ปรึกษาโครงการเตรียมความพร้อมยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อร่วมมือจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมบริการโลจิสติกส์ในต่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันสินค้าไทยที่ส่งมาจีน มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี แต่สัดส่วนกำไรกลับลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการไทยต้องนำสินค้าเข้ามาฝากขายที่ศูนย์กระจายสินค้า บริเวณชายแดนจีน ซึ่งมีผู้นำเข้าผูกขาดเป็นคนกำหนดราคา ดังนั้นราคาจึงถูกกด

"อุปสรรคสำคัญของสินค้าเกษตรไทยในปัจจุบันคือ รัฐบาลไทยยังไม่สามารถหาเวทีให้สินค้าเหล่านี้ได้ ทั้งในด้านการขนส่ง ธุรกิจโกดัง และการหาตลาด ผลกำไรจึงตกอยู่ที่พ่อค้าผูกขาดรายเดิม ปัจจุบัน สินค้าผลไม้เหล่านี้ ถูกนำมาขายในตลาดจีน สูงกว่าราคาที่ซื้อจากไทยมากถึง 10 เท่า"

"สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง คือเข้าไปบุกเบิกนำนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนด้านการค้าและโลจิสติกส์ในจีน ซึ่งการนำทัพเข้าไปโดยภาครัฐจะมีอำนาจในการต่อรองสูงกว่าแน่นอน ขณะเดียวกันก็ต้องแก้จุดอ่อนอีก 2 ประการคือ 1) กระบวนการที่ด่านศุลกากร และ 2) มาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งทำให้สินค้าติดอยู่ที่ด่านกักกันสินค้าของจีน" นายวิบูลย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากเส้นทาง "R3A" ในแง่การค้าและโลจิสติกส์ เป็นยุทธศาสตร์ที่ไทย-จีนต่างเห็นร่วมกัน แต่ระยะเวลาในการดำเนินการให้ก้าวหน้ายังเป็นจังหวะที่ต้องช่วงชิง งานนี้ใครเดินเร็วกว่าได้เปรียบ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน