จากประชาชาติธุรกิจ

พลันที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาฯสภาพัฒน์ออกมาโปรยยาหอมอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2555 ทั้งปีจีดีพีโตพรวด 6.4% เเหนือความคาดหมายแต่ก็ยอมรับว่าเพราะนโยบายรถยนต์คันแรกช่วยดัน ไม่ทันไร นางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาฯสภาพัฒน์เช่นกัน ก็ออกมาแถลงภาวะสังคมไทยในไตรมาส 4 และภาพรวมในปี 2555 กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันชนิด 360 องศา

ปรากฏว่าคนไทยเสี่ยงเป็นหนี้ซ้ำซ้อนและมีหนี้มากกว่าการออมหลังจากก่อ หนี้ต่อเนื่องโดยในไตรมาส 4 ของปี 2555 ครัวเรือนมียอดคงค้างสินเชื่ออุปโภคบริโภคมากถึง 2.91 ล้านล้านบาท ไม่ต้องแปลกใจตัวเลขยอดหนี้ที่สูงมากขนาดนี้เพราะหนี้ไปกองอยู่กับ "รถคันแรก" และรถจักรยานยนต์ที่สูงถึง 33.9% จะไม่ให้สูงได้อย่างไรเพราะพากันแห่ซื้อราวกับซื้อขนม

พรรคพวกที่สุรินทร์เล่าให้ฟังว่ามีอาจารย์โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งซื้อ รถคันแรก 4 คันรวด แกบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเพราะเท่ากับซื้อ 3 คันรัฐบาลแถมให้ 1 คันเพราะยังไงก็ได้เงินคืน 4 แสนบาทเท่ากับซื้อรถ 1 คันสบาย ๆ ก็เลยไม่แปลกใจว่ารถคันแรกไปดันทั้งจีดีพีและยอดหนี้พุ่งได้อย่างไร

แทบไม่น่าเชื่อว่าครัวเรือนไทยเกือบครึ่งประเทศราว ๆ 9.09 ล้านครอบครัวหรือ 45% ครัวเรือนทั่วประเทศ ไม่มีเงินออมเพราะมีค่าใช้จ่ายและหนี้สูงกว่ารายได้ กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ซ้ำซ้อนและก่อหนี้นอกระบบซึ่งส่วน ใหญ่มีอาชีพอิสระ เข้าไม่ถึงสวัสดิการของรัฐอย่างรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี

ทำให้สงสัยว่าจีดีพีที่โตปีละ 5-5.5% โดยเฉลี่ยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาและในปีนี้โตถึง 6.4% ไปโป่งที่ไหน เม็ดเงินจากนโยบายประชานิยม จากโครงการต่าง ๆ ของรัฐสุดท้ายไปเข้ากระเป๋าใคร

ขณะที่ชาวบ้านเกือบครึ่งประเทศมีหนี้สินไม่มีเงินออมเห็นมีแต่กลุ่ม ธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทยไม่กี่กลุ่มไม่กี่ตระะกูล ทั้งรถยนต์ ค้าปลีก น้ำเมา ก่อสร้างเร่งขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเป็นว่าเล่น บางรายถึงขั้นสร้างประวัติศาสตร์ไปเทกโอเวอร์กิจการในต่างประเทศเป็นที่ฮือ ฮา

เม็ดเงินที่รัฐใส่เข้าไปแค่ผ่านมือชาวบ้านเท่านั้นสุดท้ายก็ไปกองอยู่ใน กลุ่มธุรกิจใหญ่ไม่กี่กลุ่ม ช่องว่างระหว่างคน รวยคนจนก็เลยยิ่งห่างขึ้นทุกวัน

ที่มา : นสพ.ข่าวสด

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน