จากประชาชาติธุรกิจ
คาด ไว้ไม่ผิดว่าแผนโหมกระแสพลังงานขาดอันเนื่องมาจาก Total และ ปตท.สผ.เจ้าของสัมปทานแหล่งก๊าซยาดานาหยุดส่งก๊าซเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ทัน ไร ก็มีข่าวจะมีการรื้อแผนพัฒนาไฟฟ้า (PDP) ดันโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทันที
งานนี้ "เหนือเมฆ" จริง ๆ แค่โหมกระพือข่าวเล่นเอาชาวบ้านยันนักธุรกิจวิตกจริตกันทั้งเมือง
ไม่มีใครเอะใจสักนิดเลยว่า ไฟฟ้าจะดับจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้เลยว่าในสัญญา ซื้อขายไฟฟ้าผู้ขายเชื้อเพลิงจะต้องสำรองไว้อย่างน้อย 3 วัน การหยิบประเด็นถ่านหินขึ้นมาจึงเท่ากับ "แปรวิกฤต" ของชาวบ้านเป็นโอกาสของใครไม่รู้ รู้ ๆ กันว่าก่อนหน้านี้โรงไฟฟ้าถ่านหินโดนต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ที่ตั้งโรง ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบตรง ๆ
นับ จากนี้เชื่อว่าแรงต้านจะแผ่วเพราะโดนขู่ให้เลือก จะเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือจะยอมอยู่อย่างมืด ๆ กันทั้งประเทศ เชื่อเถอะชาวบ้านที่ไม่ได้เดือดร้อน นักธุรกิจทั้งหลายต้องเลือกเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินมากกว่าจะปล่อยให้ไฟฟ้าดับ
ทั้งที่ก่อนจะถึง "โรงไฟฟ้าถ่านหิน" ยังมีทางเลือกอีกมากมาย
อย่าง แรก กระทรวงพลังงานต้องแสดงความ "โปร่งใส" ว่าพลังงานขาดจริงหรือไม่ การเอาตัวเลขช่วง "Peak Load" ที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุดแค่ไม่ถึงวันมาตัดสินว่าไฟฟ้าขาดอาจไม่สอดคล้องกับความ เป็นจริง เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละโรงมหาศาลและเป็นภาระผู้บริโภคที่ต้องจ่ายเพิ่ม
ต้อง ถามรัฐบาลว่าจริงจังกับนโยบายประหยัดพลังงานแค่ไหน ที่ผ่านมาแค่แผนพีอาร์จัดอีเวนต์แล้วเงียบหายไป แม้แต่โครงการดี ๆ ที่รณรงค์ใช้หลอดผอมประหยัดพลังงานกลับทำกันแบบดาด ๆ ไม่จริงจัง
หรือกลัวว่าชาวบ้านประหยัดไฟมาก ๆ คนขายไฟคนขายเชื้อเพลิงจะได้กำไรน้อย
ก่อน หน้านี้เคยมีผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าหากรัฐบาลลงทุนแจกหลอดผอมตามบ้านเรือน อาคารสำนักงาน บริษัทเอกชนทั่วประเทศ จะใช้เงินน้อยกว่าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 โรง และจะมีไฟฟ้าเหลือใช้มากกว่า 1 พันเมกะวัตต์มากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ราวๆ 800 เมกะวัตต์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีพลังลม พลังแสงอาทิตย์พลังงานทางเลือกอื่นๆ เยอะแยะ
ก่อนจะถึงโรงไฟฟ้าถ่านหินควรจะดูทางเลือกอื่นที่ดีกว่าไหม
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน