สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ศาล ICC กับเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน

ศาล ICC กับเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




คณะรัฐมนตรี ที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะ อนุมัติ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง

กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการพื้นฐาน

พูดแบบบ้านๆ ก็คือ กู้ 2.2 ล้านล้าน มารวมกับงบประมาณปกติ 2 ล้านล้านบาท รวมเป็น 4 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างรางรถไฟ ตัดถนน ขนส่งทางน้ำ และทางอากาศ

สิ่งที่คนกลัวกัน ก็คือ กู้ครั้งนี้จะทำให้คนไทยมีหนี้ผูกพันไปอีก 50 ปี (บวก ลบ ที่ความเก่งกล้าบริหารหนี้ของรัฐบาลชุดนี้ และชุดต่อๆ ไป)

ขณะที่ กรุงเทพโพลล์ สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 60 คน จากองค์กรชั้นนำ 33 แห่ง เรื่อง "นักเศรษฐศาสตร์ตั้ง KPI โครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท"

สรุป "นักเศรษฐศาสตร์" ร้อยละ 56.7 อยากให้รัฐบาลดำเนินการลงทุนด้วยวิธีการอื่นๆ มากกว่าออก พ.ร.บ.กู้เงิน
สิ่งที่ "นักเศรษฐศาสตร์" ร้อยละ 88.3 กลัวว่า รัฐบาลไม่สามารถดูแลปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในโครงการนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ร้อยละ 48.3 ในร้อยละ 88.3 เชื่อว่าคงมีการทุจริตอยู่ในระดับที่ "สูงกว่า" โครงการทั่วไป

ร้อยละ 60.0 เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากหนี้สาธารณะอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ต่อจีดีพี หากประเทศเจอวิกฤติเศรษฐกิจหรือฟองสบู่แตก

ขณะที่ "มองมุมบวก" นักเศรษฐศาสตร์ ร้อยละ 96.6 เห็นว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในระยะ 7 ปีข้างหน้า เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ เพื่อสร้างความได้เปรียบรองรับการเปิด AEC และร้อยละ 81.6 เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินในปัจจุบันถึง 7 ปีข้างหน้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระดมทุน เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

"มองอีกมุม" รัฐบาลจะกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ภายในประเทศ เป็นเพราะต่างประเทศไม่ปล่อยกู้ให้ประเทศที่วงเงินกู้เต็มเพดานแล้วใช่หรือไม่ เพราะว่ารัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กู้มาแล้ว 8 แสนล้านบาท

ครั้นการจะกู้ในประเทศ ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถามว่ามีบริษัทไหนที่กล้าปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ที่ติด "ซิลลิ่ง" เพราะเป็นข้อห้ามของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทไหนกล้าปล่อยกู้ระวังจะติดคุกหัวโตได้

ความห่วงใยของนักเศรษฐศาสตร์ เรื่อง "คอร์รัปชัน" นั้น สามารถ "ต่อยอด" ได้ สืบเนื่องเพราะว่า ประเทศไทย เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกสนธิสัญญาต่อต้านคอร์รัปชัน (United Nations Convention against Corruption) โดยไทยประกาศลงสัตยาบันเข้าร่วม เมื่อปี 2551

อำนาจตาม United Nations Convention against Corruption คือ สอบสวนเรื่องคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในประเทศภาคีสมาชิก

เป็นโอกาสดี ที่ Nicolas spoetzel เลขาธิการ judicial integrity group หรือ JIG องค์กรที่ตรวจสอบการใช้อำนาจศาลทั่วโลก จะเดินทางมาไทยในช่วงเดือนนี้หรือ อีก 2 เดือนข้างหน้านี้

Nicolas spoetzel คือ ผู้ได้รับมอบหมายจาก Economic and Social Council (ECOSOC) ให้มีอำนาจรับเรื่องร้องเรียนให้สอบสวนกรณีคอร์รัปชัน ตาม United Nations Convention against Corruption

เมื่อรับเรื่อง คอร์รัปชัน แล้ว เขาจะนำกลับไปเข้าสู่ที่ประชุม UN สอบสวนประเทศไทย ว่า เป็นภาคีสมาชิกสนธิสัญญาต่อต้านคอร์รัปชัน กำลังมีเรื่องคอร์รัปชันจากการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท

เหตุที่เข้าข่าย คอร์รัปชัน เพราะว่าไทยโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ลงนามใน Intergovernmental Agreement on the Trans-Asian Railway กำหนดให้สร้างวางทางรถไฟ และระบบรถไฟในระบบ standard gate 1.435 เมตรเชื่อมต่อชายแดนทุกประเทศ

การสร้างราง 1 เมตร โดยรัฐบาลชุดนี้ ตามโครงการกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ถือว่ามีเจตนา "คอร์รัปชัน" เพราะสร้างแล้วต้องรื้อใหม่ เนื่องจากขัด Intergovernmental Agreement on the Trans-Asian Railway

ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) มีอำนาจรับสอบสวนเรื่องนี้ทันที

ใครลงนามสร้างทางรถไฟ 1 เมตรไปแล้ว เมื่อต้นปี เตรียมไปขึ้นศาล ICC ได้เลย

ส่วนรัฐบาล ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนโครงการ หากไม่อยากเป็นจำเลยในศาลอาญาระหว่างประเทศ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ศาล ICC เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน

view