สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กรมสอบสวนคดีพิเศษ อายัดบัญชีแกนนํา กปปส. - ท่อน้ำเลี้ยงแล้ว

กรมสอบสวนคดีพิเศษ อายัดบัญชีแกนนํา กปปส. - ท่อน้ำเลี้ยงแล้ว

จากประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 18 ธ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า หลังจากที่คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ได้มีมติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2556 ให้คดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายฐานความผิดต่างกรรมต่างวาระอัน สืบเนื่องจากการชุมนุมในนาม กปปส.เป็นคดีพิเศษ ซึ่งรวมถึงตัวการร่วม ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุน ตลอดจนกลุ่มทุนที่สนับสนุน หรือท่อน้ำเลี้ยง เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีนี้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะให้เกิดความเป็น ธรรมกับทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมติ กคพ.ได้กำหนดให้การสอบสวนบูรณาการร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ พนักงานสอบสวนของ สตช. และพนักงานอัยการฯ


นายธาริต กล่าวต่อว่า โดยในวันนี้ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนทันที คือออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.อีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันเป็นกบฏ กระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราช อาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก ทั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของ บช.น.ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน ดังนั้นเพื่อเป็นไปตามคำสั่งของศาลดังกล่าวดีเอสไอจึงจะได้ออกหมายเรียกแกน นำทั้ง 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหาทันทีในวันที่ 19 ธ.ค.56


นาย ธาริต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติสั่งอายัดบัญชีธนาคารแกนนําทั้ง 17 คน รวมทั้งนายสุเทพฯด้วย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการจะใช้พิสูจน์ความผิด หรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้งหมด ตามที่พนักงานสอบสวนของ สตช.ได้ดำเนินการเบื้องต้นมาส่วนหนึ่งแล้ว ดีเอสไอจึงเห็นสมควรใช้อำนาจตาม มาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ออกคำสั่งแจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำคนอื่นๆ รวม 18 คน ในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้น ๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด จะเริ่มดำเนินการทันที โดยส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคาร  ซึ่งการสั่งอายัดบัญชีแกนนําดังกล่าวจะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีรับ บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ซึ่งขณะนี้พบมี 2 บัญชี อยู่ระหว่างตรวจสอบตัวเงิน   


"การอายัดบัญชี และตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน ซึ่งดีเอสไอก็ดำเนินการเป็นปกติในคดีความผิดของคดีอื่น ๆ เป็นปกติอยู่แล้ว คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีแกนนำทั้ง 18 คน และบัญชีรับบริจาคอีก 2 บัญชีนี้ จะทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงิน และจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่าน บัญชีแกนนำ และบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสอบทานกับข้อมูลกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงที่ตำรวจร่วมกับดี เอสไอตรวจสอบไว้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย" นายธาริต กล่าว และว่า จึงขอเตือนให้กลุ่มทุน หรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้หยุดการสนับสนุนการ กระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือนเช่นนี้แล้ว หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุน หรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน


อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนของ สตช.ร่วมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ดำเนินการร่วมกันมาพบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อแกนนำที่ถูกออกหมายเรียก จำนวน 17 คน ประกอบด้วย นายสาทิตย์  วงศ์หนองเตย  นายชุมพล จุลใส  นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  นายอิสระ  สมชัย  นายวิทยา  แก้วภราดัย นายถาวร  เสนเนียม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ  นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์  นางอัญชะลี ไพรีรัก  นายนิติธร  ล้ำเหลือ  นายอุทัย ยอดมณี ร.ต.แซมดิน  เลิศบุศย์  พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์  นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ นายสมบูรณ์ ทองบุราญ


“ดีเอสไอ” สั่งอายัดบัญชี กปปส.-18 แกนนำ ออกหมายเรียกกบฏ จ่อเช็กบิลคนบริจาค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ธาริต” รับบทขี้ข้าสุดใจขาดดิ้น ออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.เพิ่ม 17 คน รับทราบข้อหากบฏ พร้อมสั่งอายัดบัญชีธนาคาร “สุเทพ” และแกนนำ บัญชีรับบริจาค กปปส.โดนด้วย เตรียมเช็กบิลผู้บริจาคเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยง ขู่จะเอาผิดแน่ อีกทั้งเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุม
           วันนี้ (18 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงข่าวหลังการประชุมพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการเพื่อวางแนวทางในการสอบสวนคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.พร้อมพวก หลังจากที่คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ.ได้มีมติรับเป็นคดีพิเศษ โดยเป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น
       
       ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนทันที โดยมีการออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมอีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา วันที่ 26 ธ.ค.ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายวิทยา แก้วภราดรัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายเอกณัฎ พร้อมพันธุ์ และนางสาวอัญชลี ไพรีรัก ส่วนวันที่ 27 ธ.ค.ดีเอสไอออกหมายเรียก นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์, พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ
       
       ขณะเดียวกัน ได้ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน เนื่องจากศาลได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำอีก 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหาบุคคลทั้ง 18 คนดังกล่าวจึงอยู่ในข่ายผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มีมูลเบื้องต้นจากการถูกออกหมายจับ และหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนแล้ว จึงมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีเหตุน่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการจะใช้พิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ตามที่พนักงานสอบสวนของ สตช.ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดีเอสไอจึงออกคำสั่งแจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำรวม 18 คน ในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้นๆ จัดส่งหลักฐานเป็นรายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด โดยจะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคารในวันพรุ่งนี้
       
       นายธาริต กล่าวว่า การสั่งอายัดบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คนนี้ จะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีที่แกนนำ กปปส.ได้ประกาศไว้ให้เป็นบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ขณะนี้พบมี 2 บัญชี การอายัดบัญชีและตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงิน และจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่าน บัญชีแกนนำและบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง จึงขอเตือนให้กลุ่มทุนหรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือน หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุนหรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่าง เจตนาโดยชัดเจน
       
       นอกจากนี้ ยังได้ออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ดำเนินการร่วมกันมาพบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันที
       
       ทั้งนี้ หากผู้ที่ออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบตามกำหนด ทางดีเอสไอจะขออำนาจออกหมายจับทันที ในฐานความผิดและข้อกล่าวหา “ร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราช อาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายใน บ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก


“สาทิตย์” โวย “ธาริต” อายัดบัญชีมิชอบ เตรียมฟ้องกลับ-“แซมดิน” เผยเงินเหลือแค่ 300

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

แกนนำ กปปส.ปราศรัย ซัด “ธาริต” อธิบดีดีเอสไอสั่งอายัด 18 บัญชีส่อผิดกฎหมาย ทั้งที่แกนนำได้มาด้วยความสุจริต และยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้ว แถมอายัดเงินบริจาคทำอาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุม เตรียมให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาเพิกถอนคำสั่ง-ฟ้องกลับ ด้าน “แซมดิน” เผยเงินในบัญชีเหลือสามร้อย เชิญอายัด
       
       วันนี้ (18 ธ.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวปราศรัยถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งอายัดบัญชีทรัพย์สิน 18 แกนนำ กปปส.โดยอยากถามว่าใช้อำนาจอะไรในการออกคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ การอายัดต้องชัดเจนว่าบัญชีนั้นได้มาจากการทุจริตหรือไม่ แต่บัญชีแกนนำทั้งหมดได้มาด้วยความสุจริต อีกทั้งก่อนลาออกจากการเป็น ส.ส.ก็ได้ยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบแล้ว และการจะอายัดตาม พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ต้องมีการเรียกธนาคารมาสอบถามถึงที่มาที่ไปของบัญชี ดังนั้น การออกคำสั่งอายัดครั้งนี้ถือว่าทำผิดกฎหมาย
       
       นอกจากนี้ การที่ดีเอสไอยังมีคำสั่งอายัดบัญชีครัวราชดำเนิน ก็อยากถามเช่นกันว่าผิดตรงไหน เพราะเป็นบัญชีที่ได้รับการบริจาคของประชาชน และเงินที่ได้มานั้น ก็มาทำอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ชุมนุม ดังนั้น การกระทำของดีเอสไอจึงถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้ง และถือว่าเป็นความเลวร้ายของข้าราชการในระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปศึกษาเพื่อเพิกถอนคำสั่งแล้ว และจะมีการฟ้องกลับทางนายธาริต เนื่องจากมีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
       
       อย่างไรก็ตาม การที่ดีเอสไอออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.ทั้งหมดเข้าให้ปากคำนั้น ยืนยันว่าจะเดินทางไปพบแน่นอน และไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก เพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ซึ่งขอยืนยันว่าจะไม่หลบหนีไปไหน แต่ขอทำภารกิจในการขับไล่รัฐบาลและระบอบทักษิณให้สำเร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะเดินทางไปพบตามหมายเรียก
       
       อนึ่ง มีรายงานว่าสำหรับบัญชีครัวราชดำเนินนั้น ได้มอบหมายให้ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี เปิดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสำนักรัชโยธิน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดยได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ แต่ภายหลังมีผู้บริจาคเงินเข้าบัญชีจำนวนมากเกินผิดปกติ ทำให้ระบบธนาคารทำการล็อกบัญชี น.ส.จิตภัสร์ จึงได้เปิดบัญชีกระแสรายวันเพิ่มอีกบัญชี ซึ่งรองรับการทำรายการจำนวนมากในภายหลัง ซึ่งเงินในบัญชีดังกล่าวจะถอนเงินเพื่อนำไปใช้ทำอาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุมเป็น ประจำทุกวัน ก่อนที่นายธาริตจะออกคำสั่งอายัดบัญชีวันนี้
       
       แหล่งข่าวจากเวที กปปส.เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ระบุว่า นอกจากบัญชีครัวราชดำเนินที่ น.ส.จิตภัสร์ รับผิดชอบแล้ว ยังมีบัญชีกองทุน กปปส.เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ซึ่ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส.เป็นผู้รับผิดชอบ โดยได้เปิดบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้ถูกอายัดบัญชีอีกด้วย ซึ่งเงินจากกองทุนดังกล่าวจะนำไปดูแลเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งกรณีการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเหตุการณ์ปะทะกับตำรวจที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา
       
       อีกด้านหนึ่ง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ในฐานะแกนนำ กปปส.เปิดเผยกับสื่อมวลชนสำนักหนึ่งถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอายัดบัญชี 18 แกนนำ กปปส.ว่า บัญชีธนาคารของตนขณะนี้มีเงินเพียงแค่ 300 บาท เชิญอายัดได้


“นิติธร” ท้า “ธาริต” อยากอายัดบัญชีทำไป เตือนถ้าคำสั่งมิชอบฟ้องกลับแน่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

คปท.ส่งมวลชนหญิงติดธงชาติรั้วทำเนียบ แต่ยังไม่เสร็จ เพราะใกล้ค่ำแล้ว รุ่งสางค่อยประดับธงที่เหลือต่อ “นิติธร” ลั่นไม่กังวลดีเอสไออายัดบัญชี เพราะเป็นแค่ทนายความหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเกินเก็บ ลั่นอยากอายัดก็อายัดไป แต่ถ้าคำสั่งไม่ชอบฟ้องกลับแน่
       
       วันนี้ (18 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.กลุ่มมวลชนสุภาพสตรีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ประมาณ 50 คน พร้อมการ์ดบางส่วน นำโดย นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย คปท.จัดกิจกรรมประดับธงชาติที่รั้วทำเนียบรัฐบาล โดยได้เข้าเจรจากับ พ.ต.อ.สุเมธ เมฆขจร ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะผู้บังคับการกองรักษาการความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอนำธงชาติไทยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป กลับมาประดับรอบกำแพงทำเนียบรัฐบาลบริเวณถนนลูกหลวง เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ข้างแนวกำแพงทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่สะพานอรทัย เรื่อยไปจนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ อีกครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจากจังหวัดจันทบุรี 40 นาย คอยรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอยู่ในช่วงยามวิกาล ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการประดับธงชาติ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือให้ยุติการทำกิจกรรมไว้เป็นการชั่วคราว แล้วจึงมาประดับธงที่เหลือต่อในวันพรุ่งนี้
       
       ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำ กปปส.18 คน ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ กระทำการให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการประทุษร้ายโดยมีอาวุธ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงนายนิติธร ล้ำเหลือ และ นายอุทัย ยอดมณี สองแกนนำ คปท.ด้วย ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดในคำสั่งดังกล่าว คงต้องรอให้ดีเอสไอส่งหนังสือแจ้งมาให้ทราบเป็นทางการก่อน เพื่อดูในรายละเอียด และเตรียมดำเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลและไม่สนใจเลยที่ถูกคำสั่งอายัดบัญชี เพราะปกติตนก็เป็นแค่ทนายความที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินเก็บ ดีเอสไออยากอายัดก็อายัดไป แต่ถ้าเป็นการใช้คำสั่งไม่ชอบ ตนดำเนินคดีกลับแน่นอน


ยธ-เตือนใครไล่-ยิ่งลักษณ์-ระวังเดือดร้อน

จาก โพสต์ทูเดย์

รมว.ยุติธรรม ขู่มวลชนเข้าร่วมเดินขบวนขับไล่"ยิ่งลักษณ์"อาจเดือดร้อน เหตุดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการนัดชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของแกนนำ ไม่สามารถเตือนได้ ส่วนผู้ชุมนุมที่จะร่วมเดินขบวนขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องคิดถึงบ้านเมืองและครอบครัว การเข้าร่วมเดินขบวนอาจนำความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัว เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว
      
สำหรับข้อเสนอให้ยกเลิกหรือเลื่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เห็นว่า ไม่มีหลักกฎหมายใดให้เลื่อนการเลือกตั้ง และนักกฎหมายทำให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง อยากเสนอให้แก้ปัญหาตั้งแต่ระบบการศึกษา โดยเฉพาะวิชากฎหมาย ที่ปล่อยให้ตีความกฎหมายอย่างกว้างขวาง จนนักกฎหมายต้องทบทวน เพราะไม่ได้บอกว่า สิ่งที่ทำไปตามหลักศรีธนญชัยถูกต้องหรือไม่
      
นายชัยเกษม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การริ่เริ่มให้มีการเจรจาหลายเวทีเริ่มมีข้อยุติพอสมควร แต่เสียดายแกนนำผู้ชุมนุมและผู้ที่ออกมาเดินขบวน ไม่ยอมเจรจา ทำให้ไม่ได้ข้อยุติร่วมกัน จึงขอให้ผู้ชุมนุมหันหน้ามาเจรจา ไม่ใช่ยืนยันความต้องการของตัวเองฝ่ายเดียว บ้านเมืองไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เพียงช่วง 1 ปี หรือปีครึ่ง ตามที่แกนนำผู้ชุมนุมระบุ ทุกความต้องการจึงต้องมีการเจรจา เพื่อลดหย่อนผ่อนปรนให้แก่กัน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : กรมสอบสวนคดีพิเศษ อายัดบัญชี แกนนํา กปปส. ท่อน้ำเลี้ยงแล้ว

view