สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ย้อนดูบทบาทของ-สงฆ์-กลางมรสุมการเมือง

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

ภาพ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ปรากฏตัวในฐานะผู้นำมวลชนขับไล่รัฐบาลอย่างเปิดเผย กลายมาเป็นคำถามในสังคมไทยอีกครั้งว่าบทบาทพระสงฆ์กับการเมืองมีเส้นแบ่งอยู่ตรงจุดใด

สำหรับพระพุทธะอิสระ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มในทั่วโลกออนไลน์ หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับบทบาทในฐานะผู้นำการชุมนุมที่ทั้งขึ้นเวทีปราศรัยเดินนำขบวนพามวลชนเคลื่อนไหว

เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์ไทยจะพบว่าหลายครั้งหลายคราที่ปรากฏบทบาทของ "พระสงฆ์" ท่ามกลางสถานการณ์ไม่ปกติของประเทศ

แต่ละรูป แต่ละบทบาท แต่ละเหตุการณ์ ล้วนมีความแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ.....

"สมเด็จพระพนรัตน์" ตามบันทึกในหนังสือพระราชพงศวดารในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ระบุว่าเมื่อปีพ.ศ.2135 หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี ก็ได้ทรงโปรดให้มีการพิพากษาลงโทษแม่ทัพนายกองหลายคนที่หนีสงครามเพราะความหวาดกลัวข้าศึก แต่วันตัดสินลงโทษนั้นเป็นเวลาใกล้กับวันพระ จึงนำตัวเชลยเหล่านั้นไปจองจำไว้ก่อนแล้วค่อยนำตัวไปประหารในภายหลัง ตอนนั้นเองที่ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้นำพระราชาคณะ 25 รูป เดินทางมาเข้าเฝ้าถวายพระพรเพื่อทูลถามถึงข่าวการศึกสงคราม พร้อมบิณบาตขอชีวิตบรรดาแม่ทัพนายกองเหล่านั้นให้รอดพ้นจากโทษทัณฑ์

"พระอาจารย์ธรรมโชติ" ก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปีพ.ศ.2308 วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ชาวบ้านต่างลุกขึ้นต่อสู้สุดกำลังจนสามารถต้านทานกองทัพพม่าอันเกรียงไกรซึ่งนำโดยแม่ทัพเนเมียวสีหบดีได้นานถึง 5 เดือนกว่าจะแตกพ่าย ประวัติศาสตร์จารึกชื่อของพระอาจารย์ธรรมโชติ ในฐานะที่พึ่งทางใจของชาวบ้านบางระจัน เดิมทีจำพรรษาที่วัดเขานางบวช สุพรรณบุรี ต่อมาได้ถูกนิมนต์มาอยู่ที่วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี ภายในค่ายบางระจัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยปลุกเสกสายสิญจน์มงคล ผ้าประเจียด และตะกรุดแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย ขณะที่ตัวท่านเองก็นั่งเจริญสมาธิกรรมฐาน บำเพ็ญเพียรโปรดแก่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างสงบ

"พระกิตติวุฑโฒ" เจ้าของประโยคอันลือลั่น"ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์จตุรัสเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2519 ว่า "ใครก็ตามที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือว่าเป็นมาร มิใช่มนุษย์ ดังนั้นการฆ่าคอมมิวนิสต์จึงไม่บาป แต่เป็นการฆ่ามาร ซึ่งถือเป็นภาระหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องทำ การฆ่านั้นหากเป็นการทำเพื่อประเทศชาติแล้ว แม้จะเป็นบาป แต่ก็ได้บุญในแง่ของการป้องกันประเทศจากศัตรูมากกว่าจะได้บาป เหมือนกับการฆ่าปลาถวายพระ การฆ่าปลาเป็นบาป แต่การนำปลานั้นมาตักบาตรถวายพระ ถือว่าได้บุญมาก " ประโยคดังกล่าวก่อให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังนักศึกษา จนนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าพระกิตติวุฒโฑเป็นภิกษุรูปหนึ่งที่มีส่วนในการก่อตั้งขบวนการนวพล ซึ่งเป็นหน่วยสงครามจิตวิทยา ทำงานร่วมกับกลุ่มกระทิงแดง โดยพยายามรวบรวมนายทุนและภิกษุที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ให้ร่วมกันต่อต้านพลังนักศึกษาและกรรมกร นับเป็นขบวนการที่มีส่วนอย่างมากในการปราบปรามนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19

"พุทธทาสภิกขุ" ภายใต้ช่วงเวลาอันตึงเครียดก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้นำประชาชน ประกาศอดอาหารเพื่อประท้วงให้นายกรัฐมนตรีพล.อ.สุจินดา คราประยูรและคณะลาออกจากตำแหน่ง พุทธทาสภิกขุ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล อ.พุนพิน จ.สุราษฎ์ธานี ได้เขียนจดหมายลายมือส่งตรงจากสวนโมกขพลามให้พลตรี.จำลอง ใจความว่า”คุณจำลอง ถ้าคุณยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ เราขอร้องว่า อย่าทำอะไร ชนิดที่เอาพิมเสน ไปแลกเกลือ ซึ่งคุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่า อะไรคือพิมเสนอะไรคือ เกลือ. ลงชื่อพุทธทาส อินทปัญโญ(พระธรรมโกศาจารย์)๗ พ.ค.๓๕"จนกลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมในขณะนั้น

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ปี 2540 ท่านได้ดำเนินการทอดผ้าป่าทองคำและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ชื่อ "โครงการผ้าป่าช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" เพื่อใช้เป็นทุนสำรองของประเทศไทย โดยคนทั่วประเทศร่วมกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ และเงินบาท ซึ่งทั้งหมดยกให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าบัญชีฝ่ายออกบัตร (คลังหลวง) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 19,495,378,353 บาท

โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาโดยตลอดในช่วงปัจฉิมวัยจวบจนวาระสุดท้ายของท่าน ช่วงนั้นเองได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้หลวงตามหาบัวตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่า ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง โดยเฉพาะการคัดค้านการรวมบัญชีเงินทุนสำรองของประเทศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเด็นการคัดค้านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับใหม่ และการเทศนาถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงพ.ศ. 2548

"พระราชธรรมนิเทศ" หรือพระพยอม กัลยาโณแห่งวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี มีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะพระนักเทศน์ผู้มีบุคลิกโผงผาง วาจาคารมคมคาย ทั้งยังพระนักพัฒนาที่ทำงานเพื่อคนด้อยในโอกาสในสังคม แต่ช่วงหลายปีมานี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเกี่ยวกับการออกมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เริ่มจากการตัดสินใจเปิดวัดสวนแก้วให้เป็นเวทีดีเบตภายใต้หัวข้อ“การเมืองเรื่องศีลธรรม”ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (ขณะนั้น) ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2550 พร้อมเปิดให้สื่อมวลชนบันทึกภาพและเสียงได้ แต่ไม่อนุญาตให้กองเชียร์ใช้เสียงหรือชูป้ายด่าหรือเชียร์ฝ่ายใดๆทั้งสิ้น

ต่อมายังอนุญาตให้ฝั่งคนเสื้อแดง นำโดยนายวีระ มุกสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เข้ามาจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” แต่ห้ามโฟนอิน หรือทำอะไรที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ห้ามนำตีนตบ หรือป้ายสนับสนุนที่มีถ้อยคำหยาบคาย โจมตีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาในวัด

พระพยอมเคยกล่าวไว้ว่า"ไม่ได้เข้าข้างชาวเสื้อแดง หากชาวเสื้อเหลือง ต้องการขอใช้พื้นที่ก็ยินดี อย่างน้อยวัดเองได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ในการให้ความรู้ และวัดสวนแก้วก็ทำอย่างนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว"


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ย้อนดู บทบาทของสงฆ์ กลางมรสุมการเมือง

view